ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 834

ณ สำนักมนตรีพิธีการ

เหล่าขุนนางมากมายที่พากันยืนอยู่นั้น พวกเขาแทบจะร่ำไห้ออกมากันหมดแล้ว

บ้างก็พากันสุมหัว กระซิบส่งเสียงเล็กเสียงน้อยออกมา บ้างก็กำลังใช้ความคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ

สายตาของพวกเขาพลันจับจ้องไปที่กระดาษข้อสอบในมือของตนเองจนตาแทบถลน อดที่จะจ้องมองเสียจนให้กระดาษข้อสอบทะลุออกมาเสียไม่ได้ ทั้งยังคิดหาสาเหตุไม่ออกอีกด้วย

พวกเขาได้แต่พากันส่ายหัวไปมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งยังถอนหายใจออกมาอยู่บ่อยครั้ง ต่างก็พากันมองหน้ากันและกัน

โจทย์ข้อนี้...

จะว่ายากก็ไม่ยาก หากแต่ก็ยังคงมีความยากอยู่ ในสายตาของพวกเขาแล้วนั้น แม้แต่เทียนหยวนซู่เองก็ยังมิอาจเอามาใช้แก้ปัญหานี้ได้

หากแต่ผู้ออกข้อสอบชุดนี้กลับกำชับว่ามิให้ใช้เทียนหยวนซู่….

แต่จากที่พวกเขามองดูแล้วนั้น นอกจากเทียนหยวนซู่แล้วก็หาได้มีสูตรอื่นใดที่สามารถนำออกมาใช้ได้ไม่

เช่นนั้นแล้วจุดประสงค์ของผู้ออกข้อสอบชุดนี้ต้องการสิ่งใดกันแน่?

หลายปีมานี้ ต้าเว่ยหาได้เคยออกข้อสอบที่ว่างเปล่าเช่นนี้ออกมาไม่ ดังนั้น การประกาศผลที่จะออกมาในวันนี้ บรรดาเหล่าขุนนางที่มิค่อยได้ใส่ใจกับโจทย์และคำถามนั้น จึงรู้สึกประหลาดใจยิ่งนักพลางพากันเดินทางมายังสำนักมนตรีพิธีการในทันที พร้อมทั้งหยิบกระดาษข้อสอบขึ้นมาดูหนึ่งแผ่น ว่าโจทย์ที่ออกมานั้นเป็นเช่นไร ถึงได้ทำให้เหล่าผู้มาสอบมากมายต่างนั่งงงงวยกันเช่นนี้งงงวย?

หลังจากที่พวกเขาอ่านแล้วนั้น ยังรู้สึกว่าโจทย์หัวข้อนี้ยุ่งยากยิ่งนัก!

เดิมทีโจทย์และแต่ละคำถามที่นำมาใช้ในการสอบขุนนางระดับเคอจี่นั้น ล้วนแต่ได้รับการตรวจสอบโดยองค์จักรพรรดิหมดแล้ว เมื่อฝ่าบาทให้การยินยอมแล้วนั้น พวกเขาจึงจะสามารถนำโจทย์ข้อสอบพวกนี้มาออกสอบได้

เนื่องจากองค์จักรพรรดิให้ความสำคัญกับการสอบขุนนางระดับเคอจี่มากนัก โจทย์และคำถามแต่ละเรื่องย่อมต้องได้รับการคิดมาอย่างรอบคอบ หากเป็นเช่นนี้แล้วไซร้ โจทย์ข้อนี้ย่อมมีวิธีแก้ปัญหาอีกทางหนึ่งอย่างแน่นอน

เป็นเรื่องธรรมชาติของมนุษย์เราที่มักจะหาสิ่งที่ท้าทาย ในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้

เหล่าบรรดาผู้คนมากมายต่างก็พยายามที่จะแสวงหาชื่อเสียงและโชคลาภของตน โดยหาได้สนใจในอายุอานามของตนเองไม่

หากว่าพวกเขาแก้โจทย์ข้อนี้ได้แล้วนั้น ย่อมต้องทำให้ผู้คนตกตะลึงไปได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเขาจักต้องมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วใต้หล้าเป็นแน่!

พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่า ด้วยความสามารถของพวกเขาแล้วนั้น พวกเขาจักมิอาจแก้คำถามนี้ไปได้?

เมื่อคิดเช่นนี้ เหล่าขุนนางจึงอดมิได้ที่จะลองดู

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปได้เป็นครึ่งวันแล้วนั้น พวกเขายังคิดหาหนทางแก้โจทย์นี้มิได้เลยด้วยซ้ำ ใบหน้าที่ประดับไปด้วยความตื่นเต้นนั้น พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย หลงเหลือไว้แต่เพียงความละอายใจเท่านั้น

หากโจทย์ข้อนี้ ผู้เข้าสอบทำมิได้ก็หาได้เป็นอันใดไม่

ทว่า พวกเขาที่เป็นถึงขุนนางที่เคยสอบผ่านระดับเคอจี่มาแล้วนั้น หลังจากที่เข้ามารับใช้ในราชสำนักมานานหลายปี พวกเขาคนใดบ้างเล่าที่มิใช่คนที่มีความสามารถโดดเด่นท่ามกลางบัณฑิตมากมายในปีนั้นบ้าง?

พวกเขาที่ทระนงตนว่ามีความสามารถและมีความรู้มากมายนั้น หากแต่ในยามนี้ พวกเขากลับต้องมาตกตะลึงนิ่งงันไปด้วยเพียงเพราะโจทย์ข้อเดียว?

นี่มิได้หมายความว่า ระดับชั้นของพวกเขาหาได้แตกต่างจากเหล่าบัณฑิตที่มาเข้าร่วมสอบเลยงั้นหรือ?

ใบหน้าของตนราวกับถูกตีไปด้วยความเจ็บปวดในทันที...

ในบรรดาขุนนางเหล่านี้นั้น ก็ยังมีบัณฑิตจอหงวนเช่นจ้าวหลานรวมอยู่ด้วย

แม้แต่จ้าวหลานเอง ก็ยังต้องกับส่ายหัวไปมาด้วยความจนใจ โจทย์ข้อนี้ เขาเองก็มิอาจแก้มันออกมาได้

มันมิสำคัญเลยว่าจักสามารถแก้โจทย์นี้ออกมาได้หรือไม่ ถึงอย่างไรเขาก็มิได้เข้าร่วมการสอบในครานี้ หากแต่จิตใจของจ้าวหลานพลันรู้สึกปั่นป่วนยิ่งนัก เขาพอจะคาดเดาได้ว่า โจทย์ข้อนี้จักต้องเป็นเซียวเฉวียนที่เป็นผู้คิดขึ้นมาอย่างแน่นอน

อีกทั้ง เขายังพอจะคาดการณ์ได้ว่า การกระทำของเซียวเฉวียนในครานี้ คือเขาพยายามที่จะช่วยเหลือเหล่าบัณฑิตให้รอดพ้นจากการฆาตกรรมของเว่ยเชียนชิวอยู่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ จ้าวหลานก็อดมิได้ที่จะแอบยกนิ้วให้กับเซียวเฉวียน เซียวเฉวียนเก่งกาจยิ่งนัก!

เมื่อคิดไปถึงท่าทีที่เต็มไปด้วยความผิดหวังของเว่ยเชียนชิวแล้วนั้น จ้าวหลานพลันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาในทันที

นับว่าโชคดีที่เขามีปฏิกิริยาตอบสนองที่เร็วไว พลางกระแอมกระไอออกมาเพื่อกลบเสียงหัวเราะของตนเองออกมาได้ทัน ทำเอาใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงไปในทันใด

จ้าวหลานพลันรู้สึกว่า ในเมื่อตนเองสามารถคาดเดาแผนการของเซียวเฉวียนได้นั้น ฉะนั้นแล้วทั้งตัวเขาและเซียวเฉวียนในยามนี้ก็มิต่างจากตั๊กแตนสองตัวถูกมัดบนเชือกเดียวกัน ในเมื่อพวกเขาลงเรือลำเดียวกันเช่นนี้แล้ว พวกเขาย่อมมิอาจเปิดเผยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ออกไปได้อีก

บรรดาเหล่าขุนนางและเสนาบดีทั้งหลาย ที่วัน ๆ เอาแต่คอยดูถูกดูแคลนเซียวเฉวียนนั้น พวกเขากลับนึกเป็นกังวลที่ตนเองไม่สามารถหาเหตุผลเพื่อมาโจมตีเซียวเฉวียนได้!

หากบรรดาเหล่าขุนนางและเสนาบดีเหล่านี้รู้ว่า โจทย์ข้อนี้มาจากเซียวเฉวียนแล้วละก็ พวกเขาจักต้องสร้างความยุ่งยากและทำให้เกิดคลื่นพายุขนาดใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน!

จ้าวหลานครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง พลันรู้สึกว่าตนเองมิจำเป็นต้องรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงเตรียมที่จะเข้าทักทายเหล่าขุนนางคนอื่น ๆ พร้อมกับขอตัวกลับก่อน

ดั่งคำกล่าวที่ว่า สุขหรือทุกข์ล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมดา หาได้มีผู้ใดคอยหลีกเลี่ยงได้ไม่

ทันทีที่จ้าวหลานก้าวขาออกจากธรณีประตูนั้น หูของเขาพลันได้ยินขุนนางคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมาด้วยท่าทีมิได้ใส่ใจว่า "โจทย์ข้อนี้ มิรู้ว่าเป็นใต้เท้าท่านใดที่คิดค้นขึ้นมากัน?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย