“คุณสีคราม ฉันเองดีกว่าค่ะ”
ดอกหญ้าส่งสัญญาณให้เขาถอย
หลังจากที่สีครามนิ่งไป เขาก็ถอยแล้วยื่นผ้ากันเปื้อนให้ดอกหญ้า
แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้ออกไปไหน เขาแค่ดูดอกหญ้ายืนล้างจานอยู่ห่างๆ แล้วกล่าวว่า “นัดทานข้าวกันคราวหน้า เราไปทานที่โรงแรมแล้วกัน จะได้หมดเรื่อง”
“อืม”
ดอกหญ้าไม่มีความคิดเห็นอะไร วันนี้เป็นวันที่ทั้งสองครอบครัวได้มาพบหน้ากัน เธอก็เลยจำเป็นต้องแสดงฝีมือให้บ้านสามีครอบครัวเห็นสักหน่อย จึงได้ทำอาหารที่บ้าน
“คุณย่าบอกคุณว่าอะไรเหรอ?”
จู่ๆ สีครามก็เอ่ยถามออกมา
ดอกหญ้าหยุดการเคลื่อนไหวที่มือลงชั่วขณะ แล้วมองไปที่เขา
สีครามก็มองไปที่เธอเช่นกัน สายตาทั้งสองคู่ของสองสามีภรรยาประสานกัน สีครามเห็นสายตาขบขันเล็กน้อยในดวงตาของเธอ และได้ยินเธอกล่าวว่า “คุณย่าท่านถามว่าพวกเราแยกห้องกันนอนเหรอ?บอกว่าพวกเราจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ให้ฉันกล้าๆ หน่อย รุกเข้าหาหน่อย โยนคุณลงเตียง เปลื้องผ้าคุณออก แล้วหลับนอนกับคุณ”
สีคราม “……”
นี่เป็นสิ่งที่คุณย่าเขาพูดออกมา
“คุณย่ายังบอกอีกว่าหวังว่าในปีหน้าจะได้อุ้มเหลนชายเหลนสาว แล้วยังย้ำด้วยอีกว่าอยากได้เหลนสาว บอกว่าถ้าเราสองคนมีลูกสาวไม่ได้ ก็ให้มีลูกต่อไปจนกว่าจะมีลูกสาว ยังบอกอีกว่าถ้าคลอดลูกสาวจะมีรางวัลให้อย่างงาม คุณย่าจะให้รางวัลที่ท่านเก็บมาทั้งชีวิตแก่ฉันด้วย”
สีคราม “……”
รางวัลที่คุณย่าของเขาเก็บมาทั้งชีวิตรวมๆ ก็เป็นพันล้านเลยนะ
คุณย่าให้ความสำคัญกับดอกหญ้า สะใภ้ใหญ่คนนี้มากจริงๆ
“รุ่นปู่ของคุณมีลูกสาวไหม?”
สีครามส่ายหัว พลางกล่าว “ในรุ่นของทวดผมมีลูกสาวคนเดียว ท่านเป็นน้องสาวของทวด แต่ท่านอายุสั้น ท่านจากไปอย่างกะทันหันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 5 ปี แล้วคนรุ่นต่อมาก็ไม่มีลูกสาวเลย”
ในรุ่นของเขามีพี่น้องเก้าคน
ดอกหญ้ายังคงล้างจานของเธอต่อไป และกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่น่าล่ะ คุณย่าถึงได้ใจกว้างขนาดนั้น ถึงขนาดบอกว่าจะเอาสมบัติที่เก็บทั้งชีวิตมาให้ฉัน ที่แท้มันเป็นเรื่องยากที่จะเป็นจริงมากๆ นี่เอง”
คำพูดนี้ของเธอทำให้สีครามคิดมาก เขาคิดว่าในที่สุดหางจิ้งจอกของเธอก็โผล่ออกมาเสียแล้ว ที่แท้ที่เธอเข้าหาคุณย่าก็เพราะสมบัติส่วนตัวของท่านนี่เอง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอหลอกคุณย่าให้ทำดีกับเธอขนาดนั้น ไม่สนใจความปรารถนาของเขา และคอยจู้จี้ให้เขาแต่งงานกับเธอไม่หยุด
ดอกหญ้าซึ่งไม่ได้ยินเขาพูดอะไร จึงหันไปมองเขา เธอเห็นสีหน้าหม่นหมองของเขา เมื่อสังเกตเห็นว่าเธอมองเขาอยู่ ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นเฉียบคมและเย็นชาในทันที
ดอกหญ้ากะพริบตาปริบๆ เธอพูดอะไรผิดไปเหรอ?
“คุณสีคราม?”
สีครามหน้าบูดบึ้ง เขาหันหลังกลับและเดินออกจากครัวโดยไม่สนใจดอกหญ้า
หลังจากมองดูเขาเดินออกไปแล้ว ดอกหญ้าก็เอ่ยพึมพำ “แปลกจริงเชียว เขาถามเองแท้ๆ พอฉันตอบก็ชักสีหน้าใส่ คิดว่าฉันอยากจะปล้ำคุณจริงๆ หรือไง เย็นชาอย่างกับน้ำแข็ง ก่อนที่จะได้ปล้ำคุณ ฉันคงได้ถูกคุณแช่แข็งเป็นรูปปั้นน้ำแข็งก่อนล่ะสิไม่ว่า”
ดอกหญ้าคิดว่าที่สีครามสีหน้าเปลี่ยนไปก็เพราะเหตุผลที่คุณย่าสนับสนุนให้เธอปล้ำเขา
สีครามกลับไปที่ห้องของเขา นานแล้วก็ไม่มีทีท่าจะออกมา
ดอกหญ้าเองก็ไม่อยากสนใจเขา ผู้ชายตัวเบ้อเร่อยังจะให้เธอไปง้ออีกเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม