เกล้าแก้วเห็นสีหน้าที่อบอุ่นของชายหนุ่มที่นั่งบนรถเข็น โดยมีแสงอาทิตย์สาดส่องมาบนใบหน้า และโครงร่างที่อ่อนนุ่มของเขา
ขณะนั้น เธอถึงรู้สึกตกใจเล็กน้อย
เมื่อเอ่ยถึงญาธิดา ทำให้ชายที่มีสีหน้าเข้มขรึมคิ้วขมวดดูอ่อนโยนขึ้นมาทันใด
เธอถึงกับประหลาดใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่สงสัยอยู่ลึกๆ
ภูผาสัมผัสได้ถึงดวงตาที่อ่อนโยนของเกล้าแก้ว เขาไม่ลังเลที่จะหันกลับมามอง โดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
แต่ทว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเหมือนกับการแสดง ก็พอจะดูน่าสนใจอยู่บ้าง พอหอมปากหอมคอ
ยังไงก็ยังมีเวลา ไม่เพียงแต่ญาธิดาเท่านั้น เกล้าแก้วก็ด้วยเช่นกันถือว่าเป็นหมากตัวหนึ่งในมือของเขาด้วย
ไม่มีอะไรไปมากกว่านี้
ร้านปิ้งย่าง ที่มีกลิ่นหอมเตะจมูก
ญาธิดาที่รู้สึกอยากกินของอร่อยตั้งแต่ช่วงเช้า หมูสามชั้นย่างห่อผักกาดที่ส่งกลิ่นหอมอบอวลเพียงไม่กี่ชิ้น ก็บรรเทาอาการหิวได้ทันที
เมื่อเธอได้เงยหน้าขึ้น ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พายุได้ใช้ตะเกียบคีบเนื้อที่ย่างอยู่บนตะแกรง ทันใดนั้นเองใครจะคิดว่ามีว่ามีตะเกียบคู่หนึ่งยื่นมาจากด้านข้างและได้คีบชิ้นเนื้อที่ย่างสุกแล้วออกจากตะแกรงไปอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาได้จ้องมองไปที่อัญมณี ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ “ อันอัน ทำไมแกถึงร้ายขนาดนี้ ไม่ควรจะแย่งเนื้อของคุณพายุไปนะ ”
อัญมณีได้ทำตาเล็กตาน้อย และพูดออกมาอย่างไม่คิดว่า “ เนื้อชิ้นนั้นไม่ได้เขียนชื่อของเขาเอาไว้ ฉันแย่งมาได้ก็เป็นของฉันนะซิ ”
เมื่อญาธิดาได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็มองไปที่พายุและหัวเราะออกมาพร้อมกัน
เพื่อนสนิทของเธอคนนี้ คนอื่นอาจจะไม่รู้จักดีพอ แต่เธอรู้จักเพื่อนคนนี้ดี จะเป็นแบบนี้ก็ต่อเมื่อเจอคนที่สนใจเท่านั้น สำหรับคนที่เธอไม่ได้สนใจ จะไม่มีแสดงอาการความรู้สึกแบบนี้ออกมา
เธอแสดงออกกับพายุขนาดนี้ หมายความว่ากำลังเล่นเกมระหว่างเธอกับพายุ
พูดไปหัวเราะไป ทำให้บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าวดูสนุกสนาน เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ญาธิดารู้สึกอิ่มท้องและรู้สึกสบายใจมากกว่าเก่า
ระหว่างทางที่เดินทางกลับจากร้านอาหาร จู่ๆอัญมณีก็ได้ดึงแขนของเธอเอาไว้ พร้อมกับหัวเราะออกมาว่า “ ธิดา สิ้นเดือนนี้มีคอนเสิร์ตนะ จัดที่JC Hall แกจะไปไหม ”
เมื่อพูดถึงคอนเสิร์ต ญาธิดาก็หันกลับไปหาเธอทันที “ มีรายการแสดงของแกหรือเปล่า ”
อัญมณีได้เลิกคิ้ว แก้มเริ่มแดงนิดๆ หัวเราะและพูดว่า “ มีเป็นการแสดงรวม ฉันแสดงเป็นนักเล่นเชลโล”
เมื่อคิดย้อนไปตั้งแต่อัญมณีกลับประเทศมาระยะหนึ่งแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวแทบจะไม่มีผลงานแสดงเลย จนถึงวันนี้ในที่สุดก็มีผลงานการแสดง เพื่อนสนิททั้งคนจะไม่ไปร่วมงานได้ยังไงกัน
“ ไปแน่นอน ”
ญาธิดารีบรับคำ โดยหันไปมองพายุที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ คุณพายุเราไปดูด้วยกันนะ อันอันแสดงเป็นนักเล่นเชลโล ”
เมื่อพายุได้ยิน ก็อึ้งเล็กน้อย แววตาได้จ้องมองไปที่อัญมณี เหมือนกับรอความเห็นจากเธออีกครั้ง
อัญมณีได้ยืนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง และพูดออกมาว่า “ ได้ซิ งั้นฉันจะสำรองตั๋วเข้างานเพิ่มอีกหนึ่งใบ ”
เมื่อพายุได้ยิน นัยน์ตาแสดงถึงความเซอร์ไพรส์ แต่ก็ต้องเก็บอาการดังกล่าวไม่ให้ใครรู้
เมื่อญาธิดาเห็นเช่นนั้น รู้สึกว่าตัวเองกำลังยืนคั่นกลางระหว่างเขาสองคน เหมือนเป็นก้างขวางคอนี่เอง เธอได้แต่หัวเราะ เมื่อหันไปเห็นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ข้างทางจึงรีบขยับตัวออกไป
“ อันอัน ฉันรู้สึกปวดท้องนิดหน่อย ขอกลับบ้านก่อนนะ ”
ในขณะที่เธอพูด ก็หันไปมองพายุ “ คุณพายุ ฉันต้องรบกวนคุณแล้วแหละ ช่วยส่งอันอันกลับบ้านด้วยนะ ”
เมื่อพูดจบ ไม่ทันได้รอให้เขาสองคนตอบกลับมา เธอก็รีบลากกระเป๋าขึ้นรถแท็กซี่ทันที
ในขณะที่ปิดประตูรถ ญาธิดาได้เห็นสีหน้าเพื่อนสนิทที่ซ่อนความโกรธเอาไว้ เมื่อมองไปรอบๆ อีกฝั่งหนึ่ง ก็ได้เห็นสีหน้าของพายุที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอิบใจ
เธอเบ้ปากแล้วยิ้ม แล้วบอกคนขับให้ออกรถทันที
ทั้งสองคนกำลังจู๋จี๋กัน หากเธอยังยืนอยู่ตรงนั้น กลัวว่าจะดูเหมือนเป็นคนใจร้ายเกินไป
ระหว่างทางที่นั่งรถกลับบ้าน ก็พอจะมีเวลา ญาธิดาได้หยิบโทรศัพท์มือถือ ปลดล็อกหน้าจอ ก็พบว่ามีคนโทรมาไม่ได้รับ 2 สาย
เป็นภวินท์ที่โทรเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...