คุณย่ายิ้มพูดขึ้น “ทำไมไม่กล้า? พวกเธอเป็นสามีภรรยากัน จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยาตามกฎหมาย ครามไม่เป็นฝ่ายรุก เธอก็รุกก่อน ย่าอยากอุ้มเหลนน่ะ”
ดอกหญ้าหน้าแดงพูดขึ้น “คุณย่าคะ ฉันไม่กลัวคุณโกรธหรอกนะ หน้าตาเคร่งขรึมอย่างหลานชายคุณน่ะ ฉันแทะไม่เข้าจริงๆ ค่ะ”
คุณย่า: “……”
สีครามเหมือนปู่ของเขา เป็นคนเฉยเมยเคร่งขรึมตั้งแต่เกิด สมัยคุณย่าวัยรุ่นแล้วสามีแล้วถูกใจ ก็ตามจีบสองสามปี ตามจีบสามีทุกวิถีทาง ถึงได้สามีมา
“ถ้าฉันแทะเขา ก็เหมือนแทะกระดูกที่แช่ช่องฟรีซมาหนึ่งปี ทั้งเย็นทั้งแข็ง ไม่ต้องแทะจนฟันฉันหลุดหมดเหรอคะ”
คุณย่า: “……”
“คุณย่าคะ เรื่องของฉันกับสีคราม คุณไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า”
ยังไงเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
คุณย่าติเตียน เธอไม่กังวลได้เหรอ นี่คือหลานสะใภ้ที่เธอถูกใจนะ แถมส่งเสริมงานแต่งนี้จนสำเร็จโดยที่ไม่คำนึงถึงความยินยอมจากหลานสะใภ้ ถ้าหากดอกหญ้าไม่มีความสุข เธอจะตำหนิตัวเองจนวันตาย
“ได้ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ย่าจะช่วยเธอจัดของเอง เธอทำงานเธอไปนะ”
คุณย่าอยู่บ้านไม่มีอะไรทำ มักจะช่วยชาวสวนดูแลต้นไม้ดอกไม้ ก่อนหน้านี้ช่วยดูแลที่นานอกคฤหาสน์ด้วย โดนลูกหลานตักเตือนขอร้อง เธอเลยไม่ไปช่วยแล้ว เคยคิดจะไปเป็นคุณป้าทำความสะอาดที่บริษัทครอบครัวตัวเอง ใครจะไปรู้ว่าพอเธอพูดขึ้น สีครามหน้าเจ้าเด็กแสบนั่นก็ทำหน้าเหมือนเทพแห่งสายฟ้าเลย
เธอตกใจกลัวจนไม่กล้าไป
ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณย่ามาพูดคุยกับดอกหญ้าที่ร้าน ดอกหญ้ารู้ว่าคุณย่าเหน็ดเหนื่อยมาเกินครึ่งชีวิตแล้ว เป็นคนที่อยู่นิ่งไม่ได้ จัดของนิดหน่อยไม่ได้ใช้แรงอะไรมาก ปล่อยให้คุณย่าช่วยจัดพวกหนังสือ ส่วนเธอก็ถักทองานหัตถกรรมของเธอด้วยใจที่จดจ่อ
คุณย่าที่หยิบไม้ขนไก่มาปัดๆ หนังสือเหล่านั้นบนชั้นหนังสือ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าดอกหญ้าที่กำลังใจจดใจจ่อกับการทำอะไรบางอย่างอยู่ช่างมีเสน่ห์สุดๆ เธอจึงควักโทรศัพท์ออกมา ซ่อนตัวด้านหลังชั้นวางหนังสือ แอบถ่ายวิดีโอดอกหญ้าที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่
ถ่ายเสร็จแล้วก็ส่งไปให้หลานชายคนโตสุดที่รักของเธอ
แน่นอนว่า สีครามไม่มีทางตอบกลับคุณย่าเขา
คุณย่าก็ไม่สนว่าเขาจะตอบหรือไม่ แค่เขาเห็นก็พอแล้ว ดอกหญ้าคือหนังสือเล่มหนึ่ง ทุกหน้าที่เปิดจะค้นพบอะไรใหม่ๆ เธอแค่อยากดึงหลานชายเข้ามาอ่านดอกหญ้าหนังสือเล่มนี้เท่านั้นเอง
ขณะที่จิตใจมุ่งมั่นทำอะไรบางอย่างอยู่ ก็พบว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วเป็นพิเศษ
หลังจากดอกหญ้าทำสินค้าที่ลูกค้าสั่งจองล่วงหน้าแล้ว ก็มองดูเวลา เป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
เวลาที่แก้วตานัดบอดคือทุ่มครึ่ง
สถานที่นัดบอดคือไมล์ล่า คอฟฟี่ที่สวยและใหญ่ที่สุดในจังหวัดนรารี ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเจริญรุ่งเรือง เนื่องจากเจ้าของเต็มใจที่จะใช้เงิน ร้านกาแฟจึงใช้วัสดุเก็บเสียง หลังจากเดินเข้ามาในร้านกาแฟที่สภาพแวดล้อมสวยงาม ก็ไม่ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวด้านนอกแล้ว ทำให้ผู้คนผ่อนคลายจิตใจ และไม่มีใครมารบกวน
ฉะนั้นไมล์ล่า คอฟฟี่จึงขายดีมาก ผู้คนจำนวนมากชอบไปนั่งที่นั่น ถึงจะไม่ดื่มกาแฟ ก็เข้าไปสงบจิตใจก็ดีเหมือนกัน
แก้วตาขี่รถจักรยานยนต์มารับเพื่อนสนิท
พอคุณย่าเห็นแก้วตาขี่รถจักรยานยนต์มา ก็พูดว่าเธอ “ยัยแก้ว ทำไมเธอไม่เดินไปล่ะ?”
แก้วตาถอดหมวกกันน็อคออก แล้วยิ้มกว้างพูดขึ้น “ฉันชอบความรู้สึกตอนขี่มอไซค์ซิ่งน่ะค่ะ เวลานี้ด้วย ถนนสายหลักแต่ละแห่งรถติดหมด ฉันออกเดินทางแบบนี้ รถติดก็ไม่ส่งผลกระทบต่อฉันค่ะ”
“ย่าศรี คุณทานข้าวหรือยังคะ? ถ้ายัง ฉันจะพาคุณไปด้วย คุณมีประสบการณ์มากกว่าฉันเยอะเลย มาช่วยฉันดูหน่อยสิคะ ป้าฉันบอกว่าอีกฝ่ายทำงานที่ไชยราชกรุ๊ปด้วยล่ะ”
ไชยราชกรุ๊ปเป็นบริษัทใหญ่อันดับสองของจังหวัดนรารีในแวดวงธุรกิจ เป็นรองแค่จีรภักดีกรุ๊ปของตระกูลเศรษฐี การเข้าบริษัททั้งสองมีเกณฑ์สูงมาก หากไม่ใช่คนที่มีความสามารถอย่างแท้จริง จะเข้าไปไม่ได้ กล่าวได้ว่าคนที่สามารถทำงานในบริษัทสองแห่งนี้ได้ สามารถอวดข้างนอกได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดอกหญ้าสีคราม