เช้าวันนี้ตอนที่เธอได้ตื่นขึ้นมา พบว่าโต๊ะที่อยู่ในห้องของภวินท์มีถุงวางอยู่เรียงราย และมีถุงหนึ่งใบที่ถูกแกะออกเรียบร้อย
คงไม่ต้องถามอะไรมากมาย เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เมื่อย้อนคิดไป เธอก็หน้าแดงขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว โดยลืมตอบคำถามของอัญมณีไปชั่วขณะ
เมื่ออัญมณีเห็นญาธิดาหน้าแดงโดยไม่รู้สาเหตุ เธอก็ขยับเข้ามาใกล้ และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ ธิดา แกเป็นอะไรหรือเปล่า ตกหลุมรักใครเหรอ ”
ญาธิดารีบหันมาตอบโดยเร็วว่า “ ที่ไหนกันละ”
อัญมณีไม่หยุด และแกล้งเธออีกว่า “ แล้วทำไมมำหน้าแบบนี้”
ญาธิดาไม่รู้ว่าจะต้องตอบยังไงดี เมื่อหางตาได้เหลือบไปเห็นพายุที่ยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาไม่ไกล เลยรีบหันกลับมาพูดกับอัญมณีว่า “ อันอัน คนที่ตกหลุมรักคือแกแล้วละ คนที่แอบชอบแกก็อยู่ข้างๆ นั่นไง ยังจะชักช้าอีกเหรอ ”
เมื่อเธอพูดออกมาแบบนั้น ทำให้อัญมณีถึงกับตะลึงและเกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาทันที พร้อมกับยื่นมือไปตีที่หลังของเธอพร้อมกับพูดออกมาว่า “ ญาธิดา แกพูดมั่วอะไร ”
ทั้งสองคนได้ทะเลาะกันตลอดทาง หลังจากที่ออกมาจากสนามบิน พายุก็ได้เดินเข้ามาหาและพูดกับพวกเขาว่า “ ผมเรียกรถไว้เรียบร้อยแล้วครับ พวกคุณอยากไปที่ไหน ผมจะได้ส่งพวกคุณก่อน ”
อัญมณีได้เสนอว่า “ ธิดา เราไปกินข้าวกันก่อนดีไหม”
ญาธิดาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง หันไปมองพายุ และหันกลับมามองอัญมณี หัวเราะเบาๆและพูดว่า “คุณพายุก็ไปกินข้าวกับพวกเราด้วยสิ โชคดีที่มีคุณดูแลตลอดการเดินทาง จริงไหมอันอัน”
อัญมณีได้แต่มองพายุ ด้วยสีหน้าที่เขินอาย ยืนลังเลอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็ต้องพยักหน้าแบบไม่เต็มใจ “ ในเมื่อธิดาเอ่ยปากชวนแล้ว งั้นเราก็ไปกินด้วยกันเลย ”
แววตาของพายุเป็นประกาย ความรู้สึกกดดันก็เริ่มคลี่คลายลง รีบพยักหน้าและตอบรับว่า “ ครับ ”
ไม่ทันไร รถก็มาถึงพอดี พวกเขาสามคนได้เดินขึ้นรถ มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้ๆ
อีกด้านหนึ่ง ในส่วนของบ้านพักวินเทจ ในเขตชานเมือง
เสียงที่กระทบดัง “เพล้ง” เป็นเสียงแจกันลายครามสีน้ำเงินที่หล่นแตกบนพื้น และกระจายเป็นเศษเล็กๆ
มีแม่บ้านคนหนึ่งที่กำลังก้มหน้าก้มตา มองดูเศษกระเบื้องที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น มีอาการที่เกรงกลัวจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง
ข้างๆ มีรถเข็นอเนกประสงค์ ที่มีชายหน้าตาหล่อเหลากำลังนั่งอยู่
เขาจ้องมองออกไปด้านนอกหน้าต่าง เอ่ยถามอย่างอารมณ์ดีว่า “ ลุงนิต ลุงรับใช้แม่ฉันก่อนหน้านี้ มาวันนี้มาอยู่กับฉันสองปีแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่รู้นิสัยฉันอีกเหรอ ”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเอ่ยถามประโยคนี้ได้แต่ก้มหน้าลง และตอบว่า “ คุณชาย ผมรู้ดี... รู้จักเป็นอย่างดีครับ ”
“ นั้นลุงก็ต้องรู้ว่าฉันต้องการอะไร ”
น้ำเสียงของเขาดูสงบ และเยือกเย็น ถึงแม้ว่าจะเป็นเสียงที่เรียบง่าย แต่ก็ทำให้คนรู้สึกเกรงกลัว
ความเงียบได้เกิดขึ้นชั่วขณะ ในที่สุด เขาก็ได้ขยับปาก “เห็นแก่หน้าแม่ฉัน คงต้องให้โอกาสแกอีกครั้ง หากยังหาแจกันแบบเดิมมาไม่ได้ ก็ต้องหาของมาแทนให้ได้ แกรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้”
ลุงนิตรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว พร้อมกับก้มตัวลง “ ครับคุณชาย เข้าใจแล้วครับ.......”
เมื่อภูผาได้ยินแบบนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ ยื่นมือเป็นสัญลักษณ์ให้เขาเดินออกไป
ในไม่ช้า ลุงนิตก็ได้เดินออกไป ครามก็ได้เดินเข้ามา เมื่อเห็นเศษแจกันที่เกลื่อนกลาดบนพื้น คงไม่มีท่าทีอะไรที่แสดงเป็นการขมวดคิ้ว “คุณชาย คุณทำแบบนี้จะทำร้ายตัวเองนะครับ ”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังจากรถเข็น พร้อมกับพูดเยาะเย้ยว่า “ ถ้ารู้สึกเจ็บก็ดีซิ”
ขาเขาทั้งสองข้างได้ไร้ความรู้สึกไปนานแล้ว ไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้ และไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ก็เหมือนกับสิ่งของที่มีไว้เพื่อประดับประดาเท่านั้น
ครามนิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อว่า “ การบำบัดรักษาครั้งนี้ก็ได้ผลอยู่นะ คุณชายควรจะมั่นใจในตัวเอง”
คำพูดดังกล่าว ทำให้ภูผามีสีหน้าที่เกิดความรังเกียจ ไม่กี่วินาทีต่อมา จึงถามนอกประเด็นว่า “ เรื่องอะไร ”
เมื่อได้คุยสาระจริงจัง ครามมีสีหน้าที่ไร้ความรู้สึก จึงรีบรายงานความคืบหน้าดังกล่าว “ ได้รับข่าวมาว่า ญาธิดากลับประเทศมาแล้ว ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...