หมิงเจ๋อเอาความคิดตนเป็นหลัก พยายามเพื่ออะไรกัน ในใจมีความคิดโค่นล้มเซียวเฉวียนที่ฝังลึกในจิตใจมานาน เปรียบเสมือนเมล็ดพืชที่เติบโตเรื่อยๆแบบไม่อาจหยุดยั้ง เมื่อออกผลเจริญงอกงามดีก็ทำให้เขาคันยุบยิบในใจเกินทน
ประเด็นคือเสี่ยวเซียนชิวแข็งเกร่งเกินใคร หากปล่อยให้ไปยังซินเจียง ก็เสมือนว่าซินเจียงได้พรไปเลยน่ะสิ!
ถึงแม้เขาจะรู้อยู่แก่ใจดีว่าเสี่ยวเซียนชิวคือลูกสาวของเซียวเฉวียน ก็รู้สึกว่าทำแบบนี้นั้นไม่ได้ผิดอะไร
เซียวเฉวียนแต่งงานกับองค์หญิงต้าถงที่เป็นน้องสาวของเขา หมิงเจ๋อจะส่งต่อตำแหน่งให้ลูกสาวตน หากจะทำแบบนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผล
นับประสาอะไรกับเสี่ยวเซียนชิวที่เป็นดาบวิญญาณ จะว่าไปก็ไม่ใช่ลูกในไส้เซียวเฉวียนเสียหน่อย อยู่ในครอบครัวยากจนกับเซียวเฉวียนจะมีอนาคตที่สดใสได้อย่างไร?
หากไม่ได้เอากำลังที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ก็น่าเสียดาย
แทนที่จะเป็นแบบนี้ มาอยู่กับองค์ชายหมิงเจ๋อแห่งซินเจียงไม่ดีกว่าหรือ
หมิงเจ๋อตำแหน่งสูงและมีอำนาจมาก อีกหน่อยเมืองซินเจียงทั้งเมืองก็ตกเป็นของเขาแล้ว เสี่ยวเซียนชิวติดสอยห้อยตามหมิงเจ๋อไปก็จะเป็นผลดีกับวิชายุทธิ์ของตน เป็นเกียรติเป็นศรีไม่มีที่สิ้นสุด
แต่หากกล่าวเช่นนี้ ก็ถือว่าเสี่ยวเซียนชิวอยู่ข้างๆคอยรินน้ำชาให้หมิงเจ๋อ ยังดีกว่าอยู่กับเด็กเหลือขอตกอับแบบเซียวเฉวียนเป็นไหนๆ!
คิดไปก็เท่านั้น หมิงเจ๋อลอบมองเสี่ยวเซียนชิวเป็นระยะๆด้วยแววตาเป็นมิตร หากอยากดึงดูดให้นางหันมองตนก็ต้องทำเช่นนี้
เสี่ยวเซียนชิวไม่ได้สังเกตเห็นถึงสายตาที่หมิงเจ๋อมองมา เพียงชั่วครู่เสี่ยวเซียนชิวก็สลายตัวอย่างอ่อนช้อยขึ้นไปยังจุดสูงสุดบนต้นไม้สูงร่วมสิบเมตร ลมแรงพัดชุดนางปลิวไสว ผมยาวสยายปลิวไปตามลม เสมือนดั่งนางฟ้านางสวรรค์ลงมาสู่โลกมนุษย์ หล่อนมองเหล่ามนุษย์ที่อยู่ล่างตนด้วยสายตานิ่งเฉย
วิชาตัวเบานี้เปิดโลกหมิงเจ๋อจริงๆ
เขาเคยเห็นนักปราชญ์ฝึกฝนวิชาตัวเบา พลันเกิดความคิดที่ว่าเหล่านักปราชญ์เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งจนไม่มีใครบนโลกสามารถเทียบชั้นกับพวกเขาได้ คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวเซียนชิวจะเป็นคนที่เก่งกาจจนถึงขั้นมากกว่าเหล่านักปราชญ์เลยก็ว่าได้
คนหนุ่มสาวช่างเก่งนำหน้าคนรุ่นก่อนเสียจริง!
เสี่ยวเซียนชิวถึงแม้จะยังอายุน้อย แต่พลังที่มีก็ไม่เป็นสองรองใคร หากหล่อนตั้งใจฝึกมากกว่านี้อีกสักหน่อย รบกี่ครั้งก็กำหราบศัตรูได้สิ้นซากหมดเป็นแน่!
เมื่อถึงคราวปฏิบัตรหน้าที่ก็ชนะได้อย่างไม่มีข้อกังขา อาจื่อเทียบชั้นกับหล่อนไม่ได้ด้วยซ้ำ!
หมิงเจ๋อยิ่งคิดก็ยิ่งได้ใจ อดใจรอไม่ไหวที่จะได้พูดคุยกับเสี่ยวเซียนชิวอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา “เสี่ยวเซียนชิว ตัวข้าต้องการคนเก่งกาจแบบท่าน หากท่านไม่รังเกียจข้าขอเรียนเชิญให้ท่านมาใช้ชีวิตอันมั่งคั่ง รุ่งโรจน์ กับข้าเถิด!”
แต่หากคิดอีกทาง ไอ้โง่เซียวเฉวียนยังคงอยู่ที่นี่ คิดการใหญ่ตีท้ายครัวอย่างไม่ละอายใจต่อหน้าเซียวเฉวียน ถ้าหากแม่นางไม่เล่นด้วย ไม่เพียงแต่จะโดนเซียวเฉวียนหัวเราะเยาะต้องโดนเซียวเฉวียนแก้แค้นเป็นแน่แท้
เขาไม่กลัวเซียวเฉวียน แต่ชีวิตเขายังคงอยู่ในเงื้อมมือของเซียวเฉวียน หากไปยั่วโมโหเข้าจนเซียวเฉวียนพิโรธก็ทำได้แค่รอวันตายแค่นั้นแหละ?
จะมาสิ้นชีพเพราะเสี่ยวเซียนชิวแค่คนเดียวไม่คุ้มอย่างยิ่ง!
แต่หมิงเจ๋ออยากได้แม่นางเสี่ยวเซียนชิวมาครอบครองมาก….
ดวงตาหมิงเจ๋อหลุกหลิก ฉับพลันก็มีความคิดหนึ่งวิ่งเข้ามาในหัว เขากำลังรอโอกาสยามดีเพื่อจะได้ลอบคุยกับแม่นางเสี่ยวเซียนชิวอย่างเงียบๆก็สิ้นเรื่องแล้วไหม?
เมื่อคิดออกก็พึงพอใจ หมิงเจ๋อฉีกมุมปากแสยะยิ้ม ในหัวคิดอย่างมีความสุขว่าจะหลอกล่อเสี่ยวเซียนชิวให้ละทิ้งสิ่งชั่วร้ายเพื่อไปหาอะไรที่ดีกว่าอย่างไรดี….
คิดไปคิดมาหมิงเจ๋อรู้สึกตกใจที่ตนไม่เคยห้ามความคิดในใจได้เลย เขายังจำได้ที่นักปราชญ์เคยเตือนไว้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวเฉวียนต้องควบคุมความคิดในใจตน ห้ามให้โพล่งออกมาได้
ตอนนั้นหมิงเจ๋อถามเหตุผลจากนักปราชญ์ นักปราชญ์ตอบกลับมาแค่ ความลับของฟ้า มิอาจเปิดเผย และยังมีอีกหลายๆครั้งที่นักปราชญ์มีท่าทางสุขุมจนคาดเดาไม่ถูกและไม่ยอมเอ่ยคำใด หมิงเจ๋อจะตื๊อเอาคำตอบก็ไม่เกิดประโยชน์ ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของนักปราชญ์ไป
หมิงเจ๋อเคยคาดเดาว่าเซียวเฉวียนน่าจะอ่านใจคนได้ แต่ในใจลึกๆก็หวังว่าจะไม่เป็นแบบที่คิด เหล่านักปราชญ์เก่งกาจขนาดนั้นยังไม่สามารถอ่านใจใครได้ นับประสาอะไรกับเด็กเหลือขอแบบเซียวเฉวียน?
อีกอย่าง หมิงเจ๋อก็เคยยุ่งเกี่ยวกับเซียวเฉวียนอยู่หลายครั้งก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขามีพลังอย่างว่า ตามที่หมิงเจ๋อบอก นักปราชญ์ที่ระมัดระวังตัวเกินเหตุขนาดนั้นมองเซียวเฉวียนสูงส่งไปมาก!
ไม่หรอกมั้ง หมิงเจ๋อแอบมองเซียวเฉวียน เขานั่งไขว่ห้างอยู่บนโขดหินพลางนั่งหลับตาพักสมอง หากเขาสามารถอ่านใจคนได้จริงๆ ตามท่วงทีที่ฉับพลันและเฉียบขาดของเซียวเฉวียน คงเอาความแค้นทั้งหมดที่มีมาลงกับหมัดแล้วต่อยหมิงเจ๋อนานแล้ว จะนั่งสมาธินิ่งๆแบบนี้ต่อได้อย่างไร?
นักปราชญ์กังวลในเรื่องที่ไม่จำเป็นต้องกังวลไปเสียแล้ว
ความโกรธทำให้คนโกรธจนสิ้นสติได้จริงๆสินะ
“เหอะ!”
เซียวเฉวียนหัวเราะในลำคออย่างเอือมระอา ในมือกำยาเม็ดเล่นพลางพึมพัมกับตัวเองว่า “ยาเม็ดนี้ยังมีประโยชน์มากกว่าท่านเสียอีก ไม่ทราบว่าผู้แซ่เซียวจำผิดหรือไม่ว่าพรุ่งนี้มีคนต้องการยาที่ท่านกำลังกำอยู่ในมือ”
ยาเม็ด?
หมิงเจ๋อหันกลับมามอง พระเจ้าช่วย เซียวเฉวียน ได้โปรดท่านอย่าเอาชีวิตข้ามาล้อเล่นเลย ข้าหยิบน้ำมาให้ท่านแล้วเราก็เจ๊ากันได้หรือไม่?
เขาลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ก้าวเท้าเร็วไปยังหน้าเซียวเฉวียนด้วยสีหน้าประจบสอพลอพลางพูด “อย่าเลย มีเรื่องอันใดคุยกันก่อนดีๆได้หรือไม่ ข้าจะรีบไปหยิบน้ำให้ท่านบัดเดี๋ยวนี้”
พูดก็พูดเถิด หมิงเจ๋อหยิบกระบอกไม้ไผ่ออกมาจากหีบห่อของเซียวเฉวียนพลางกรอกน้ำลงอย่างประณีต เขาก้มตัวโค้งเอวยื่นกระบอกน้ำให้เซียวเฉวียนอย่างนอบน้อม “เชิญท่านดื่ม”
“ข้าไม่ดื่มดีกว่า” เซียวเฉวียนกระพริบตาพลันพูด “นั่งนานไปหน่อย ข้าชักจะปวดเอวกับหลังขึ้นมาเสียแล้ว….”
ไม่ต้องรอเซียวเฉวียนพูดจบ หมิงเจ๋อลุกลี้ลุกลนวางกระบอกไม้ไผ่ลง เดินอ้อมไปยังหลังเซียวเฉวียนก่อนลงมือนวดคลายเมื่อยให้ เขาโมโหแต่ไม่กล้าระบายออกมา ได้แต่กัดฟันกรอดควบคุมความโกรธเอาไว้….
เมื่อเวลาเดินมาถึงหนึ่งชั่วยาม เซียวเฉวียนสะบัดมือเป็นสัญญาณให้หมิงเจ๋อหยุดนวดเสีย เขาปรนนิบัติเซียวเฉวียนไปครั้งใหญ่จนมือเริ่มปวดขึ้นมาเสียแล้ว ได้แต่อดทนจนเซียวเฉวียนบอกให้พอ เขาค่อนผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย พลางสะบัดมืออย่างแรงเพื่อคลายความเจ็บปวด
เซียวเฉวียนสบายไปหน่อย เขาบิดขี้เกียจไปทีก่อนกระโดดลงมาจากโขดหินแล้วปรบมือก่อนพูด “ทุกท่านตื่นเถิด เตรียมตัวออกเดินทางได้”
เมื่อได้ยิน ทุกคนก็หยิบสัมภาระก่อนยืนขึ้นอย่างเป็นระเบียบ
ในทันใดนั้น หมิงเจ๋อดันล้มตึงลงสู่พื้นดิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย
อ่านแรกๆก็สนุกนะแต่อ่านไปสักพักก็งงกับตรรกะของนักเขียน..นักเขียนจีนนี่โนทัศน์แปลกๆรื่องราวไล่เรียงไปเหมือนมีเหตุผลอยู่ก็กลับไร้เหตุผลดื้อๆซะงั้นคงอ่านไปต่อไม่ได้แล้วมันช่างทำร้ายจิตใจคนอ่านเป็นระยะอ่านไปรู้สึกหนืดๆไม่ไหลลื่นเลย...
ถึงตอน139 อ่านต่อไม่ได้ต้องทำอย่างไรครับ...
ถ้าแต่งเรื่องแบบนี้ไม่ต้องแต่งเลยจะดีกว่าไม่มีความคิดสมัยใหม่เลยถ้าตัวเอกแบบนี้ก็สมที่คนเป็นพ่อเป็นแม่ทัพพาลูกน้องทั้งกองทัพไปตาย...
มีเรื่องนี้ที่ตัวเอกเป็นเหมือนขยะสังคมทั้งที่ทลุมิติมากเกิด...
ไอ้คนแต่งมันปัญญาอ่อนหารือเปล่า...
มันสมควจไหมที่เอาเลือดเขามาติดต่อวิณยาณไม่มีเหตัผลที่จะทำอย่างนี้เหมือนมันไม่มีอะไรทำทำไมไม่คิดเอาวิธีช่วยลูกเมียมันจะมีประโยชน์กว่า...
เรื่องนี้ตัวเอกเหมือนควายเหมือนหมาหมามาก...
ไม่สมควรเป็นชุปเปอร์ลูกเขยน่าเป็นลูกเขยะจริงๆ...
เป็นคนที่ไม่มีสำมาคาระวะเหมือนไพร่น่ารังเกลียดไม่น่าเอามาเป็นตัวเอก...
บางครั้งเชียวเฉวียนเล่นเหมือนเด็กไม่มีความน่านับถือไม่น่าเอามาเป็นตัวเอกน่าให้เป็นคนชั้นตำ่มาก็กว่า...