เสียง “เพี๊ยะ” การตบครั้งนี้ถือว่าโหดร้ายกว่าเมื่อครู่นี้มาก ใบหน้าญาธิดาหันไปอีกทาง พลางมีเลือดซึมออกมาจากมุมปากจนได้กลิ่นคาวเลือด...
ช่วงเวลาเธอเจ็บปวดจนไร้ปฏิกิริยาตอบสนองนั้น กณิศก็จัดการนำผ้าเป็นม้วนยัดใส่ปากของเธออย่างโหดเหี้ยม
วินาทีนั้น โพรงปากลามยาวไปถึงคอหอยถูกก้อนผ้ายัดเอาไว้ จนทำให้คนรู้สึกอยากจะอาเจียน
“นังแพศยา มึงคิดว่ามึงโกหกกูได้ใช่มั้ย?” กณิศสบถด่ายับ “รออีกสองชั่วโมง กูจะโทรศัพท์หาภวินท์ ดูซิตกลงว่ามันจะมามั้ย!”
ญาธิดาปวดเศียรเวียนเกล้า อับจนหนทางในเวลานี้ เธอเอนศีรษะพิงกับบานประตูรถทางด้านข้าง พลันพยายามสูดลมหายใจเข้าอย่างเต็มที่
เวลานี้เอง จู่ๆก็เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอย่างไม่คาดคิด จนขัดจังหวะบรรยากาศอันแปลกพิกลนี้ทันที
ญาธิดาได้ยินเสียงเรียกเข้าอันคุ้นหู พลางก้มลงมองตามสัญชาตญาณ จึงเห็นโทรศัพท์ของตนเองวางอยู่ตำแหน่งเบาะทางด้านหน้า!
ประสาทสัมผัสของเธอเกร็งทันที วินาทีต่อมาพลางมองกณิศเห็นยื่นมือออกไป และคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาทันที
หน้าจอสว่างวาบ เสียงเรียกเข้ายังคงดังไม่หยุดหย่อน
กณิศเหลือบมองชื่อที่อยู่บนหน้าจอ จู่ๆ ก็เกิดสนุกขึ้นมา บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร เขาหยิบโทรศัพท์มา พลันแกว่งทางด้านหน้าญาธิดา “มึงคิดว่า ถ้าเกิดว่ากูรับโทรศัพท์สายนี้ลจะเป็นยังไงนะ?”
แววตาญาธิดาหม่นหมองทันที พลันจ้องมองชื่อที่บันทึกที่กำลังปรากฏบนหน้าจอนั้น จากนั้นตัวแข็งทื่อทันที
ที่แท้บิดาเป็นคนโทรศัพท์มาหา!
ทำไมเขาถึงโทรศัพท์มาหาตนเองในเวลานี้ได้ล่ะ?
พลางมองเห็นนิ้วมือของกณิศที่เตรียมจะกดรับสาย ญาธิดาส่ายหน้าอย่างกับคนบ้าคลั่งทันควัน ก้อนผ้าที่ยัดอยู่ในปาก ส่งเสียง “อู้อี้” ออกมา
สายนี้อย่ารับนะ!
อีกไม่กี่วันยติภัทรเตรียมจะเข้ารับการผ่าตัดแล้ว ซึ่งไม่สามารถได้รับผลกระทบทางจิตใจได้ หากเขาได้ยินว่าลูกสาวของตนเองถูกลักพาตัวมา ต้องเป็นเดือดเป็นร้อนจนบ้าไปแล้วแน่ๆ!
กณิศไม่คิดเลยว่าอากัปกิริยาการตอบสนองของญาธิดาจะมากล้นเพียงนี้ เวลานั้น จิตใจอันแสนชั่วร้ายเริ่มแสดงความอัปรีย์ออกมา เขากดรับสายทันที
เขามองใบหน้าแข็งทื่อของญาธิดา จากนั้นจึงกดเปิดลำโพงอย่างสะใจ
วินาทีต่อมา จึงมีเสียงทางนั้นดังขึ้น “ฮัลโหล? ธิดา...”
เป็นเสียงของดร.ยติภัทร!
ญาธิดาตัวแข็งทื่อ ร่างกายเย็นสะท้าน ณ วินาทีนั้นหัวใจหลงเหลือเพียงแค่ความหมดหวัง
ยติภัทรที่อยู่ปลายสายไม่ได้ยินเสียงตอบรับ จึงเรียกซ้ำอีกสองครั้ง “ธิดา? ฮัลโหล?”
กณิศแสยะยิ้มให้ พลางเปล่งเสียงทุ้มต่ำออกมา “ธิดา? ลูกสาวแกนะเหรอ? ไม่ต้องเรียกหรอก ตอนนี้นางถูกกูมัดมือมัดเท้าอยู่ แถมยังถูกผ้ายัดปากอีก พูดไม่ได้หรอก”
เมื่อคำพูดนี้หลุดปากไป ปลายสายเงียบงันอยู่ชั่วครู่ วินาทีต่อมา เสียงยติภัทรก็เริ่มสั่นเทาเล็กน้อย “แก...แกเป็นใคร?”
“อย่าสนเลยกูเป็นใคร ยังไงลูกสาวของมึงก็ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านแส่หาเรื่องใส่ตัว ล่วงเกินกู ตอนนี้มันอยู่ในมือกูแล้ว จะวิงวอนให้คนช่วยก็ไม่มีใครเข้ามาช่วย!”
เขาพูด พร้อมทั้งส่งเสียงหัวเราะออกมาเย็นชา
ญาธิดาแค่รู้สึกว่าเลือดในร่างกายพลุ่งพล่านไปทั่ว เธอเปล่งเสียงอู้อี้ออกมา พลางใช้เรี่ยวแรงในการขัดขืน ทว่ากลับไม่ได้สร้างความข่มขู่ให้กณิศสักนิด เธอก้มศีรษะลง พลันพุ่งตัวกระแทกกณิศอย่างโหดเหี้ยม ใครเล่าจะรู้ว่ากณิศยื่นมือออกมาข้างหนึ่ง พลันบีบคอเธอเอาไว้อย่างหนักหน่วง
“อีคนชั้นต่ำ! ไปตายซะ!”
เขาสบถด่าออกมาประโยคหนึ่ง พลันผลักญาธิดากระเด็นไปอีกทางอย่างรุนแรง
เขาโมโหจนเปิดประตูลงจากรถ พลางกระแทกปิดประตู และย้ายไปอยู่ที่นั่งเบาะด้านหน้า จากนั้นก็กวาดตามองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือ และตะคอกเสียงใส่อย่างโกรธเคือง “ไอ้แก่! มึงมีลูกสาวตัวดีจริงๆ!ช่างเป็นคนดีจรองๆ ชอบแส่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน พอมาถึงตอนจบแม้แต่ชีวิตตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอดเลย!”
ซึ่งในเวลาเดียวกันนี้ ยติภัทรที่อยู่ปลายสาย กุมโทรศัพท์เอาไว้ สีหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที
ปภาวีที่อยู่ทางด้านข้างกำลังวุ่นวายอยู่กับรินน้ำให้รู้สึกผิดปกติ จึงรีบวางกระติกรักษาความร้อนลงทันควัน และอ้าปากเรียกทักท้วง “ตาแก่ เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้ายติภัทรแสดงอาการสั่นเทิ้ม มือที่กำโทรศัพท์ไว้นั้นเริ่มสั่นเทา “แก...แกปล่อยลูกสาวฉันซะ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...