ดร.ยติภัทรที่ยืนฟังภวินท์พูดเช่นนี้อยู่ข้างๆ หยุดไปครู่หนึ่ง แล้วหันหน้าไปทางญาธิดา ในดวงตามีประกายความสับสนผ่านเข้ามาเล็กน้อย นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
หรือว่า เขาเข้าใจธิดาผิดไปจริงๆ หรือ ?
เมื่อภวินท์เห็นเช่นนี้ อธิบายต่อด้วยเสียงเบาว่า “อาจารย์ มันเป็นเรื่องกลั่นแกล้งกันของคนบางคน รูปถ่ายที่ท่านเห็นเหล่านั้นน่าจะเป็นของปลอม ตามที่ผมรู้จักธิดา เธอเป็นคนรักนวลสงวนตัว ”
เมื่อได้ยินคำยืนยันจากน้ำเสียงของภวินท์ที่พูดมามากมายขนาดนี้แล้ว ความสงสัยในใจของดร.ยติภัทรก็ค่อยๆ หายไปมาก รู้สึกละอายใจเล็กน้อย ขยับริมฝีปาก แต่ไม่รู้จะพูดอย่างไร
เมื่อญาธิดาได้สติคืนมาแล้วเห็นท่าทางแบบนี้ของพ่อ ทันใดนั้นก็เข้าใจหมดแล้ว เธอยื่นมือออกไปคล้องแขนของดร.ยติภัทรเบาๆ แล้วกล่าวเสียงเบา “พ่อ ในเมื่ออธิบายกันเข้าใจแล้ว พ่อก็ไม่ต้องโกรธอีกแล้วนะ มันไม่ดีต่อสุขภาพ”
เมื่อดร.ยติภัทรได้ยินเช่นนั้น พยักหน้าเหมือนรู้สึกละอายใจเล็กน้อยที่ต้องเผชิญหน้ากับเธอ เอื้อมมือออกมาตบไปที่หลังมือเธอเบาๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆ ว่า “พ่อตำหนิหนูผิดเอง ธิดา”
เธอลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ขอเพียงท่านไม่โกรธก็พอแล้ว”
พูดจบ เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ก็เห็นภวินท์ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า ดวงตาคู่ลึกกำลังจ้องมองดูเธออยู่
ความรู้สึกแปลกๆ แวบเข้ามาในหัวใจ เธอรีบหลบสายตา แล้วหันไปพูดกับดร.ยติภัทรกับปภาวีว่า “คุณพ่อคุณแม่ ในเมื่อความเข้าใจผิดได้อธิบายกันชัดเจนแล้ว พวกเรารีบกลับไปโรงพยาบาลกันเถอะ อาการของพ่อยังไม่คงที่.......”
เมื่อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ คุณปภาวีเห็นด้วยทันที “ใช่ เรารีบกลับไปกันเถอะ……”
เรื่องมาถึงขั้นนี้ อธิบายความเข้าใจผิดกันเข้าใจแล้ว ดร.ยติภัทรก็ย่อมจะไม่ยึดติดไม่ยอมปล่อยอยู่แล้ว เขามองไปทางภวินท์ น้ำเสียงอ่อนลงมาก “วิน วันนี้รบกวนคุณแล้ว พวกเรากลับก่อน……”
ภวินท์กล่าวเสียงเรียบๆ ว่า “อาจารย์ ไม่รบกวนเลย ทางนี้เรียกรถยาก ผมจะให้รถที่บ้านส่งพวกท่านไปโรงพยาบาล”
พูดพลางเขาก็ส่งสัญญาณให้ป้าจันทร์ไปบอกคนขับรถ
ไม่นาน ป้าจันทร์กลับมาจากข้างนอกรายงานว่า “ได้เตรียมรถไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถไปได้ตลอดเวลา”
ภวินท์เงยหน้าเล็กน้อย มองไปทางพวกดร.ยติภัทร กำลังจะพูดอะไร จู่ๆ ป้าจันทร์ที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ใช่แล้วคุณญาธิดา ก่อนหน้านั้นตอนที่ฉันช่วยคุณเก็บข้าวของ มีของบางอย่างได้ตกอยู่ในห้อง มีหนังสือเล่มหนึ่ง ยังมีสิ่งของบางอย่าง ฉันได้เก็บไว้ให้แล้ว คุณจะเอากลับไปด้วยเลยไหม?”
ญาธิดาหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เก็บเอาไปพร้อมกันเลย จะได้ไม่มารบกวนอีก”
ป้าจันทร์ยิ้ม “วางอยู่บนโต๊ะห้องนอนชั้นบน ฉันไปเอาให้คุณ”
“ป้าจันทร์ไม่เป็นไร ฉันไปเอาเองดีกว่า”
ญาธิดายิ้มให้เธอ เห็นป้าจันทร์พยักหน้า จึงก้าวเท้าเดินไปชั้นบน
ทุกอย่างในบ้านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อเดินมาถึงประตูห้องนอน ภาพก่อนหน้านั้นแวบเข้ามาในความคิดของเธอราวกับฉายภาพยนตร์
อารมณ์ที่สงบในตอนแรก ปรากฏว่าเหมือนผิวทะเลสาบที่ถูกก้อนหินรบกวน แล้วคลื่นระลอกค่อยๆ ปรากฏขึ้น
หย่ากันแล้ว ยังจะไปคิดเรื่องตอนนั้นทำไมกัน ?
ญาธิดาบ่นในใจแล้วส่ายหัว ยื่นมือผลักประตูห้องนอนออก แล้วเดินเข้าไป
การตกแต่งภายในห้องยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มีภวินท์อยู่คนเดียวเท่านั้น สิ่งของล้วนเรียบง่าย มีระเบียบ แม้จะสะอาดแต่กลับเยือกเย็นไม่มีความอบอุ่น
มองเห็นถุงเล็กที่วางอยู่บนโต๊ะ ญาธิดาจึงก้าวเท้าเดินเข้าไป ยื่นมือหยิบมา มองดูแวบหนึ่ง แน่ใจว่าเป็นสิ่งของชิ้นเล็กที่เธอตกหล่นไว้ ล้วนถูกป้าจันทร์จัดเก็บอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
เมื่อได้สิ่งของแล้ว ญาธิดากะว่าจะจากไปแล้ว พอเธอหันหลัง จู่ๆ ประตูห้องนอนก็ถูกคนผลักออก เงาร่างสูงใหญ่ของภวินท์กำลังก้าวเท้าเดินเข้ามา
เท้าญาธิดาชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาประสานเข้ากับสายตาของเขาอย่างแผ่วเบา แล้วหลบอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...