ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 231

เช้าวันรุ่งขึ้น เมฆหนาทึบบนท้องฟ้า ฟ้ายังไม่ทันสาง ญาธิดาพลันลุกจากที่นอน

เธอเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นจึงลงมาชั้นล่างเพื่อไปซื้อปลาตะเพียนและเต้าหู้มาจากตลาด หลังจากนั้นจึงรีบบึ่งกลับมายังห้องครัวภายในบ้านพัก

เมื่อคืนนี้เธอเรียนวิธีการทำซุปจากคลิปวิดิโอจากในแอปพลิเคชันสอนทำอาหาร ถึงแม้ว่าจะไม่ดี แต่ก็ไม่ถือว่าล้มเหลว แต่รสชาตินั้นก็แสนจะธรรมดามาก ดังนั้นเธอจึงตั้งใจที่จะตื่นแต่เช้า เพื่อเตรียมตุ๋นใหม่อีกครั้ง

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับภวินท์ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทว่าเมื่อฉุกคิดถึงเรื่องที่เขาช่วยเหลือเรื่องการผ่าตัดของบิดาจนจัดการได้แล้วเสร็จ ฉะนั้นซุปปลาหม้อนี้ก็ไม่ถือว่าหนักหนาอะไร

อีกทั้งเธอเองก็เรียนรู้การตุ๋นน้ำซุปเป็นแล้ว ต่อจากนี้ก็สามารถตุ๋นให้ดร.ยติภัทรกับคุณปภาวีได้ด้วย อย่างมากที่สุดภวินท์ก็แค่เป็นหนูทดลองให้เธอเท่านั้นเองแหละ

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอสบายใจอยู่ไม่น้อย จึงรีบลงมือทันควัน โดยเริ่มเติมน้ำลงในหม้อก่อน

ญาธิดาหมกตัวอยู่ในห้องครัว วุ่นวายอยู่ชั่วโมงกว่า จนท้ายที่สุดซุปปลาก็พอได้ที่แล้ว น้ำซุปสีขาวนวลราวกับตุ๋นนมสด

กลิ่นหอมหวนเย้ายวนใจ บวกกับเต้าหู้อันแสนอร่อย ถือว่าหน้าตาไม่เลวเลย

ญาธิดาลองชิมไปคำหนึ่ง จนต้องพยักหน้าพอใจอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับหม้อที่เธอทำเมื่อคืนนี้ ครั้งนี้ถือว่ามันประสบความสำเร็จอย่างไม่ง่ายดายเลยจริงๆ

หลังจากนำน้ำซุปใส่ลงกล่องเก็บความร้อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจึงเปลี่ยนเสื้อผ้า และมุ่งหน้ารีบไปโรงพยาบาลทันที

เธอตั้งใจเตรียมไว้สองกล่อง กล่องหนึ่งคือของภวินท์ อีกกล่องคือของพายุ การทำเช่นนี้ คนอื่นก็ไม่สามารถเอาไปพูดต่อได้แล้ว

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู เธอยกมือเคาะประตู จึงผลักประตูเข้าไป

ภายในห้องพักผู้ป่วย ภวินท์นั่งอยู่บนเตียง ทางด้านหน้ามีNotebookวางเอาไว้ กำลังทำสีหน้าเคร่งขรึม ราวกับกำลังทำงานอยู่

เมื่อได้ยินเสียง เขาเงยหน้าขึ้น จึงมองเห็นหญิงสาวใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเดินเข้ามาด้านใน พอชะเง้อมอง จึงมองเห็นว่าในมือกำลังถือกล่องอาหารมาสองกล่อง แถมทำหน้าตาซื่อบื้อจนน่ารักน่าชัก

ภวินท์ถอนสายตากลับมา เพื่อมองหน้าจอคอม พลันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อืม เอาไว้แค่นี้ก่อน ที่เหลือรอผมกลับบริษัทแล้วค่อยคุยต่อ”

หลังจากที่เขาออกคำสั่งประโยคสั้นๆ กระชับไม่กี่ประโยคออกไป จึงปิดคอมพิวเตอร์ และวางลงด้านข้าง จากนั้นก็ช้อนสายตามองญาธิดา

“ฉัน... ตุ๋นซุปมาให้ค่ะ คุณกินตอนร้อนๆ นี่แหละค่ะ”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ยุ่งต่อแล้ว ญาธิดาถึงได้อ้าปากพูด พลางเดินมุ่งหน้า และจัดการเอากล่องอาหารเก็บความร้อนวางไว้ที่หัวเตียง

ภวินท์คอยจ้องมองเธอ พลันฉุกคิดถึงคำพูดของหลุยส์ที่พูดเอาไว้เมื่อคืนนี้ได้ โดยไม่คิดเลยว่า เธอจะมาจริงๆ ด้วย

“ซุปอะไรครับ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย พลางเอนหลังพิงด้านหลัง สายตากวาดตามองกล่องข้าวที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งหญิงสาว จนอดใจถามไม่ไหว “ในนั้นมีอะไรอีก?”

ญาธิดามองกล่องอาหารที่อยู่ในมือ พลันกระซิบพูด “ก็ซุปเหมือนกัน เอามาให้พายุค่ะ”

เมื่อได้ยินว่านั่นเป็นของพายุ สีหน้าภวินท์หม่นหมองลงกว่าเดิม

เดิมทีเขาก็คิดว่าเธอตั้งใจทำซุปเพื่อมาบำรุงให้เขาโดยเฉพาะ ไม่คิดเลยว่า...

จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกไม่พอใจแวบขึ้นมาอยู่ในหัวใจ เขาเม้มริมฝีปากบางไว้แน่น น้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว “ผมกินข้าวแล้ว จะให้กินซุปต่อก็กินไม่ลงจริงๆ คุณเอากลับไปเถอะ”

เมื่อเห็นว่าจู่ๆ ชายหนุ่มก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่ให้แบบดื้อๆ ญาธิดาตกใจเล็กน้อย จากนั้นไม่กี่วินาที จนเห็นเขาทำท่าทางเช่นนี้ กลับเกิดความรู้สึกโกรธอยู่ในใจเล็กน้อย

เธอตื่นตั้งแต่ไก่โห่เพื่อมาตุ๋นซุปให้เขา แต่เขากลับพูดว่าไม่กินทั้งที่ไม่มองดูด้วยซ้ำ?

ซึ่งเห็นว่าภวินท์ตีหน้าเย็นชาใส่และเริ่มทำงานต่อ ราวกับไม่อยากจะพูดกับเธอสักคำ ญาธิดาโกรธจัด จึงวางกล่องรักษาความร้อนนั้นทันควัน พลางหันหลังให้และมุ่งหน้าเดินออกไปทางด้านนอก

“ไม่ต้องกินมันแล้ว งั้นพายุกินหมดนี่แหละ”

เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว ภวินท์ย่นคิ้วเล็กน้อย “คุณกล้าเหรอ?”

เมื่อได้ยินว่าเธอเอาน้ำซุปที่ทำให้เขาเอาไปให้ผู้ชายคนอื่นกิน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นพายุ เขาก็ไม่สบายใจ

ญาธิดาโกรธจัด และพูดออกจากปากด้วยความโกรธเคืองอย่างไม่ยั้งคิด “น้ำซุปฉันเป็นคนตุ๋นมาเองกับมือทำไมจะไม่กล้า? เสียแรงที่ฉันโดนก้างปลาทิ่มมาตั้งหลายครั้ง! ถ้ารู้ตั้งแต่แรกก็คงไม่ทำให้หรอก!”

เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนี้ แววตาภวินท์หวั่นไหวเล็กน้อย

ที่แท้เธอก็ตุ๋นซุปปลามาเหรอ? หรือว่าเธอรู้ว่าเขาชอบกินซุปปลา? อีกทั้งฟังจากน้ำเสียงของเธอแล้ว คือตั้งใจตุ๋นซุปนี้มาให้เขาโดยเฉพาะ

เมื่อเห็นกับตาว่าเธอเดินอาดๆ เตรียมจะเดินหนีออก ภวินท์ยื่นมือออกมาทันควัน โดยจับแขนเธอเอาไว้ และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ให้ผมดูหน่อยสิ”

ญาธิดาพูดด้วยอารมณ์โกรธเคือง “จะดูอะไรอีกคะ? ก็ซุปปลานี่แหละ คุณไม่ชอบอยู่แล้วนี่นา!”

ภวินท์ขมวดคิ้ว มือที่คว้าแขนเธอเอาไว้พลางผ่อนแรงลง “ผมหมายถึงมือคุณ”

ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย ยังไม่ทันตั้งสติทัน กล่องใส่น้ำซุปที่อยู่ในมือก็ถูกคนคว้าไปแล้ว หลังฝ่ามือร้อนผ่าว ก็เพราะว่าถูกฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งเกาะกุมไว้แน่น

พอก้มศีรษะลง เธอจึงเห็นชายหนุ่มกำลังจับมือเล็กๆ ของเธอ พลันขมวดหัวคิ้วเอาไว้ และเหลือบมองขึ้นลงซ้ำไปซ้ำมา

“คุณ...” ญาธิดาทำตาเบิกโตใส่ เพราะรู้สึกอายม้วนต้วน

“อย่าขยับสิ”

ภวินท์ย่นคิ้ว พลางมองปลายนิ้วชี้ของเธอมีจุดสีแดงเล็กๆ ที่โดนทิ่มมา เขาช้อนสายตา น้ำเสียงอ่อนโยนลงมากอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว “ยังเจ็บอยู่มั้ย?”

เมื่อสบตาดวงตาอันอ่อนโยนของชายหนุ่ม หัวใจญาธิดาเต้นไม่เป็นจังหวะทันที

“ไม่...ไม่เจ็บแล้ว”

เธอรีบดึงมือออกจากฝ่ามือของเขาทันควัน แววตาหวั่นไหว “คุณรีบดื่มซุปตอนร้อนๆ อยู่ ตอนนี้ฉันจะเอาซุปไปให้พายุแล้ว”

เธอทั้งพูด พร้อมทั้งก้าวเท้ามุ่งหน้าออกไปทางด้านนอกทันควัน

ยังไม่ทันเดินถึงประตูด้วยซ้ำ เสียงสุขุมของชายหนุ่มก็ดังมาจากด้านหลัง “ให้เวลาคุณแค่หนึ่งนาที รีบกลับมาทันที”

ญาธิดาได้ยิน จนทำอะไรไม่ถูก ทว่ากลับรีบเร่งฝีเท้าอย่างไม่รู้ตัว เพื่อเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรีบร้อน

เธอเคาะประตูห้องพักผู้ป่วยของพายุ พร้อมทั้งพูดทักทายกับเขา เธอนำกล่องซุปยื่นส่งให้ “นี่ซุปปลาที่ฉันตุ๋นเอง คุณอย่าลืมกินตอนร้อนๆ นะ”

พายุอารมณ์ไม่ค่อยดี ได้แต่ยิ้มให้ และกล่าวขอบคุณ

ญาธิดาลังเลอยู่สักพัก พลันเอ่ยถามอย่างอดใจไม่ไหว “ใช่สิ คุณกับอันอัน...เป็นไงบ้างคะ?”

หลังจากที่เมื่อวานอันอันออกมาจากบ้านเธอแล้ว ดูจากสภาพก็น่าจะมาหาเขา แต่หลังจากนั้นอันอันก็ไม่ได้ส่งข่าวคราวมาให้เธอเลย ไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นไงบ้างแล้ว

เมื่อเอ่ยถึงอัญมณี สีหน้าแววตาของพายุชะงักเล็กน้อย แววตาฉายแววตาความหวั่นไหวที่จับสังเกตไม่ได้ พลางพูดอย่างเชื่องช้า “ไม่เป็นยังไงครับ”

ซึ่งเป็นตามนั้นจริงๆ เมื่อวานนี้เขาได้ส่งข้อความให้อัญมณี จึงรู้ตัวว่าตนเองถูกบล็อกไปแล้ว

หลังจากทั้งสองคนจูบอย่างดูดดื่ม เธอก็ทำเหมือนซินเดอเรลล่าที่วิ่งหนีเตลิดไปอย่างไร้ร่องรอยทันที จากนั้นก็ลบช่องทางการติดต่อสื่อสารของเขา นี่มันไม่ได้หมายถึงเรื่องมันไปไม่ถึงไหนหรอกเหรอ?

เมื่อสบตากับแววตาอันตกตะลึงเล็กน้อยของญาธิดา พายุคลี่ยิ้มให้อย่างขื่นขม “เธอบล็อกเบอร์ผมไปแล้วครับ”

ญาธิดาได้ยิน พลันกะพริบตาปริบๆ โดยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี ทำได้เพียงยิ้มให้อย่างเคอะเขิน โดยกระซิบพูดเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ “บางทีเธออาจจะไม่แน่ชัดถึงหัวใจของตนเองมั้งคะ”

พายุพยักหน้า แต่ไม่ได้พูดว่าอะไรต่อ

ญาธิดาออกมาจากห้องพักผู้ป่วยของเขาแล้ว ก็รู้สึกหนักใจตาม เมื่อกลับเข้ามาในห้องของภวินท์อีกครั้ง สีหน้าแววตาเริ่มหม่นหมองลง

ภวินท์เห็นเธอเดินเข้ามา พลางเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนติดกับกำแพง และพูดเสียงเข้ม “4นาที”

ญาธิดาดึงสติกลับมา พลางเหลือบมองนาฬิกา จนขบขันเล็กน้อย

เธอไม่คิดเลยว่าภวินท์เองก็มีช่วงปัญญาอ่อนแบบนี้ด้วย ปากพูดว่าหนึ่งนาทีก็ยังมานั่งจับเวลากับเธอจริงๆ

เธอทั้งโกรธทั้งขบขันพลันเดินมาอยู่ข้างเตียง เมื่อกวาดตามองกล่องน้ำซุป แถมจงใจทำหน้าทำตาเย็นชาและพูดเสียงแข็งใส่ “รีบกินสิคะ ฉันยังต้องเก็บกล่องกลับบ้านอยู่นะ”

สันคิ้วโก่งของภวินท์เลิกขึ้น พลางหยิบกล่องน้ำซุปเพื่อเปิดดู ก็มีกลิ่นหอมหวนเตะเข้าจมูกทันที ซุปตุ๋นปลาตะเพียนกับเต้าหู้สีขาวนมสด ดูจากหน้าตาแล้วก็ดูไม่เลวทีเดียว

เขาหยิบช้อนขึ้น เพื่อตักชิมไปหนึ่งคำ พลันชะงักเล็กน้อย ความนึกคิดพลันเตลิดไปไกลอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

เมื่อเห็นท่าทางภวินท์ จู่ๆก็เคร่งขรึมลงถนัดตา ญาธิดาเริ่มกระวนกระวายใจ พลันเอ่ยปากถามด้วยเจตนาดี “เป็นไงบ้างคะ? ไม่อร่อยใช่มั้ยคะ?”

ภวินท์ได้สติ พลันพูดอย่างเรียบเฉย “เปล่า อร่อยมาก”

จู่ๆ ก็ฉุกคิดถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา ในอดีตซึ่งมีบุคคลหนึ่งที่จะคอยตุ๋นซุปปลาให้เขาในยามที่เขาเจ็บป่วยในทุกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์