“ฉันเชื่อแกอยู่แล้ว” อัญมณีไม่ลังเล รีบเอ่ยปากพูดว่า “คนอื่นฉันไม่รู้ แต่ฉันจะรู้ว่าแกเป็นคนแบบไหน ตอนเรียนมหาวิทยาลัยได้คบกับจิณณ์แม้แต่จับมือยังไม่กล้าเลย เรื่องแบบนี้เธอจะทำได้ยังไง”
“ตอนแรกฉันตั้งใจจะคุยกับคุณลุงคุณป้าสักหน่อย แต่คุณป้าห้ามฉันเอาไว้ บอกว่าตอนนี้คุณลุงอารมณ์ไม่ดี ยังรับกับเรื่องนี้ไม่ได้ ไม่ควรพูดเรื่องนี้ดีที่สุด ฉันเลยไม่ได้พูดอะไร”
เมื่อได้ฟังเสียงปลายสายของอัญมณีที่มีคำพูดหนักแน่นขนาดนั้น ก็ทำให้ญาธิดาใจชื้นขึ้นมาบ้าง และพูดต่ออีกว่า “ ฉันรู้ว่าอารมณ์โกรธของพ่อฉันเป็นยังไง ปกติจะไม่โกรธง่ายๆ แต่พอโกรธขึ้นมากว่าอารมณ์จะเย็นลงก็ไม่ใช่ง่ายๆ ”
“แกจะทำยังไงต่อดีละ”
ญาธิดาลังเลอยู่ครู่ใหญ่ และบอกว่า “ รอให้ผ่านวันนี้ไปก่อนแล้วว่ากัน พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงพยาบาลอีกสักรอบ จะไปอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง ”
ถึงแม้จะรู้ที่ไปที่มาของเรื่องนี้แล้ว แต่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่จะอธิบายเรื่องนี้ และจดหมายนิรนามฉบับนั้น เธอก็ยังไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของใครส่งมา
“อันอัน แกพอจะช่วยฉันอีกสักเรื่องได้ไหม” ญาธิดาสูดหายใจลึกๆ “ช่วยฉันสืบได้ไหมว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของใคร”
อัญมณีพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ ต่อให้แกไม่พูดฉันก็จะไปสืบให้ เพื่อนฉันโดนรังแก ฉันจะยอมทนได้ยังไง ” ญาธิดาขยับปากเล็กน้อย เพราะประโยคที่อัญมณีพูดออกมา ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“ ธิดา แกคิดว่าเรื่องนี้ภวินท์อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า เขาอาจจะมองว่าเรื่องนี้เขาเป็นผู้เสียหาย เลยโยนความผิดมาที่แกไง.......”
เมื่อญาธิดาได้ยิน ก็รู้สึกเจ็บใจ ไม่ทันได้รอให้อัญมณีพูดจบ จึงยืนยันออกมาว่า “ น่าจะเป็นฝีมือเขาละ......’
อัญมณีถอนหายใจและค่อยๆพูดว่า “ ช่างเถอะ แกอย่าคิดอะไรมากเลย รีบไปพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าต้องไปโรงพยาบาลอีกนะ ”
ญาธิดาหรี่ตาลง และพูดแผ่วเบาว่า “ โอเค ”
หลังจากที่วางสาย ญาธิดาได้นั่งที่โซฟา นึกคิดถึงคำพูดที่สองคนได้พูดไว้เมื่อกี้ ทำให้รู้สึกสับสนวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง
เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่ฝีมือของภวินท์ แต่ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่พวกเขาหย่าร้างกันละ
ญาธิดาคิดไม่ตกกับเรื่องนี้ นอนพลิกไปพลิกมา ดูเหมือนว่าจะนอนไม่หลับทั้งคืน จนกระทั่งถึงเช้ามืด ถึงจะนอนหลับ
เช้าวันที่สอง หลังจากที่ญาธิดาตื่นนอน อาบน้ำแปรงฟัน ก็รีบออกจากบ้านไปโรงพยาบาลทันที
ไม่ว่าจดหมายนิรนามฉบับนั้นเป็นใครส่งมา แต่สิ่งสำคัญ เธอจะต้องอธิบายเรื่องนี้ให้กับดร.ยติภัทรให้เข้าใจ
เมื่อถึงหน้าห้องผู้ป่วย ญาธิดาตั้งใจว่าจะคุยเรื่องนี้ให้ชัดเจน เธอยืนอยู่ที่หน้าประตู เหมือนจะลังเลอะไรบางอย่าง
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เธอถึงจะรวบรวมความกล้าได้ และเคาะประตูทันที
เมื่อผลักประตูออกไป ญาธิดาก็เห็นดร.ยติภัทรกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างหน้าต่าง เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา สีหน้าถึงกับเปลี่ยนไปในทันที
“ พ่อ วันนี้ฉันมามีอะไรจะมาคุยกับพ่อ ”
ญาธิดากัดริมฝีปาก กำมือทั้งสองข้างไว้แน่น และค่อยๆเดินไปตรงหน้า
คุณปภาวีที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็เริ่มกลัวว่าดร.ยติภัทรจะมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นอีก จึงรีบลุกขึ้นไปจับแขนของเขาไว้ และพูดปลอบใจว่า “ ตาแก่ อย่าเพิ่งฉุนเฉียวไปเลยนะ ลองฟังธิดาพูดก่อนนะ ”
ดร.ยติภัทรโยนหนังสือพิมพ์ที่อยู่ในมือไว้ข้างๆ พูดอย่างเย็นชาว่า “ ยังต้องอธิบายอะไรอีกละ ฉันเห็นมากับตาภาพเหล่านั้นไม่ได้หลอกฉันหรอกนะ ”
“พ่อ ฉันฟังที่อันอันพูดถึงรูปถ่ายเหล่านั้นแล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลย หลังจากที่ฉันเรียนจบมหาวิทยาลัย นอกจากภวินท์ ฉันก็ไม่เคยคบผู้ชายคนไหนเลย แถมยังไม่เคยนอกใจเขาสักครั้ง”
ในขณะที่ญาธิดากำลังพูด ปลายจมูกก็เริ่มแดง และกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ในที่สุด
เมื่อดร.ยติภัทรเห็นดังนั้น สายตาก็เริ่มลังเล แต่พอนึกถึงรูปถ่ายเหล่านั้น ก็อดที่จะโกรธก็ไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...