ในห้องผู้ป่วย ชายสองคนมองหน้ากัน บรรยากาศก็เงียบอย่างน่ากลัวอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดภวินท์ก็พูดทำลายบรรยากาศแปลก ๆ “อาจารย์ครับ มีอะไรจะสั่งหรือครับ”
ดร.ยติภัทรมองแววตาของเขาลึก ๆ ถอนหายใจแล้วขยับริมฝีปากซีดของเขา “ภวินท์ วันนี้นายก็ได้เห็นแล้วเรื่องร่างกายของฉัน ไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน..."
"ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะหาหมอที่ดีที่สุดให้" ก่อนที่ภวินท์จะพูดจบ ดร.ยติภัทรค่อย ๆ ยกมือขึ้นโบกมือให้หยุดพูด
ดร.ยติภัทรแอบถอนหายใจและพูดอย่างจริงจังว่า “ฉันรู้จักร่างกายของฉันดี ไม่ต้องห่วงหรอก ตอนนี้สิ่งเดียวที่ฉันอดกังวลไม่ได้คือธิดา”
พูดพลางเขาก็เงยหน้าขึ้นมองภวินท์
ก่อนหน้านี้เขาได้มอบบุตรสาวอันล้ำค่าให้ไปอยู่ในมือของภวินท์ และเขาก็เป็นเหมือนลูกบุญธรรมของเขา เดิมเขาคิดว่าทั้งสองคนจะไปได้ดี แต่ใครจะไปรู้...
แววตาของภวินท์สั่นเล็กน้อย แล้วเงยศีรษะขึ้น เมื่อมองดูดร.ยติภัทร เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “อาจารย์ ผมทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับท่านไม่ได้...”
ดร.ยติภัทรส่ายหน้า “เรื่องความรักความรู้สึกน่ะ จะดีตลอดรอดฝั่งได้ยังไง แต่...ฉันก็ยังอยากขอให้เธอดูแลธิดาแทนฉัน ถ้าพวกเธอคืนดีกันได้ นี่เป็นสิ่งที่ฉันอยากเห็นที่สุด แต่ถ้าไม่ ฉันก็จะไม่บังคับ อย่างน้อยก็เป็นช่วยเป็นเพื่อนเธอบ้างเป็นบางครั้งก็แล้วกัน...”
เขารู้ดีถึงนิสัยลูกสาวของเขา รู้ว่าเธอไร้เดียงสา ดื้อรั้น และชอบโดนเอาเปรียบเสมอ และภวินท์สามารถปกป้องเธอได้อย่างเห็นได้ชัด
ภวินท์ขมวดคิ้วนิ่งเงียบไม่ตอบ เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้พูดนาน ดร.ยติภัทรจึงถอนหายใจ “ลืมไปเถอะ ภวินท์ ฉันไม่บังคับเธอหรอก...”
ภวินท์ได้ยินคำพูดนั้น สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยแล้วรีบพูดขึ้นว่า “อาจารย์ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมรู้ว่าต้องทำอย่างไร”
เขาเป็นหนี้บุญคุณญาธิดา ยิ่งไม่ต้องเลยว่าเขาเป็นสามีเก่าของเธอ ดังนั้นคำขอของดร.ยติภัทรจึงไม่ได้หนักหนาเกินไป
แสงสว่างวาบในแววตาของดร.ยติภัทร"นายยอม... ดูแลเธอแทนฉันไหม"
ภวินท์ยกมุมปากปลอบเขาว่า "ได้ครับ อาจารย์ดูแลตัวเองดีๆ ไม่ต้องกังวล”
เขาให้สัญญาแล้วดร.ยติภัทรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า น้ำตาไหลออกมา “ดูเหมือนว่าฉันไม่ได้มองคนผิด ...”
ให้ภวินท์ดูแลเขาถึงจะโล่งใจ
พร้อมกันนั้น ญาธิดาก็ยืนอยู่หน้าประตูห้อง เดินวนไปมาอย่างร้อนใจ
เมื่อเห็นเช่นนี้ คุณปภาวีก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ธิดา ตั้งสมาธิไว้หน่อยได้ไหม”
ญาธิดาขมวดคิ้ว หงุดหงิดเล็กน้อย “แม่คะ แม่ว่าพ่อกับภวินท์จะไม่พูดจาไร้สาระไร้สาระกันใช่ไหม”
คุณปภาวีถามกลับทันทีว่า "ไร้สาระแล้วจะเป็นไรไป พวกเธอสองคนหย่ากันแล้ว จะกลัวอะไร"
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ญาธิดาก็ตะลึง
ถูกแล้วเธอกับภวินท์หย่ากันแล้วจะกลัวอะไร
เมื่อเห็นลูกสาวยืนอยู่ตรงนั้นทื่อๆ คุณปภาวีก็ก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “ลูกยังมีเขาอยู่ในใจใช่ไหม”
ประโยคนี้ทำให้ญาธิดาแก้มร้อน หัวใจของเธอก็ว้าวุ่น
ไม่กี่วินาทีต่อมา เธอจงใจขึ้นเสียงแล้วพูดว่า “เป็นไปได้ยังไง! หนูจะมีเขาอยู่ในใจได้ยังไง! หนูหย่าขาดจากเขาแล้ว!”
ก่อนที่เธอจะจบประโยค จู่ๆประตูก็ถูกดันเปิด “เอี๊ยด” เสียงหนึ่ง ญาธิดาชะงัก
หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอก็หันกลับมาทันทีทันใดก็พบกับดวงตาอันลึกล้ำของภวินท์
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าของเขาดูมืดมนลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเขาได้ยินสิ่งที่เธอพูดเมื่อกี้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...