เมื่อกลับมาถึงแผนกธุรการ ญาธิดาแสดงความรู้สึกวิตกกังวลอยู่ตลอดทาง
หากภวินท์ไม่อยู่ งั้นเธอก็ไม่มีวิธีจะยื่นใบลาหยุด การยื้อเวลาอยู่เช่นนี้ พอถึงเวลาที่กำหนดเกรงว่าทางบิดาต้องล่าช้าออกไปหรือเปล่า
เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และลังเลอยู่ชั่วครู่ แต่ก็ไม่ได้กดโทรศัพท์ต่อสายออกไป
ในเวลานี้เอง มีคนเคาะประตูห้องทำงาน จากนั้น ก็มีเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งผลักประตูเข้ามาพลันพูดที “คุณญาธิดา มีคนรอคุณอยู่ด้านนอกค่ะ”
พอญาธิดาได้ยินจึงได้สติกลับมา หลังจากยิ้มให้เพื่อเป็นการแสดงคำขอบคุณให้เพื่อนร่วมงานแล้ว ถึงได้ลุกขึ้นและเดินออกไปทางด้านนอก
เวลานี้มีคนมาหาเธอ จะเป็นใครกันนะ?
เมื่อเดินออกจากแผนกธุรการ เธอก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ด้านนอก
ผู้ชายคนนั้นมองเห็นเธอ และรีบเสนอตัวเดินมาทางด้านหน้า “สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณญาธิดาใช่มั้ยครับ?”
ญาธิดาตกตะลึง พลันพยักหน้ารับ “ค่ะฉันเอง”
“คนในสำนักงานCEOให้ผมมาแจ้งคุณ คุณภวินท์มีธุระต้องการพบคุณ ให้คุณตามผมออกไปครับ”
“คุณภวินท์?”
ญาธิดาเริ่มตกใจอยู่บ้าง เหตุเพราะเมื่อสิบนาทีก่อนหน้านี้เธอเพิ่งไปสำนักงานCEO มา นวิยาชี้แจ้งแล้วว่าภวินท์ไม่อยู่ที่บริษัท ซึ่งไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะไม่ได้กลับมา แต่จู่ๆทำไมตอนนี้เขาถึงกลับมาได้ล่ะ?
เมื่อเห็นว่าผู้ชายคนนั้นพยักหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง “คุณภวินท์กลับมาเอาของครับ จนได้ยินมาว่าคุณไปหาเขาที่สำนักงานCEO จึงพูดว่าต้องการพบคุณ ตอนนี้เขากำลังรอคุณอยู่ลานจอดรถชั้นใต้ดินครับ”
เมื่อได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนี้ คำถามที่อัดแน่นในหัวใจของญาธิดาถึงได้มลายหายลงไปบ้าง เธอพยักหน้าเล็กน้อย และใช้สายตาเหล่ตามองป้ายชื่อที่ติดอยู่ตรงแผงอกของชายหนุ่ม--กณิศ
ต่างก็เป็นพนักงานในบริษัทเดียวกันทั้งนั้น เธอจึงไม่ได้ครุ่นคิดอะไรมากนัก พลันอ้าปากพูดทันที “งั้นก็ต้องรบกวนคุณแล้วค่ะ”
“ไม่รบกวนอะไรเลยครับ”
กณิศยิ้มให้ พลางเดินนำหน้า
ญาธิดาเดินตาม และโดยสารลิฟต์เพื่อมุ่งหน้าไปลานจอดรถชั้นใต้ดินทันที
เมื่อลงมาถึงชั้นใต้ดิน ประตูลิฟต์ค่อยๆ เปิดออก ญาธิดาก้าวเท้าเดินออกไป เมื่อกวาดตามอง ลานจอดรถชั้นใต้ดินขนาดกว้างขวางแต่กลับไม่มีรถแม้แต่เงาของภวินท์อยู่ด้วยซ้ำ
เธอค่อยๆ ก้าวฝีเท้าเพื่อรอให้กณิศเดินตามออกมา ยังไม่ทันหันศีรษะกลับไป ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากทางด้านหลัง จากนั้น ก็มีแรงมหาศาลตีลงบริเวณท้ายทอยของเธอเข้าอย่างจัง
“ปึก—” เสียงดังขึ้น ภาพทางด้านหน้าราวกับหยุดนิ่งไปสองวินาที จากนั้นบริเวณด้านหน้าก็ดำมืดตามมาติดๆ จนเธอหมดสติในชั่วพริบตา
กณิศที่อยู่ทางด้านหลังดวงตาทอประกายเย็นชา เขาเห็นกับตาว่าร่างกายญาธิดาค่อยๆ อ่อนแรงจนล้มลง เขาก้าวฝีเท้ามาทางด้านหน้า พลันใช้มือทั้งสองข้างสอดเข้ามาตรงรักแร้ของเธอ และหิ้วปีกลากเธอไปยังรถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ด้านข้างอย่างไม่ผิดสังเกตนัก....
ญาธิดาไม่รู้ว่าเวลาผ่านๆ ไปนานเพียงใด เธอแค่รู้สึกว่าเจ็บจี๊ดตรงศีรษะขึ้นมาเป็นระยะ ร่างกายชาไปทั่วทั้งตัว สมองเบลอมึนงง ยามเมื่อเธอลืมตาถึงรู้ตัวว่าตนเองถูกมัดอยู่เบาะนั่งด้านหลังรถยนต์คันหนึ่ง ร่างกายแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับตัวได้เลย
เธอไปหาภวินท์ตรงลานจอดรถชั้นใต้ดินไม่ใช่เหรอ? ตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?
กลิ่นเหม็นอับในรถยนต์มันทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอม เธอเหลือบมองที่นั่งด้านหน้า ไม่มีใครอยู่สักคน ส่วนตำแหน่งข้างคนขับนั้นกลับมีมีดสั้นด้ามหนึ่งวางไว้และกระทบกับแสงที่สาดส่องมา
ญาธิดาตัวสั่นเทิ้ม พลันตื่นตัวมากกว่าเดิม พร้อมทั้งใจเย็นมากขึ้น พลันหันศีรษะไปมองนอกหน้าต่าง ภาพวิวทางด้านนอกไม่เหมือนอยู่ในเขตตัวเมือง แต่กลับเป็นสถานที่ทุรกันดาร ขนาดตึกสูงๆ ยังไม่เห็นแม้แต่เงา
นี่เธอถูกคนลักพาตัวมาใช่มั้ย?
ในเวลานี้เอง มีคนเปิดประตูทางด้านหน้า จากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งขึ้นรถมา เมื่อเงยหน้ามามอง จึงเห็นว่าเธอตื่นแล้ว จึงปรากฏรอยยิ้มที่แสนเย็นชาบนใบหน้าทันที
ญาธิดาตกใจ พลันเปล่งเสียงแหบพร่าเล็กน้อยออกมาจากคอ “กณิศ!คุณ....”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...