แม้เจอหน้ากันครั้งแรก แต่สกีก็พูดคุยกับดอกหญ้าอย่างสนุกสนานราวกับเป็นเพื่อนเก่า
เจ้าหมอนี่ได้เห็นภาพที่พี่สะใภ้ใหญ่ให้พี่ใหญ่เป็นพนักงานขนย้ายของแล้ว เขาจะกอดขาพี่สะใภ้ใหญ่เอาไว้ไม่ปล่อย เขาเชื่อว่าพี่สะใภ้ใหญ่จะเป็นคนหนุนหลังเขาได้ในอนาคต!
น้ำทิพย์และประจวบพาคัตโตะมาถึงช้ากว่าครอบครัวของตระกูลจีรศักดีนิดหน่อย
เมื่อรู้ว่าภรรยาของเขาต้องชดใช้ค่าทำรถหรูของคนอื่นเป็นรอย แต่เนื่องจากน้องเขยของเขารู้จักเจ้าของรถ ในท้ายที่สุดเจ้าของรถก็ให้ภรรยาของเขาชดใช้เพียง 9,000 เท่านั้น ประจวบจึงไม่อาจดูแคลนน้องเขยที่ยังไม่ได้พบหน้า
เดิมทีประจวบที่ไม่ได้สนใจเข้าร่วมการพบหน้ากันของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายในวันนี้ ก็เปลี่ยนใจ หลังจากที่ได้พบสีคราม เขาแอบรู้สึกประหลาดใจขึ้นไปอีกกับท่าทีของน้องเขยคนนี้ซึ่งดูน่าเกรงขามกว่าเจ้านายในบริษัทของเขาเสียอีก และยิ่งดูน่าเกรงกลัวกว่าด้วย
“คุณสีคราม”
ประจวบยื่นมือขวาไปทางสีครามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “สวัสดีครับ ผมเป็นพี่เขยของดอกหญ้าครับ”
สีครามจับมือกับประจวบ เอ่ยเสียงเรียบว่า “พี่เขย”
เขาเรียกน้ำทิพย์ว่าพี่อีกครั้ง
น้ำทิพย์พอได้เห็นน้องเขยก็รู้สึกถึงการดึงดูด แม้ว่าเขาจะดูน่าเกรงขามกว่ารูปถ่ายในทะเบียนสมรส ดูๆ แล้วเป็นคนนิ่งๆ และไม่พูดมาก เธอก็ยังคงรู้สึกพึงพอใจอยู่มาก
“โตะ เรียกคุณอาสิ”
น้ำทิพย์สอนลูกชายให้เรียกสีคราม
คัตโตะจ้ำม้ำน่าเอ็นดู ดวงตาของเขาคล้ายกับแม่ของเขามาก ลูกตาสีดำแวววับมักจะกลอกไปรอบ ๆ มันดูน่ารักไร้เดียงสา และทำให้คนรู้สึกเอ็นดูเพียงแค่ได้มอง
สีครามเอ่ยถามอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ “พี่ ผมขออุ้มเขาหน่อยได้มั้ย?”
น้ำทิพย์กล่าวยิ้มๆ “ได้สิ”
เธอยื่นลูกชายให้น้องสาว และหลังจากที่ดอกหญ้าอุ้มหลานชายเอาไว้ สีครามจึงรับคัตโตะมาอุ้มไว้จากภรรยาของเขา
การกระทำนี้ของน้ำทิพย์ทำให้สีครามมองพี่สะใภ้ของเขาดีมากขึ้น เธอเป็นคนที่ละเอียดอ่อน รู้จักมารยาทและรู้จักหลีกเลี่ยง เธอกังวลว่าหากอุ้มลูกโดยตรง ทั้งสองคนก็อาจจะถูกเนื้อต้องตัวกันได้ จึงส่งลูกให้ดอกหญ้าอุ้มไว้
เขากลับดอกหญ้าเป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฎหมาย ไม่ว่าพวกเขาจะถูกเนื้อต้องตัวกันมากแค่ไหน มันก็เป็นเรื่องปกติ
สีครามอุ้มคัตโตะขึ้นไปข้างบน
แม้ว่าเด็กน้อยจะยังพูดไม่ได้ แต่เขาก็ยังสามารถเรียกชื่อคนได้อย่างไม่ยาก สีครามเป็นคนนิ่งๆ เด็กน้อยส่วนใหญ่ต่างก็พากันกลัวเขา แม้แต่คุณชายเก้ายังกลัวพี่ใหญ่อย่างเขาจะตายชัก ถึงได้รีบเกาะแข้งเกาะขาพี่สะใภ้ใหญ่เอาไว้
ทว่าคัตโตะกลับไม่กลัวสีคราม หลังจากที่สีครามอุ้มเขาเอาไว้ เขาก็เรียกอาเขยด้วยความกระตือรือร้น
สองสามีภรรยาต้อนรับครอบครัวของน้ำทิพย์ทั้งสามคนให้เข้าไปในบ้าน จากนั้นก็แนะนำสมาชิกในตระกูลจีรศักดีอีกครั้ง
สมาชิกในตระกูลจีรศักดีต่างก็รู้ว่าพ่อแม่ของดอกหญ้าได้เสียชีวิตไปแล้วทั้งคู่ พวกเขาสองคนพี่น้องประคับประคองดูแลกันมาตลอด โดยอาศัยเงินชดเชยจากพ่อแม่ในการดำรงชีวิตและเล่าเรียนจนจบ จึงค่อนข้างให้เกียรติและเคารพน้ำทิพย์
ถึงแม้ว่าในตอนนี้น้ำทิพย์จะอยู่บ้านเป็นแม่บ้าน ไม่ได้เข้าสังคมมานานหลายปี ก่อนหน้าที่ยังไม่ได้แต่งงาน ก็เป็นคนที่ล้มลุกคลุกคลานในการทำงาน เธอคิดว่าทั้งครอบครัวของน้องเขยล้วนแต่เป็นคนที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี และแนวทางของครอบครัวก็ต้องดีมากแน่นอน ซึ่งแตกต่างจากครอบครัวในชนบททั่วไป
คุณย่ากล่าวว่าตระกูลจีรศักดีของพวกของนี้มาจากบ้านนอก แต่ลูกหลานมีความสามารถ จึงมาได้ดีในเมืองหลวงและได้ตั้งธุรกิจกงสีเล็กๆ น้อยๆ ทั้งครอบครัวเพิ่งย้ายเข้ามาอาศัยอยู่ในเมือง แต่คนสูงอายุอย่างเธอก็ยังกลับไปที่บ้านนอกเพื่อใช้ชีวิตอยู่ช่วงหนึ่งเป็นปกติ
คฤหาสตระกูลจีรศักดีสร้างอยู่ในเขตชานเมือง ซึ่งห่างไกลจากใจกลางเมืองที่วุ่นวายจอแจ และนอกคฤหาสน์ก็มีที่ดินทุ่งนา ที่คุณย่าบอกว่าท่านอาศัยอยู่บ้านนอกก็ฟังดูสมเหตุสมผล
เพียงแต่ว่าบ้านนอกของท่านเหลื่อมด้วยทองเท่านั้นเอง
หลังจากที่ครอบครัวของพี่สาวมาถึง ดอกหญ้าก็เริ่มลงมือทำอาหารกลางวัน
สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจก็คือสีครามกลับกระตือรือร้นที่จะเข้ามาเป็นลูกมือช่วยเธอในครัว
“คุณสีคราม ฉันทำเองได้ คุณออกไปคุยกับพวกท่านข้างนอกเถอะค่ะ”
สีครามกล่าวเสียงเรียบ “ครอบครัวผม พวกคุณแม่เขาง่ายๆ สบายๆ อยู่แล้ว ไม่ต้องให้ผมอยู่เป็นเพื่อน”
“งั้นคุณก็ไปคุยกับพี่เขยฉันสิ”
สายตาของสีครามฉายความเย็นชา และกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงเรียบเฉยเย็นชาและกล่าวว่า
“ผมคุยกับพี่เขยไม่ถูกคอน่ะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม