ดอกหญ้าสีคราม นิยาย บท 23

ทั้งสองซื้อของในตลาดสองชั่วโมงถึงกลับมา 

สีครามที่ชินกับการมีรถยนต์หรูเพื่อใช้เดินทางไปไหนมาไหน แม้ว่าปกติเขาจะเป็นคนที่ออกกำลังกายและฝึกกังฟู แต่การที่เขามาซื้อของกับดอกหญ้าเป็นเวลาสองชั่วโมงในตลาด แล้วยังต้องรับหน้าที่ถืออาหารอีก เขาก็รู้สึกเหนื่อยพอตัวทีเดียว 

เขายอมรับมืออยู่กับงานเอกสารที่ไม่รู้จักจบสิ้น หรือการประชุมไม่รู้จบเสียยังดีกว่าไปเดินซื้อของกับผู้หญิงที่ตลาด 

หลังจากที่จอดรถเรียบร้อยแล้ว ไม่ทันที่ดอกหญ้าจะลงจากรถ คุณย่าศรีก็โทรศัพท์มาหาเธอ 

“ดอกหญ้า พวกเธออยู่บ้านหรือเปล่า?พวกเราอยู่ข้างล่างแล้ว”

ดอกหญ้ากล่าวยิ้มๆ  “คุณย่า พวกเราเพิ่งกลับมาจากตลาดค่ะ คุณย่ารอเราที่ข้างล่างก่อน เดี๋ยวเราจะรีบไปหานะคะ”

“เธอกับครามไปตลาดเหรอ?”

คุณย่ามีความสุขมากเมื่อได้ยิน เธอคิดในใจว่าหลานชายคนโตผู้เย็นชาและเย่อหยิ่งของเธอ ยอมวางตัวตนของเขาลงและพาดอกหญ้าไปซื้อผักที่ตลาด 

ให้เขาแสร้งทำเป็นคนจน ปล่อยให้ใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาบ้างก็ดี

“ค่ะ ไปซื้อของกันนิดหน่อย”

“ครามมักจะยุ่งอยู่แต่กับงาน โตขนาดนี้แล้วเขาไม่เคยไปเดินจ่ายตลาดเลย พาเขาออกไปเดินบ้างก็ดี ดอกหญ้า ทำไมต้องให้ครามช่วยถือของนะ เขาพลังเยอะ เธออย่าได้ใช้แรงตัวเองเยอะนะ”

คุณย่าใครเป็นหลานแท้ๆ ของคุณย่ากันแน่ครับ?สีครามเอ่ยถาม

หลังจากที่ดอกหญ้าลงมาจากรถ ขณะที่มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์เพื่อพูดคุย เธอก็ใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูเบาะหลังของตัวรถ จากนั้นโน้มตัวเข้าไปในรถแล้วหยิบรถเข็นแบบพับได้คันหนึ่งออกมาและส่งสัญญาณให้สีครามเข็นรถเข็นออกไป

“คุณย่าวางใจได้ ฉันไม่ใช้แรงตัวเองหนักหรอกค่ะ”

รถเข็นคันเล็กใหญ่ไม่พอ เธอซื้อผักและผลไม้มามากเกินไปจึงใส่ลงไปในรถเข็นได้ไม่หมด สีครามจึงเป็นคนถือส่วนที่เหลือ ตั้งแต่ต้นจนสุดท้ายเธอรู้สึกสบายมากๆ ไม่รู้สึกเหนื่อยเลยสักนิด 

“คุณย่า ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปหานะคะ”

“จ้ะ เดี๋ยวเจอกันนะ”

คุณย่าเป็นฝ่ายวางสายโทรศัพท์ก่อน 

ดอกหญ้ายัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เธอผลักรถเข็นและกล่าวกับสีครามที่ถือของเต็มทั้งสองมือ “คุณสีคราม ไปกันเถอะ พวกคุณย่ามาถึงแล้วตอนนี้อยู่ชั้นล่าง กำลังรอพวกเราอยู่”

สีครามเดินเคียงข้างเธอ เขากล่าวย้ำเตือนเธอด้วยเสียงทุ้มต่ำในขณะที่เดินไปด้วย “ต่อหน้าพวกคุณย่า คุณห้ามเรียกผมว่าคุณสีคราม ให้เรียกว่าสีคราม”

“โอเค”

อย่างไรก็เป็นเพียงชื่อเรียกเท่านั้น ดอกหญ้าไม่มีทางสับสนแน่นอน 

ไม่นานพวกคุณย่าก็เห็นสองสามีภรรยาเดินเข้ามา

ดอกหญ้ากำลังเข็นรถเข็นคันเล็กซึ่งเต็มไปด้วยผัก เครื่องดื่ม และผลไม้ต่างๆที่เธอซื้อมาและผู้ชายที่โดดเด่นที่สุดในรุ่นของตระกูลจีรศักดี  กลับถือถุงเล็กใหญ่เต็มไม้เต็มมือไปหมด สองสามีภรรยาเดินเคียงคู่กันมา ภาพนั้นกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทีเดียว 

“อุ๊ปส์——”

คุณชายเก้าตระกูลจีรศักดี สกีอายุน้อยกว่าสีคราม15 ปี ตอนนี้เขายังเป็นนักเรียนมัธยมปลาย และเขาก็ไม่ได้สำรวมนัก พอเห็นภาพนี้เข้าก็หลุดหัวเราะโพล่งออกมา

ตั้งแต่เขาจำความได้สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือพี่ใหญ่ที่มีสีหน้าจริงจัง เป็นพี่ใหญ่ที่สั่งสอนเขาอย่างเข้มงวด ในความประทับใจของเขา พี่ใหญ่ของเขามักจะเย็นชาและเย่อหยิ่งอยู่ตลอด และไม่ไว้หน้าใคร พวกเขาในสายตาของพี่ใหญ่ก็เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ 

ไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งพี่ใหญ่จะกลายมาเป็นคนปกติธรรมดาได้

“กี!”

คุณย่าส่งเสียงปรามกี สายตาของเธอยังคงยิ้มและเธอก็รู้สึกว่าการที่สีครามปิดซ่อนตัวตนที่แท้จริงเอาไว้เพื่อทดสอบนิสัยของดอกหญ้า ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสียเลย อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาได้เห็นอีกด้านของสีคราม 

“คุณย่า ผมทนไม่ไหว ขอผมหัวเราะสักพักเหอะ”

สกีกล่าวด้วยเสียงหัวเราะร่า “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่ควรให้พี่ใหญ่ถือไก่มือซ้ายหนึ่งตัว ถือเป็ดมือขวาหนึ่งตัว แล้วก็แบกตุ๊กตาอ้วนไว้บนหลังนะ”

 “……” ทุกคนเงียบ

ส่วนชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเหล่านั้น เธอไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อน แต่เธอเดาได้ว่าพวกเขาน่าจะเป็นบรรดาน้องชายของสีคราม 

“ดอกหญ้าเธอควรเปลี่ยนมาเรียกลุงเมธีว่าพ่อ และเรียกป้าจิว่าแม่ได้แล้วนะ”

คุณย่ากล่าวเตือนให้ดอกหญ้าเปลี่ยนคำเรียกด้วยรอยยิ้ม 

นามสกุลเดิมของแม่ของสีครามคือฐานันญาและชื่อจิรา

เมธีมองไปที่ลูกสะใภ้อย่างอ่อนโยน เขาเชื่อมั่นในสายตาของแม่ ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ไปวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวของลูกชายและให้อิสระแก่พวกเขา เขาเป็นผู้ใหญ่ที่เปิดกว้างมาก 

ในใจของจิราไม่ได้ยอมรับในตัวลูกสะใภ้คนนี้นัก แต่เธอได้รับการอบรมมาอย่างดี ใบหน้าที่ได้รับการดูแลอย่างดีของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่นเดิม 

ดอกหญ้าเปลี่ยนคำเรียกอย่างสบายๆ เธอเรียกเมธีว่าพ่อ และเรียกจิราว่าแม่

“คุณย่า ขึ้นไปข้างบนก่อนเถอะ ข้างนอกมันร้อนครับ”

สีครามกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ 

คุณย่าเรียกลูกคนที่สองของเธอและคุณชานรองจีรศักดีให้รีบมาช่วยดอกหญ้าเข็นรถเข็นทันที คุณย่าขอให้ดอกหญ้าช่วยพยุงเธอขึ้นไปข้างบน แม้ว่าเธอจะแข็งแรงมากก็ตาม 

ไม่นานก็กลับเข้ามาในบ้านอย่างรวดเร็ว 

ดอกหญ้าผายมือให้ทุกท่านนั่งลงและรีบไปเทน้ำชงชา  ล้างผลไม้และหั่นใส่จานให้ทุกท่าน

“ดอกหญ้า มาสิ ให้ครามช่วยแนะนำตัวเธอสักหน่อย” 

คุณย่ามองบ้านหลังเล็กๆ นี้ของหลานชายอยู่ครู่หนึ่ง การตกแต่งอย่างอบอุ่น ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นฝีมือของดอกหญ้า เธอดึงดอกหญ้าที่กำลังจะไปหยิบของว่างเอาไว้ เบิกตามองหลานชายและบอกสีครามเป็นนัยๆ ให้แนะนำบรรดาน้องชายให้ดอกหญ้ารู้จัก 

สีครามกล่าวเสียงเรียบ “พวกนายแนะนำตัวเองให้พี่สะใภ้รู้จักสิ”

เริ่มจากคุณชายรองไปจนถึงคุณชายเก้าทุกคนล้วนเรียกดอกหญ้าว่าพี่สะใภ้ใหญ่ด้วยความเคารพ 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม