ตระกูลฉิน
"เพล้ง!"
ถ้วยชาตกกระแทกพื้นก่อนที่จะแตกกระจายออกมาเป็นเสี่ยง ๆ!
แม่ฉินโกรธโมโหยิ่งนัก "พยายามมาตั้งมากมายขนาดนี้! เหตุใดเรื่องที่ฉินเฟิงถอดชื่อออกจากการประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิง เขาถึงไม่ยอมมาคุยกับข้า?"
สาวใช้ที่รั้งรออยู่ข้าง ๆ ต่างก็ตัวสั่นเทาพลางคุกเข่าลงบนพื้นกล่าวออกมาว่า "ฮูหยินใจเย็น ๆ ก่อนนะเจ้าคะ!"
ทั้งพ่อฉินและฉินซูโหรวที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น พวกเขาพลันลอบถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก พ่อฉินหาได้เอ่ยอันใดออกมาสักคำไม่ เนื่องจากเขารู้จักอารมณ์ของฮูหยินตนเองเป็นอย่างดี เขาเพียงแค่เหลือบตามองฉินซูโหรวเท่านั้น
ฉินชูโหรวเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดี แต่นางก็ตกใจไม่น้อยเช่นกันว่า เหตุใดอี้กุยจัดการเรื่องได้รวดเร็วเพียงนี้
เมื่อวานนางเพิ่งจะร้องขอความช่วยเหลือจากอี้กุยไปเอง อี้กุยก็สามารถเกลี้ยกล่อมพี่ใหญ่ของนางเอาไว้ได้แล้ว นับว่าคุณชายอี้มีความสามารถมากนัก ที่แท้ฉายาคุณชายอันดับหนึ่งของเมืองหลวงหาได้มาเล่น ๆ ไม่
นี่นับว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงของตระกูลฉิน!
“ท่านแม่ อย่าโกรธเคืองไปเลยนะเจ้าคะ พี่ใหญ่อาจจะมิได้ชอบองค์หญิงแล้วก็ได้เจ้าค่ะ” ฉินซูโหรวเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา “การที่พี่ใหญ่ถอนตัวออกจาการประลองในครานี้ พวกเราต้องสนับสนุนเขานะเจ้าคะ”
“ใช่ ๆ ” พ่อฉินพยักหน้าลงก่อนจะกล่าวสมทบ
ฉินชูโหรวพลันสั่งให้ข้ารับใช้นำถ้วยน้ำชามาให้ใหม่อีกใบ: "นอกจากนี้ในเมืองหลวงยังมีสตรีและคุณหนูใหญ่ในตระกูลดัง ๆ อีกมากมาย ข้าได้ยินมาว่าพวกนางล้วนแต่อยากจะแต่งให้กับพี่ใหญ่กันทั้งนั้น”
"ถูกต้อง" เพียงแค่บุตรสาวเอ่ยขึ้น พ่อฉินก็ร้องรับอย่างกับเตรียมบทรับส่งกันมาในทันที
“ถูกถูกถูกถูก! ถูกต้องอะไรกัน! ฉินเฟิงชอบองค์หญิง! จู่ ๆ เขาจักมาเลิกชอบองค์หญิงได้อย่างไร?” แม่ฉินโกรธโมโหยิ่งนัก “ทุกวันนี้เขาพยายามฝึกหนักทุกวัน เพื่อที่จะเอาชนะการประลองยุทธเลือกคู่ขององค์หญิงให้ได้! จู่ ๆ เขาจักมายอมแพ้ได้ยังไง!”
ทั้งพ่อฉินและฉินซูโหรวต่างลอบมองหน้ากัน สายตาของแม่ฉินพลันเปลี่ยนเป็นความเย็นชาในทันที "เป็นเซียวเฉวียนที่อยู่เบื้องหลังในเรื่องนี้ใช่หรือไม่?"
“เป็นคนไร้ค่าเซียวเฉวียนใช่หรือไม่ ที่พยายามจะขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลฉินของเรา!”
ฉินซูโหรวยังคงเงียบงั้น เรื่องนี้เป็นนางที่ได้รับความช่วยเหลือมาจากคุณชายอี้ หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับเซียวเฉวียนไม่
“พวกเจ้าออกไปจากที่นี่เสีย! ข้าอารมณ์ไม่ดี! ยากจะอยู่เงียบ ๆ!”
“ได้ได้ได้ เจ้าก็อย่าโมโหไปเล่า นี่หาใช่เรื่องเลวร้ายไม่” สองพ่อลูกพากันปลอบใจนางอีกสองสามคำ ก่อนจะพากันออกมา
แม่ฉินโกรธโมโหมากนัก นอกจากจะมีฉินเฟิงที่สามารถเข้าหน้ากับนางได้แล้ว นางก็หาได้สนใจสิ่งอื่น
ทว่า ในยามนี้ฉินเฟิงกลับมาถอดชื่อออกจากงานประลองยุทธโดยมิได้ปรึกษานางเช่นนี้อีก!
ดั่งคำพูดที่ว่า บุตรชายเติบใหญ่ย่อมมิต้องการมารดาแล้วจริง ๆ !
"ฮือฮือฮือ..."
ฉินซูโหรวพลันได้ยินเสียงมารดาร่ำไห้ดังออกมาไกล ๆ นางได้แต่ถอนหายใจออกมาเบา ๆ นางมิเคยเห็นมารดาของตนเองเศร้าเสียใจมากขนาดนี้มาก่อนเลย
พ่อฉินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า "ในที่สุดพี่ชายของดจ้าก็รู้สึกตัวเสียที ในฐานะบิดาเช่นข้ารู้สึกโล่งยิ่งนัก ในคราวนี้คงต้องขอบคุณบุตรเขยของพวกเราแล้วจริง ๆ "
เมื่อเห็นบิดามีท่าทีโล่งใจมากเช่นนี้ ฉินซูโหรวจึงมิกล้าบอกความจริงไปมาว่า หากแต่ภายในใจนางรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณอี้กุยมาก
ฉินซูโหรวจึงเดินหันหลังกลับเข้าไปที่ห้องใต้หลังคาอย่างร่าเริง "อาเซียง เจ้าช่วยเตรียมของขวัญส่งไปที่ศาลาคุนหวู่ที"
“หา? คุณหนูเจ้าคะ ยังต้องส่งไปด้วยหรือ?”
อาเซียงขมวดคิ้วเป็นปม ในคราก่อนนางส่งพัดไปให้แล้วนั้น ในยามนี้ควรส่งสิ่งใดไปให้กัน?
“ใช่ ส่งเป็นภาพวาดไปให้เป็นของขวัญเสีย คุณชายอี้เป็นบุรุษรูปงาม ที่รู้จักและเชี่ยวชาญการภาพวาด ดังนั้นเขาน่าจะชื่นชอบมัน”
“คุณหนูเจ้าคะ แต่นายท่านใกล้จะกลับมาเร็ว ๆ นี้แล้วนะเจ้าคะ พวกเราทำเช่นนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไหร่…” อาเซียงที่มีสายตาที่เฉียบแหลมนั้น นางย่อมเข้าใจดีว่านายท่านเป็นคนฉลาดเฉลียว กลอุบายเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ของคุณหนูจักไปตบตานายท่านได้อย่างไร
การส่งและมอบของขวัญเป็นการส่วนตัวเช่นนี้นั้น ขัดต่อคุณธรรมจริยธรรมของสตรียิ่งนัก!
ทว่า อาเซียงไม่กล้าเอ่ยพูดคำเหล่านี้ออกมา นางจึงได้แต่เอ่ยเตือนฉินซูโหรวถึงหน้าที่และความรับผิดชอบออกมาแทน "คุณหนูเจ้าคะ เช่นนั้นพวกเราอย่าได้ส่งไปเลยเจ้าค่ะ เพียงแค่ส่งพัดไปหนึ่งเล่มนับว่าเป็นสินค้าที่ล้ำค่ามากพอแล้ว"
"เจ้ามิต้องพูดมาก!" ฉินซูโหรวตวาดนางออกมา "เขาช่วยพวกเราไว้มากถึงเพียงนี้! หากมิแสดงออกถึงการขอบคุณออกไป เช่นนั้นจักทำเช่นไรเล่า?"
“ข้ามิกลัวเซียวเฉวียนหรอก!”
“เขาหาได้มีประโยชน์อันใดไม่ มิสู้ข้าไปร้องขอความช่วยเหลือจากคุณชายอี้ดีกว่าหรือ?”
“คุณชายอี้เป็นคุณชายที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวง การที่เขาสามารถช่วยเหลือข้าได้ ข้าย่อมต้องตอบแทนน้ำใจเขา!”
"มาเลือกภาพวาดกันเถอะ! รอเดี๋ยว เช่นนั้นก็เลือกภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนเสีย "
อาเซียงตกตะลึงไปในทันที "คุณหนูเจ้าคะ ภาพวาดผืนนี้เป็นฝ่าบาทที่มอบให้กับท่าน ในงานมงคลสมรสของท่านกับนายท่านนะเจ้าคะ"
ภาพรุ่งอรุณฤดูใบไม้ผลิแห่งเขาคุนหลุนเป็นผลงานชิ้นเอกของราชวงศ์ต้าเว่ย
มันจะถูกเขียนขั้นโดยจักรพรรดิผู้ล่วงลับไปแล้ว
ภาพวาดนี้จึงบรรยายถึงเทือกเขาคุนหลุนอันงดงาม ที่เต็มไปด้วยสัตว์แปลก ๆ มากมาย เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ภาพวาดนี้ถูกมอบให้กับเซียวเฉวียนและฉินซูโหรวโดยองค์จักรพรรดิ ฉะนั้นแล้วภาพนี้จึงเป็นผลงานที่มีเพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
เนื่องจากเป็นเซียวเฉวียนเป็นบุตรเขยที่ถูกแต่งเข้ามาในตระกูล ฉะนั้นแล้วสินมงคลจึงเป็นฉินชูโหรวที่รับหน้าที่เก็บสินเดิมเอาไว้ โดยไม่ต้องเอ่ยอันใดกับเซียวเฉวียนสักคำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...
แล้วมันสั่งให้ลูกน้องตอบโต้คนที่เข้ามาหาเรื่องเอาไว้ล่วงหน้าไม่ได้เหรอ กฎของนิยายเรื่องนี้มันบ้าๆ อยู่นะ แบบนี้ให้ผู้อารักขาเฝ้าบ้าน ถ้าเจ้านายไม่อยู่ โจรก็เดินเข้าไปเอาของได้สบายเลยสิ เพราะผู้อารักขาไม่มีนาย ทำอะไรโจรก็ไม่ได้...
ไหนบอกรักลูกน้องหนักหนา เด็กมันอยากจะเข้าไปเป็นสนมก็จะปล่อยให้เข้าไปงั้นเหรอ ตัวเอกเรื่องนี้มันยังไง พิมพ์ด่านะ แต่ก็อ่าน 55555...