แต่น้องเขยกลับช่วยเธอสอบถาม คงจะขอร้องคุณสุดเขตต์ด้วย คุณสุดเขตต์ถึงได้รับเงินของเธอในจำนวนที่น้อยลง
ในตอนนี้แน่นอนว่าเงิน 9,000 ยังคงเป็นเงินจำนวนมากสำหรับเธออยู่ดี ดังนั้นก็ถือเสียว่าเป็นค่าบทเรียน ทีหลังจะได้ระมัดระวังในการใช้ท้องถนน ว่ารถหรูเป็นรอยไม่ได้เด็ดขาด!
“น้องเขยใกล้จะกลับมาแล้วใช่ไหม?”
“อืม พรุ่งนี้ก็กลับมาแล้ว”
“อย่างนั้นก็ดีเลย วันมะรืนพี่กับพี่เขยเธอจะไปที่นั่นแต่เช้า เธอจะทำอาหารเองใช่ไหม?พี่จะได้ไปช่วยเธอ”
น้ำทิพย์ที่ประคับประคองชีวิตกับน้องสาวของเธอด้วยกันมา เธอเป็นคนมีความสามารถทำได้ทุกอย่าง เพียงแต่ว่าตอนนี้เธอมีลูกเล็กๆ ที่รั้งเธอเอาไว้ แหล่งรายได้ของเธอก็ถูกตัดออกไป เธอจึงจำต้องถูกสามีกดขี่ให้เธออยู่บ้านเป็นแม่บ้าน
สองคนพี่น้องพูดคุยเรื่องสัพเพเหระในโทรศัพท์กันได้สักพักก็วางสาย
“คุณสีคราม ตอนเย็นคุณต้องทำงานล่วงเวลาทุกวันเลยเหรอ?”
“มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“เดี๋ยวนี้ก็จะถึงวันเสาร์แล้ว คุณย่าและพ่อแม่ของคุณจะมาทานอาหารด้วย ในบ้านของเราดูโล่งๆ เกินไป ฉันคิดว่าสองวันนี้พวกเราหาเวลาไปดูเฟอร์นิเจอร์และซื้อทุกอย่างที่จำเป็นมากันสักหน่อยดีกว่า”
สีครามนิ่งเงียบ
งานของเขายุ่งมากๆ ตารางการใช้ชีวิตทุกวันก็เต็มแน่นไปหมด เป็นเรื่องยากมากที่จะหาเวลาไปซื้อเฟอร์นิเจอร์กับเธอ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมพูด ดอกหญ้าก็กล่าวออกมาด้วยความเข้าอกเข้าใจ “ถ้าคุณไม่มีเวลา ฉันไปซื้อเองคนเดียวก็ได้”
สีครามส่งเสียงอืมตอบรับ “บ้านนี้คุณเป็นช้างเท้าหน้า ธุระภายในบ้าน คุณตัดสินใจเองได้เลย ถ้าเป็นเรื่องใหญ่คุณค่อยมาบอกกับผมก็ได้”
เขาไม่มีเวลามากขนาดนั้นที่จะมาดูแลเรื่องยิบย่อยภายในบ้าน
“อย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวฉันไปบอกแก้วตาสักหน่อย วันนี้คงไม่ได้กลับไปที่ร้านแล้ว จะไปซื้อของหน่อย”
ครอบครัวของพวกเขานี้จะต้องยืนหยัดขึ้น
สีครามไม่ได้กล่าวอะไร
เขาหันหลังเดินกลับไปห้องของตนเอง
ผ่านไปไม่นาน เขาก็ออกจากห้องแล้วกล่าวกับดอกหญ้า “ผมไปทำงานแล้วนะ”
“ขับรถระวังหน่อยนะคุณ”
ดอกหญ้าเอ่ยกำชับเขาไปเองตามความเคยปาก
สีครามถือเกี๊ยวนึ่งและน้ำเต้าหู้ที่ยังไม่ได้เปิดออกเอาไว้และจากไป
เขาขับรถยนต์คันนั้นที่เขาซื้อมาเพื่อแสร้งทำเป็นยากจนตบตาดอกหญ้าออกไปจากกุสดีศิลป์
หลังจากออกมาจากบริเวณชุมชนแล้ว เขาก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์ของตนเองและรถบอดี้การ์ดจอดอยู่ริมทางจึงจอดรถเทียบข้างถนน
“คุณสีคราม”
เหล่าบอดี้การ์ดรีบลงจากรถด้วยความรวดเร็ว
พวกเขาเดินล้อมรถโรลส์-รอยซ์คันนั้นเอาไว้แล้วเปิดประตูให้เขา
บอดี้การ์ดนายหนึ่งเอ่ยถามด้วยความเคารพ “คุณสีคราม คุณต้องการให้ผมเอาไปทิ้งให้ไหมครับ?”
สิ่งที่เขาหมายถึงก็คืออาหารเช้าที่สีครามถืออยู่ในมือ
สีครามส่งเกี๊ยวนึ่งที่ยังไม่ได้กินให้กับบอดี้การ์ดนายนั้นทันทีโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไร นั่นก็คือให้เหล่าบอดี้การ์ดจัดการ
ประตูรถถูกปิดลง รถยนต์ออกตัวอย่างเร็วไว จากนั้นก็เข้าสู่การจราจรอย่างรวดเร็ว
ดอกหญ้าใช้เวลาทั้งวันวิ่งไปวิ่งมา และในที่สุดเธอก็ซื้อของทุกอย่างที่จำเป็นและขาดไปในบ้านได้ครบถ้วน
เครื่องใช้ในครัวที่เธอสั่งซื้อทางออนไลน์ก็ทยอยส่งมาถึงทีละชิ้นๆ เช่นกัน
คืนวันนั้น สีครามกลับมาดึกมาก เมื่อเขากลับมา ดอกหญ้าก็เฝ้าพระอินทร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ไปรบกวนเธอ หลังจากเดินไปดูรอบ ๆ และเห็นบ้านที่ดอกหญ้าตกแต่งแล้ว ก็รู้สึกขึ้นมาในใจว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างใช้ได้ทีเดียว
บางที เธออาจจะไม่ใช่หญิงเจ้าเล่ห์ ที่แต่งงานกับเขา ถ้าเธอไม่ต้องการอะไรอย่างอื่น ก็อาจจะแค่ต้องการหาที่พึ่งพิงก็ได้
เธอเองก็อาศัยอยู่ในบ้านพี่สาวของเธอมาตลอด คงรู้สึกเหมือนต้องพึ่งพาอาศัยคนอื่น
และสีครามยังไม่เชื่อว่าดอกหญ้าเป็นผู้หญิงที่ดี หลังจากที่คบหากันเพียงไม่กี่วันแน่นอน เขายังคงต้องคอยสังเกตต่อไป ดังคำกล่าวที่ว่าระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน ต้องอยู่ด้วยกันในชีวิตประจำวันฉันสามีภรรยา ถึงจะเห็นตัวตนที่แท้จริงของเธอได้อย่างแจ่มแจ้ง
ลาภปากเขาจริงๆ
ได้ทานอาหารเช้าฝีมือของเธอนั้นอุ่นใจกว่าการรับประทานอาหารเช้าที่ซื้อมาจากข้างนอกมากโข
ดอกหญ้าเก็บถ้วยและตะเกียบไปล้างที่ครัว
“คุณสีคราม เสื้อผ้าของคุณมีแต่สีดำเหรอ?”
สีครามนิ่งเงียบ ก็เท่ากับว่าเขายอมรับ
“คุณใส่เสื้อผ้าไซส์อะไร วันหลังถ้าฉันจะไปช้อปปิ้ง เดี๋ยวจะซื้อเสื้อผ้าสีอื่นให้คุณใส่ สีหน้าคุณก็เคร่งเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เอาแต่ใส่สีดำบ่อยๆ มันทำให้ดูแล้วรู้สึกเย็นชาเฉยเมย”
ทันใดนั้นสายตาของสีครามก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาและน้ำเสียงของเขาก็เย็นดั่งน้ำแข็ง “เรื่องเสื้อผ้าการแต่งตัวของผม คุณไม่ต้องมายุ่ง!”
เขาก็แค่ชอบสีดำ ถ้าเธอมองแล้วไม่ชอบ ก็เอานิ้วจิ้มตาตัวเองซะ จะได้ไม่ต้องเห็น!
ดอกหญ้าฟังออกถึงความเฉยเมยและความไม่พอใจในคำพูดของเขา หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เธอจึงกล่าวว่า “ขอโทษที่ฉันล่วงเกินคุณ ทุกคนมีความชอบในแบบของตัวเอง และฉันไม่ควรให้คุณเปลี่ยนความชอบของตัวเอง เพียงเพราะฉันไม่ชอบ”
สีครามไม่ตอบรับ
เขาหันหน้าออกไปทางระเบียง
เมื่อมองไปที่ระเบียงที่เธอตกแต่งเอาไว้เหมือนสวนดอกไม้เล็กๆ ใบหน้าหล่อเหลาที่บูดบึ้งของเขาก็อ่อนลงเล็กน้อย
หลายนาทีผ่านไป
ดอกหญ้าหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วร้องเรียก“คุณสีคราม ไปได้แล้ว”
สีครามหันกลับมาจากระเบียงแล้วก็ไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ เขาไปหยิบกุญแจรถอย่างเงียบ ๆ จากนั้นสองสามีภรรยาก็ออกไปข้างนอกพร้อมกัน
สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่น่าภิรมย์ใจนัก สองสามีภรรยารู้จักดีว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร จึงไม่มีใครกล่าวถึงมันอีก
พวกเขาไม่คุ้นเคยและไม่เข้าใจซึ่งกันและกัน ตอนนี้พวกเขาอยู่ด้วยกัน และได้เข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องปรับตัวเข้าหากัน หลังจากนี้อาจจะพบเจอกับสถานการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้ และระเบิดความไม่น่ายินดีหนักยิ่งขึ้นไปอีก
ดอกหญ้าทำอะไรละเอียดอ่อน เธอได้กำหนดเมนูอาหารและเตรียมรายการส่วนประกอบทั้งหมดที่จำเป็นของอาหารที่จะทำในวันนี้แล้ว พอเอารายการของที่ต้องซื้อและตรงไปที่ตลาดเลย การซื้อของก็รวดเร็วขึ้นมาก
คำพูดและการกระทำในการใช้ชีวิตของดอกหญ้า ยังถือว่าทำคะแนนได้สูง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม