ดวงตาภวินท์ทอประกาย จู่ๆ ก็มีบุคคลหนึ่งโผล่ขึ้นมาในใจ
กณิศ!
มีแค่เขาเท่านั้น ที่มีความเป็นไปได้ที่เหมาะสมที่สุด
คนที่กล้าลงมือกับญาธิดาในบริษัท ต้องเป็นคนบริษัทอย่างแน่นอน!
ภวินท์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พลางโทรหาต้นทันที “ญาธิดาหายตัวไป ตรวจสอบร่องรอยสิ ยังมีกณิศอีกคน มีความเป็นไปได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเขาเป็นคนลงมือทำ! จุดสำคัญคือละแวกบริษัท ใช่สิ ยังมีลานจอดรถชั้นใต้ดินด้วย!
ต้นได้ยินเสียงร้อนอกร้อนใจของภวินท์ที่ยากนักจะได้ยินพลันเริ่มตรวจสอบทันที
ไม่นานนัก เขาจึงเรียกดูกล้องวงจรปิดลานจอดรถชั้นใต้ดิน จึงได้ภาพพร้อมทั้งป้ายทะเบียนรถ
ต้นกดลงบนจุดในคอมพิวเตอร์อย่างคล่องแคล่ว จนตัดคลิปวิดิโอและจัดส่งให้ภวินท์ จึงพูดผ่านสมอลทอร์คในเวลาเดียวกันด้วย “กณิศเป็นคนทำจริงๆ ครับ โดยลงมือตรงลานจอดรถชั้นใต้ดิน เขาไม่ได้ปิดบังตัวตน แถมยังตีจนญาธิดาสลบและหิ้วปีกลากขึ้นรถ ดูเหมือนน่าจะพุ่งเป้ามาที่พวกเรา เพื่อหวังล่อให้พวกเราติดกับโดยตายกันไปข้างหนึ่งครับ”
ภวินท์ที่มือกำโทรศัพท์ไว้แน่นขึ้น พลางมีความรู้สึกโกรธแค้นที่อธิบายไม่ถูกมันพุ่งขึ้นมาในหัวใจ
ต้นกดแป้นพิมพ์ เพื่อล็อกเป้าป้ายทะเบียนรถยนต์ของกณิศและเริ่มสะกดรอยตามหา
“ผมได้สะกดรอยตามป้ายทะเบียนรถยนต์ของเขา อีกสักพักก็จะมีร่องรอยการเดินทางของเขาแล้ว หลังจากนั้นก็จะส่งที่อยู่ให้คุณครับ”
ภวินท์แววตาหวั่นไหวเล็กน้อย ตาคิ้วอันเฉี่ยวคมพลางเย็นเฉียบราวน้ำค้างแข็ง และออกคำสั่งทันที “แจ้งรถอีกหลายๆ คันด้วย ไปดักทางเขาไว้พร้อมกัน
ในเวลานี้เอง ถึงแม้ว่าจะเป็นการคาดเดาของเขา ก็พอจะจับทางถึงสภาพจิตใจของกณิศได้ กระทั่งเขากล้าลักพาตัวคนอย่างเปิดเผยแบบนี้ นั่นเป็นการทำลายล้างตัวเอง เป็นการล่อปลาให้ติดกับ คนประเภทนี้เป็นคนบ้าคลั่งที่สุด เขาจำเป็นต้องเตรียมตัวไว้ให้มาก
ไม่นานนัก พลางมีเสียงของต้นดังเข้ามา “กล้องวงจรปิดสามารถถ่ายร่องรอยครั้งสุดท้ายของป้ายทะเบียนรถยนต์คันนี้ที่ถนนลงท่า บริเวณนั้นคือเขตพรมแดนของเขตตะวันออก ค่อนข้างทุรกันดาร ซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิดในหลายจุด
ภวินท์ขมวดคิ้ว สีหน้าหวาดกลัวจนตีหน้าขรึมพลันตะลึงเล็กน้อย จากนั้นเพียงพริบตาเดียว เขาก็ออกคำสั่งพายุ “ชิงลงมือก่อน มุ่งหน้าไปยังเขตตะวันออกเดี๋ยวนี้”
ถัดจากนั้น เขาจึงพูดกับต้นกับที่อยู่ปลายสาย “กระทั่งเขาจับตัวญาธิดาเป็นตัวประกัน เขาต้องมีเป้าหมายอยู่แน่ๆ ถ้าเดาไม่ผิดพลาดเขาต้องโทรหาผมแน่ ถึงเวลานั้นต้องล็อกเป้าเบอร์โทรศัพท์ของเขา แถมยังสามารถกระชับพิกัดได้เล็กลง และใช้รถยนต์หลายๆ คันมาดักทางเอาไว้ ซึ่งน่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
ต้นตอบรับทันควัน “เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อกดวางสายโทรศัพท์แล้ว รถยนต์คันสีดำก็เร่งเครื่อง โดยมุ่งหน้าไปยังเขตทางตะวันออก ภวินท์นั่งอยู่เบาะทางด้านหลัง ครึ่งท่อนบนนั่งหลังตรงตัวแข็งทื่อ ในมือกำโทรศัพท์เอาไว้
ในเวลานี้ คือการรอให้กณิศโทรศัพท์เข้ามาหา
“ครืด—"
เวลานี้เองจู่ๆ โทรศัพท์ก็สั่นขึ้น แววตาภวินท์ทอประกาย จึงหลุบตาต่ำตามสัญชาตญาณ เพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์
ใครจะรู้ว่าคนที่โทรศัพท์มาไม่ใช่กณิศ
เมื่อมองตัวอักษร “นิว” ที่ปรากฏหน้าจออยู่ตลอด ภวินท์ลังเลอยู่ชั่วครู่ จึงกดตัดสายทิ้งทันที
เวลานี้เอง เขาไม่สามารถให้โทรศัพท์มีสายใช้งานอยู่ มิเช่นนั้นกณิศโทรเข้ามาไม่ติด
ประเดี๋ยวเดียว โทรศัพท์ก็สั่นอีกครั้ง ก็ยังคงเป็นนิวรา
ภวินท์ย่นคิ้ว และตัดสายนิวราอีกครั้ง และส่งข้อความให้นิวราทันที “พี่มีธุระด่วน กลับไปแล้วจะอธิบายให้เธอฟัง”
เพิ่งส่งข้อความไปไม่ถึงสองนาที โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ภวินท์ก้มหน้าลงมอง จึงมองเห็นเบอร์แปลกๆ ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ จนร่างกายเย็นเฉียบเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เขากดเลื่อนรับสายพลางแนบข้างใบหูและพูดสื่อสารด้วยน้ำเสียงเย็นชามาก “ฮัลโหล”
“ภวินท์… “จึงได้ยินเสียงหัวเราะอันเย็นชาของผู้ชายดังออกมาจากปลายสาย “มึงรู้หรือเปล่าว่ากูคือใคร?”
ดวงตาภวินท์ปรากฏความขุ่นเคืองอีกชั้น น้ำเสียงเคร่งขรึมเย็นชาเช่นเดิม “พูดมา”
“กูคือกณิศ คนที่มึงกำลังตามหาอยู่ในช่วงนี้ไง กูจะบอกมึงให้ ญาธิดาผู้หญิงที่ช่วยชีวิตมึงไว้ครั้งที่แล้ว ตอนนี้ตกอยู่ในมือกู! ถ้ามึงยังไม่อยากให้เธอตายก็มาเจรจากับกูซะ!”
ภวินท์กำหมัดแน่นอย่างไม่รู้ตัว “แกอยากจะทำอะไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...