“เคร้ง—" มีเสียงหนึ่งดังลั่น มีดสั้นอันเย็นเฉียบหล่นลงพื้นทันที
ญาธิดาตกตะลึง โดยที่ยังไม่ทันได้สติกลับคืนมา ก็มองเห็นด้านข้างประตูรถยนต์คันหนึ่งเปิดออก ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ก็ลงมาจากรถ
เมื่อเห็นภวินท์ ดวงตาเธอเปล่งประกายทันที ที่แท้หัวใจที่ตุ้มๆ ต่อมๆ อยู่ก็ค่อยผ่อนคลายลง
ถึงแม้เธอไม่อยากจะยอมรับ แต่ระยะเวลาสองชั่วโมงกว่าที่ผ่านมานี้ คนที่เธอคาดหวังอยากจะเห็นหน้าที่สุดก็คือภวินท์ ซึ่งในตอนนี้ เขารีบมาช่วยเธอเอาไว้จริงๆ ด้วย!
สีหน้าชายหนุ่มเคร่งขรึมเย็นชา โดยสาวเท้ายาวๆ มาทางด้านหน้า และยื่นมือมาทางด้านหน้าเพื่อคว้าเธออย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ยื่นมือไปดึงม้วนผ้านั้นที่ยัดปากของเธอออก
“แค่ก แค่ก!” ญาธิดาไอออกมาหลายต่อหลายครั้ง ลำคอแห้งผากเจ็บปวดทรมาน
ภวินท์ไปเอามีดมีดพับสวิสมาจากไหน เผลอแวบเดียวก็สามารถตัดเชือกที่มัดอยู่บนร่างกายของเธอออกได้อย่างรวดเร็ว
จากนั้น เขาก็กำชับกับคนที่อยู่ด้านข้างเสียงแข็ง “ไปจับตัวกณิศมา เอาอาวุธของเขา รวบรวมมาให้ทั้งหมดด้วย”
เขาพูดจบ ก็โอบหญิงสาวที่มีอาการตะลึงเล็กน้อยโดยมุ่งหน้าเดินไปยังทางด้านหน้า
หลังจากขึ้นรถมาแล้ว ญาธิดาถึงได้รู้สึกผ่อนคลายจากอาการหวาดหวั่นที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ จึงมองเห็นชายหนุ่มหยิบน้ำมาให้เธอหนึ่งขวด จู่ๆ เธอก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ จึงรีบหันศีรษะไปมองเขา และอ้าปากถามอย่างตื่นเต้น “พ่อฉันล่ะคะ? พ่อฉันเขาเป็นยังไงบ้าง?”
ภวินท์ขมวดคิ้วเข้าหากัน และเม้มริมฝีปากจนขีดเป็นเส้น จากนั้นก็เอ่ยพูดน้ำเสียงปกติ “อยู่ที่โรงพยาบาลนั่นแหละ ได้ยินคุณน้าท่านพูดว่าเขาเป็นลมล้มพับไป”
“อะไรนะคะ?”
ญาธิดาตกใจ อาการเคร่งเครียดจากระบบประสาทที่เพิ่งจะคลายลงเริ่มตึงเครียดกลับขึ้นมาอีกครั้ง เธอกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น จนแสบโพรงจมูก
นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวที่สุดที่ได้ยินมา ทว่าทุกเรื่องต่างพัฒนาไปในทิศทางที่ย่ำแย่ที่สุดเสมอ
ญาธิดารู้สึกตื่นเต้น น้ำตาคลอเบ้าเปล่งประกายเต็มสองดวงตา จึงยื่นมือออกไปคว้าข้อมือของภวินท์เอาไว้ “ฉันจะไปโรงพยาบาล ส่งฉันไปโรงพยาบาลที!”
เมื่อเห็นลักษณะหญิงสาวออกอาการตื่นตระหนก หัวใจภวินท์บีบรัดแน่นขึ้น โดยออกคำสั่งให้พายุเสียงแข็ง“ขับรถตรงไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
พายุเลี้ยวรถทันควัน และเหยียบคันเร่งเต็มที่ โดยใช้ความเร็วที่สุดในการมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล
ตลอดการเดินทาง ญาธิดามีอาการตึงเครียด ความรู้สึกร้อนใจจนไร้เรี่ยวแรงย้ำเตือนอยู่ในหัวใจ จนทำให้เธอนั่งไม่อยู่สุข
ภวินท์ที่อยู่ด้านข้างรับรู้ถึงความรู้สึกของเธอ จึงยื่นมือออกมาบิดฝาขวดน้ำแร่และเปิดให้ จากนั้นก็ยื่นมาให้ด้านหน้าเธอ “วางใจเถอะ อาจารย์ไม่เป็นไรหรอกครับ”
ญาธิดายื่นมือมารับอย่างงุนงง แต่ความรุ่มร้อนที่อยู่ในใจกลับไม่ได้ลดถอยน้อยลงสักนิด เวลานี้ เธอจะวางใจได้ยังไงกัน?
การขับรถด้วยความเร็วตลอดการเดินทาง จนรถยนต์มาถึงโรงพยาบาล เมื่อรถยนต์จอดสนิทหน้าประตูใหญ่ ญาธิดาก็ผลักประตูลงจากรถ และรีบวิ่งเข้าโรงพยาบาลทันที
ภวินท์ขมวดคิ้วหากัน และลงจากรถทันควัน เพื่อรีบวิ่งตามหลังไป
ญาธิดารีบวิ่งตาลีตาเหลือกมาถึงห้องพักผู้ป่วย ภายในไม่มีคนอยู่สักคน พริบตาเดียว ใจเธอราวกับถูกแขวนไว้บนเส้นด้ายอีกครั้ง ขนาดถึงขั้นสูดลมหายใจเข้าถี่มากขึ้น
“พ่อ......”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ โดยไม่กล้าคิดไปในทางด้านเลวร้าย เธอพุ่งตัวออกห้องพักผู้ป่วย เมื่อเห็นพยาบาล จึงมุ่งหน้าไปคว้าไว้เพื่อสอบถามทันที “ขอโทษค่ะ คนไข้ที่อยู่ในห้องพักผู้ป่วยห้องนี้ล่ะคะ!”
พยาบาลคนนั้นตกใจเธอจนขวัญหนีดีฝ่อ เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเธอ จึงรีบพูดทันควัน “คนป่วยท่านนี้เพิ่งได้รับการช่วยชีวิตค่ะ ตอนนี้อยู่ในห้องICU ต้องคอยติดตามดูอาการอย่างใกล้ชิดตรงชั้นห้าค่ะ”
ญาธิดาได้ยิน จึงรีบพูดขอบคุณทันควัน และวิ่งขึ้นบันไดโดยไม่สนใจสิ่งใดเลย
ญาธิดาตาลีตาเหลือกรีบมาถึงชั้นห้องICUที่ต้องติดตามดูอาการ เธอมองเห็นปภาวีที่นั่งอยู่ด้านนอกอยู่ไกลๆ พริบตาเดียว ลำคอตีบตัน น้ำตาของเธอพรั่งพรูจนเอ่อล้นออกมา “แม่!”
ปภาวีนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเลื่อนลอย เมื่อได้ยินเสียง จึงหันตัวชะเง้อมองตามสัญชาตญาณ เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ สีหน้าแววตาแสดงความยินดีออกมาจากสีหน้า จากนั้นจึงลุกพรวดเพื่อเข้าไปหา “ธิดา!”
ญาธิดาน้ำตาไหลพราก แล้วดึงปภาวีมาถาม “พ่อเป็นไงบ้างคะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...