ญาธิดาพักอยู่ที่บ้านสองวันแล้ว เวลาผ่านไปรวดเร็ว ไวอย่างบอกไม่ถูก
เนื่องจากร่างกายยังมีรอยบาดแผลอยู่บางส่วน อีกทั้งในตอนแรกได้บอกกับดร.ยติภัทรว่าจะไปดูงานเป็นเวลาสี่วัน เธอยังไม่กล้าไปเยี่ยมดร.ยติภัทรที่โรงพยาบาล ก็เลยต้องอยู่ที่คอนโดคนเดียวเป็นเวลาสองวัน
เมื่อกลับไปเข้างานที่บริษัท เรื่องปัญหาด้านร่างกายที่ต้องทำให้เธอยุติการดูงานเร็วกว่าเวลาที่กำหนดได้แพร่กระจายไปทั่วแผนก พี่แนนจึงไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติม แถมยังไม่ทวงเอกสารรายงานจากเธออีกด้วย
การไปสิงคโปร์เป็นเวลาสองวัน เหมือนกับความฝันหนึ่งเรื่อง เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ไม่มีร่องรอยความทรงจำอะไรเลย
ญาธิดาหยิบแก้วน้ำ ตอนที่เดินไปเติมน้ำที่ห้องน้ำชา เป็นจังหวะที่ชมพู่เดินมาพอดี และเดินมาชนที่แขนขอเธอ พร้อมกับพูดว่า “ ธิดา อย่าเสียใจไปเลย เรื่องนี้ก็โทษแกไม่ได้หรอก ”
ญาธิดาเกิดความสับสน เธอเริ่มไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด “ ชมพู่ แกพูดอะไรนะ ”
เมื่อชมพู่โดนถามอย่างนั้นก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เธอนิ่งไปสองวินาที และถามกลับว่า “ แกไม่เสียใจอะไรเลยเหรอ ”
“ เสียใจเรื่องอะไร ”
ชมพู่พูดเสียงเบาว่า “ ฉันได้ยินทุกคนพูดว่า แกไปดูงานต่างประเทศครั้งนี้เพราะว่าร่างกายไม่พร้อมเลยทำให้เสียโอกาส ฟังแล้วมันดูเศร้านะ......”
เมื่อได้ยินดังนั้น ญาธิดาไม่เพียงแต่จะไม่รู้สึกเสียใจ แต่กลับทำให้เธออยากที่จะหัวเราะออกมา
เธอพูดตอนไหนว่ารู้สึกเสียใจ ไม่รู้ว่าคนในแผนกที่กระซิบกระซาบเรื่องนี้กันแต่งเติมเรื่องราวและกระจายข่าวไปทั่ว
ญาธิดาขยับมุมปาก จ้องไปที่ชมพู่และหัวเราะ“ วางใจเถอะ ถ้าไม่มีเรื่องนี้ ครั้งนี้ถึงแม้จะพลาดไป ครั้งต่อไปค่อยหาโอกาสอย่างอื่นก็ได้นิ”
เมื่อเธอพูดจบ เป็นจังหวะที่ยกแก้วน้ำเดินกลับไป ใครจะไปรู้ว่าเมื่อหันตัวไป ก็เจอกับพิชญ์สินีที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของเธอ
พิชญ์สินีมีสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ประชดประชัน แสดงให้รู้ว่าได้ยินในสิ่งที่เธอพูดมาทั้งหมดเมื่อสักครู่
“ญาธิดา แกน่าจะลืมความจริงอะไรบางอย่างไปนะ โอกาสคงไม่กลับมาหาคนอย่างแกหรอกนะ ครั้งนี้ก็เป็นเพราะแก แผนกธุรการจึงพลาดโอกาสดีๆไป แกยังจะกล้าพูดอีกเหรอว่าจะรอโอกาสรอบหน้า แกเอาความมั่นใจมาจากไหนละ”
คำพูดของเธอเต็มไปด้วยขวากหนาม ดูเหมือนจะตั้งใจเข้ามาหาเรื่องกันชัดๆ ญาธิดาสูดหายใจลึกๆไปหนึ่งครั้ง และไม่อยากวุ่นวายอะไรอีก จึงได้แต่พูดว่า “ โอกาสเป็นของทุกคน ครั้งนี้มันเกิดจากเหตุผลส่วนตัวของฉันที่ทำให้ทุกคนเสียโอกาส แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถสร้างโอกาสในครั้งต่อไปได้ ”
เมื่อพูดจบ เธอก้าวขาเดินออกไป ตอนที่เดินผ่านพิชญ์สินี จู่ๆก็เหมือนมีบางอย่างมากระแทก ที่บริเวณข้อมือ ทำให้น้ำร้อนที่อยู่ในแก้วกระเด็นสาดหกลงทั่วพื้น
ญาธิดาขมวดคิ้ว หันกลับไปยืนข้างพิชญ์สินี พร้อมกับแสดงอารมณ์โกรธออกมาว่า “ พิชญ์สินี แกจะทำอะไร ”
ตั้งใจที่พุ่งมาชนเธอขนาดนี้ แถมทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนคนอื่น แสดงว่าไม่ได้แคร์ความคิดของคนอื่นเลยซินะ
“ญาธิดา ฉันก็แค่อยากจะเตือนแกสักหน่อย ไม่มีความสามรถก็อย่าอวดดีอะไรเลย ไม่อย่างนั้นจะกระทบไปทั้งทีม สุดท้ายแล้วทุกคนจะกลับมาโทษแกเอาได้นะ”
เมื่อพิชญ์สินีพูดจบ ก็หันกลับไปด้วยความรู้สึกที่ภูมิใจ
ญาธิดาสูดหายใจลึกๆอีกครั้ง หันกลับไปมองเพื่อนร่วมงานที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ ในใจก็อยากที่ขว้างหินก้อนใหญ่เข้าให้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
แต่ก็ไม่มีใครออกมาพูดแทนเธอได้เลย
ครั้งสุดท้ายที่เธอไปแผนกการเงินเพื่อทำเรื่องอนุมัติชำระค่าธรรมเนียมเรื่องนั้น ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนความคิดในตัวเธอ พอมาตอนนี้ เมื่อทุกคนไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรจากเธอ ทุกคนก็เย็นชากับเธออีกครั้ง
ญาธิดาได้แต่กัดริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หันไปหยิบผ้ามาซับน้ำ หลังจากที่ทำความสะอาดพื้นเรียบร้อยแล้ว ถึงจะหยิบแก้วน้ำเดินออกไป
ถึงแม้ว่าไม่มีใครเข้าข้างเธอ เธอยังคงต้องอดทนต่อไป จะพยายามไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก
เมื่อกลับมาถึงห้องทำงานได้ไม่นาน ชมพู่ก็ได้ส่งเอกสารให้หนึ่งฉบับ “ ธิดา นี้เป็นเอกสารที่ต้องส่งสำนักงานใหญ่นะ”
“โอเค ฉันขอตรวจสอบดูก่อนนะ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ฉันจะส่งให้ทันที”
“งั้นฉันฝากแกด้วยละ ”
หลังจากที่ชมพู่เดินออกไป ญาธิดาก็ได้มองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะ และเริ่มรู้สึกถึงความลังเล
วันนี้เธอเพิ่งจะกลับมาทำงาน ได้พักอยู่ที่บ้านมาสองวัน กลับมาจากสิงคโปร์ก็เป็นเวลาสองสามวันไปแล้ว ไม่รู้ว่าภวินท์กลับประเทศมาแล้วหรือยัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...