ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 245

ญาธิดาแสดงลักษณะท่าทางคาดไม่ถึง ว่าเขาจะพูดแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น เมื่อมองดวงตาอันดำขลับไร้ก้นบึ้งคู่นั้นของชายหนุ่ม เธอรู้สึกหมดที่พึ่งในใจทันที

ภวินท์ทำได้ตามที่พูด ซึ่งพูดว่าถ้าเธอดื้อรั้นไม่ยอมไป เกรงว่าเขาก็คงแบกเธอพาดบ่าไปจริงๆ แน่

เธอเบนสายตาไปทางอื่น และพูดเสียงแข็ง “ฉันไปก็ได้”

พยาบาลที่อยู่ด้านข้างไม่กล้าหายใจแรงๆ ออกมา เมื่อได้ยินก็รีบเดินนำหน้าพาไปทันควัน ญาธิดารีบสาวเท้าเดินตามไป โดยมุ่งหน้าเดินทางด้านหน้าทั้งที่ไม่ยอมหันศีรษะกลับไปมองทางด้านหลังด้วยซ้ำ

หลังจากมองเห็นว่าเธอเดินไปได้หลายก้าว ปภาวีก็รีบหันมามองภวินท์พลางเอ่ยขึ้นทันควัน “ตาวิน ต้องพลอยให้ทำคุณลำบากไปด้วย สภาพของเธอในตอนนี้อารมณ์ไม่แน่ไม่นอน...”

“ไม่เป็นไรครับคุณน้า ผมขอไปดูเธอสักหน่อย”

พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าเดินตามไป

ปภาวีมองแผ่นหลังของพวกเขาคนหนึ่งเดินนำอีกคนเดินตามหลัง จนถอนหายใจยาวๆ ออกมาอย่างอดไม่ได้

ภายในห้องทำแผล พยาบาลจัดการทำความสะอาดบาดแผลอันยิบย่อยที่อยู่ทั่วร่างกายของญาธิดา ซึ่งไม่ได้มีอาการหนักหนานัก โดยการทำแผลขั้นพื้นฐานที่สุด

“สองสามวันนี้อย่าโดนน้ำนะคะ ต้องระวังแผลด้วย ต้องกลับมาล้างแผลด้วยนะคะ” พยาบาลกำชับอีกสองประโยค จากนั้นก็มองเห็นภวินท์ที่ยืนอยู่หน้าประตู จนกระซิบพูด “พวกคุณพักผ่อนสักหน่อย มีอะไรเรียกดิฉันได้ค่ะ ดิฉันอยู่ห้องข้างๆ”

ญาธิดาไม่ได้พูดอะไร เอาแต่พยักหน้า

เมื่อพยาบาลเดินออกไป ภายในห้องก็เหลือแค่พวกเขาสองคน

ญาธิดานั่งอยู่บนเก้าอี้ บริเวณหน้าอกคล้ายกับมีสิ่งของอะไรบางอย่างมันมาขวางเอาไว้ทั้งหนักหน่วงจนรู้สึกจุกอก จนเริ่มหายใจไม่คล่อง

ภวินท์ที่อยู่ด้านข้างเห็นสภาพนั้นแล้วก็เงียบงันตาม ผ่านไปนาน ในที่สุด เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณไม่ต้องมัวแต่โทษตัวเอง เรื่องนี้คนที่ผิดไม่ใช่คุณ”

เขาเพิ่งพูดจบ ญาธิดาก็แหงนหน้าขึ้น ดวงตาสดใสจ้องมองเขา ไม่มีการหดถอยสักนิด “ใช่สิ ต้นตอทั้งหมดมันเป็นเพราะว่าคุณ”

ซึ่งตอนนี้บิดาของเธอยังไม่ฟื้น ใจเธออัดแน่นไปด้วยความโกรธ แล้วเรื่องนี้จะไม่ให้เธอไปโทษเขาได้ยังไงกัน?

เธอพูด พร้อมทั้งลุกขึ้นยืน และใช้เท้าที่พันผ้าก๊อซเอาไว้ เดินออกไปทางด้านนอกอย่างตุปัดตุเป๋

วินาทีที่ใกล้เดินผ่านหัวไหล่ของชายหนุ่มนั้น พลันมีฝ่ามือใหญ่อันมีพละกำลังยื่นออกมา เพื่อคว้าแขนเธอเอาไว้ “คุณจะไปไหน?”

“อย่ามายุ่ง!”

ญาธิดาสะบัดมือเขาออกอย่างแรง จากนั้นจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าว หน้าอกกระเพื่อมอยู่ไม่ขาดสาย เธอกัดฟันแน่น เพื่อรวบรวมความกล้าหาญพลางพูดออกไป “ภวินท์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเราตัดขาดอยู่คนละโลกกันเถอะค่ะ ฉันจะพยายามเก็บเงิน เพื่อเอาเงินที่ติดค้างคุณไว้มาคืนให้หมด ก่อนหน้าที่จะคืนเงินหมด ถ้าต้องการให้ฉันแสดงละครตบตาต่อหน้าคุณยายฉันก็ยินดีร่วมมือกับคุณ แต่เรื่องอื่น ฉันจะไม่รักษาสัญญา!”

สัญญาเงื่อนไขขีดจำกัดอันวุ่นวายฉบับนั้น เธอก็ไม่มีวันทำตามสัญญาอีก! ส่วนเงินที่ติดหนี้เขา ไม่ช้าเร็วสักวันหนึ่งเธอก็ต้องหามาใช้คืนให้ได้!

หางตาภวินท์ปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็งอยู่อีกชั้น น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิม “ญาธิดา นี่คุณเอาจริงใช่มั้ย?”

เขาไม่คิดเลยว่าจะมีสักวันหนึ่ง เธอจะแสดงความแน่วแน่ดื้อรั้นหัวชนฝาต่อหน้าเขาแบบนี้!

ญาธิดากัดฟัน และพูดเน้นย้ำทุกคำทุกประโยคอย่างชัดเจน “ค่ะ คุณมีแฟนแล้ว ฉันก็มีชีวิตของฉันเอง เราจะไม่มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องจนตัดไม่ขาดจากกันอีกแล้ว! นอกจากเรื่องของคุณย่า ส่วนเรื่องอื่นของคุณ ฉันไม่อยากเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย!”

พูดจบ เธอก็ก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินออกไปอย่างแน่วแน่

ภวินท์หันไปด้านข้าง จึงเห็นแผ่นหลังของหญิงสาวเดินไปไกล หัวใจบีบรัดอย่างรุนแรง และยังคงเกิดอาการหงุดหงิดตามหลังมา

คำพูดเหล่านั้นที่หญิงสาวเพิ่งจะพูดออกไป ราวกับเป็นเข็มเล่มเล็กๆ ที่คอยทิ่มแทงหัวใจของเขาอย่างไร้เยื่อใย เจ็บทรมานเจียนตาย แต่กลับไร้หนทางรับมือ

ภวินท์หงุดหงิดขึ้นเรื่อย จึงเบนสายตาไปทางอื่น และก้าวเท้า เพื่อมุ่งหน้าเดินไปยังลิฟต์โดยสารทันที

ถึงขั้นเธอพูดออกมาแบบนี้แล้ว เขาก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่ที่นี่ต่อ! ซึ่งเขาเองก็ขี้เกียจจะมีส่วนร่วมกับเรื่องของเธอแล้วด้วย!

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ภวินท์นั่งดื่มเหล้าอยู่บนโซฟา สีหน้าเคร่งขรึมเย็นชา นอกจากการยกแก้วเหล้ากรอกปากแล้ว ก็ไม่ได้พูดออกมาสักคำ

หลุยส์ที่อยู่ด้านข้างเห็นภาพนั้นแล้ว ได้แต่เกาศีรษะอย่างเก้อเขิน “วิน นี่นายหมายความว่ายังไง ที่เรียกฉันมา แต่ไม่พูดห่าอะไรสักประโยค?”

ภวินท์ทำหน้าเคร่งขรึมหนักกว่าเดิม พลางชูแก้วที่ภายในมีเหล้าแรงๆ กระดกรวดเดียวหมดแก้ว จากนั้นจึงมองหลุยส์ด้วยสายตาเย็นชา พร้อมทั้งพูดเสียงเย็นชา “นายไม่ถูกใจ ก็กลับไปดิ”

หลุยส์ยกมุมปาก และถึงกลับพูดไม่ออกในทันที หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาก็เชิดปลายคางขึ้น เพื่อเอ่ยปากซักถามกลับ “ที่โกรธมาแบบนี้ เพราะผู้หญิงเหรอ?”

ซึ่งในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ภวินท์เป็นคนเย็นชามาโดยตลอด น้อยครั้งมากที่จะเห็นอารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดนี้ เขาในเวลานี้ อยู่ในจุดที่สามารถระเบิดได้อย่างชัดเจน

“เป็นเพราะว่านิวรา?” หลุยส์พูดต่ออย่างไม่กลัวตาย “หรือว่าญาธิดา?”

เมื่อได้ยินชื่อนั้น ภวินท์เลิกคิ้วอย่างไม่รู้ตัว แววตาราวกับมีมีดอันเย็นชาและสับสน ที่พุ่งแทงหลุยส์มาตรงๆ

หลุยส์เม้มริมฝีปากยิ้ม จนเข้าใจทันที เขายกแก้วดื่มหมดแก้วและเบนสายตาไปทางอื่น ทำท่าทางราวกับไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

ในจังหวะนั้นเอง จู่ๆ พายุก็เดินเข้ามา จากนั้นก็โน้มตัวลงเพื่อกระซิบรายงานข้างหูภวินท์ “โทรศัพท์หมอกรณ์ครับ บอกว่าคุณปิดเครื่อง เลยโทรหาผม”

ภวินท์ได้ยิน จากนั้นจึงกวาดตามองโทรศัพท์ที่พายุยื่นส่งมาให้ หลังจากลังเลอยู่ชั่วครู่ ก็เลือกที่จะรับเอาไว้ “ฮัลโหล?”

จากนั้นก็มีเสียงแหบเล็กน้อยของหมอกรณ์ดังออกมา “คุณภวินท์ครับ อาการของคุณนิว ไม่ค่อยสู้ดีนัก...”

มือที่ถือแก้วของภวินท์ค่อยๆ กำแน่นขึ้นเรื่อย จากนั้นก็ลุกพรวด “เธอเป็นอะไรครับ?”

“เมื่อครู่คุณนิวหมดสติ ตอนที่ผมมาถึงตระกูลวรโชติก็ได้ทำการตรวจเช็กอาการให้เธอแล้วครับ ตอนนี้ประเด็นสำคัญคือเธออารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างรวดเร็ว จึงทำให้สภาพจิตใจส่งผลต่อร่างกายในทางที่ไม่ดี”

ภวินท์ได้ยิน คิ้วตาฉายความกังวลออกมา จึงวางแก้วเหล้าลงทันควัน และพูดตอบทันที “หมอกรณ์รบกวนคุณรอผมสักครู่ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

“ครับ”

หลังจากวางสาย เขาลุกพรวดอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง และมองพายุพลางพูดกับเขา “ไปบ้านตระกูลวรโชติ”

หลุยส์ที่ถูกมองข้างจึงลุกขึ้นทันควัน “เฮ้ย!วิน นี่แก...”

ภวินท์เหลือบตามองเขา พลันพูดเสียงเข้ม “ขอตัวก่อน มีธุระอะไรไว้ค่อยคุยกัน”

พูดจบ เขาก็ก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินออกไปทันควัน

หลุยส์ทั้งโมโหทั้งตลกขบขันพร้อมกัน “ไอ้นี่...”

ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนเรียกเขามาดื่มเหล้า ไม่คิดเลยว่าตั้งแต่ที่เจอหน้าเขาจนถึงตอนนี้พวกเขาพูดกันไม่กี่ประโยค อีกอย่างตอนนี้เขาพูดว่าจะกลับก็จะกลับดื้อๆ ...

ช่างแม่งเถอะ กระทั่งเขากลับไปแล้ว งั้นตัวเขาก็จะสั่งเหล้าดีๆ มาสักหลายขวด และก็ลงบัญชีภวินท์ซะเลย

ภวินท์รีบมาถึงตระกูลวรโชติ เมื่อเข้าไปในบ้าน ก็เห็นหมอกรณ์นั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขก

เขาก้าวมาทางด้านหน้า และเอ่ยปากสอบถามทันที “อาการนิวเป็นไงบ้างครับ?”

“ตอนนี้คุณนิวนอนหลับแล้วครับ แต่ผมดูสภาพอารมณ์ของเธอในระยะไม่ค่อยทรงตัวสักเท่าไหร่ ประเด็นหลักๆ คือแสดงพฤติกรรมร้อนใจ ทั้งหวาดกลัวและวิตกกังวล สิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีมากสำหรับร่างกาย”

หมอกรณ์หยุดสักพัก จากนั้นก็ชูมือขึ้นขยับกรอบแว่นตา และพูดต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “สภาพอาการก่อนหน้าคุณเองก็ทราบดี ก่อนที่จะมีการผ่าตัดเปลี่ยนไต คุณนิวก็เป็นโรคซึมเศร้า หลังจากผ่าตัดมาสักระยะถือว่าดีขึ้นบ้าง แต่ตอนนี้กลับอาการหนักขึ้นแทน...”

ภวินท์ได้ยินแล้ว อารมณ์ยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อย เดิมทีวันนี้เขาพูดเป็นมั่นเป็นเหมาะกับนิวราว่าจะมากินข้าวที่บ้านตระกูลวรโชติ แต่เขาก็ผิดนัด จนเธอต้องไม่สบายใจแน่ๆ

“คุณภวินท์ ตอนนี้ต้องปลดพันธนาการในใจของคุณนิว อารมณ์จะสงบลงได้ ร่วมกับการรักษาทางยา ผลลัพธ์จะดีที่สุด ส่วนปมที่อยู่ในใจของเธอ มันขึ้นอยู่กับคุณมากที่สุดแล้ว”

ภวินท์ได้ยิน จึงก็เงียบงันสักพัก จากนั้นก็ค่อยๆ พยักหน้า “ผมเข้าใจแล้วครับ”

ความจริงในใจของเขาก็ชัดเจนมาก ปมที่อยู่ในใจของนิวรามันคืออะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์