หมอกรณ์พยักหน้า และไม่ได้พูดอะไรมากอีก
ภวินท์กระซิบพูด “ผมจะไปดูเธอสักหน่อยครับ”
พูดจบ เขาก็หันหลังให้ และเดินขึ้นชั้นสอง พร้อมทั้งเดินไปยังห้องของนิวราอย่างช้าๆ
ด้านหน้าประตู ก็มีคนรับใช้คอยเฝ้าอยู่ เมื่อเห็นว่าเป็นเขา ก็รีบทักทายเสียงเบาทันที “สวัสดีค่ะคุณภวินท์”
ภวินท์ค่อยๆ พยักหน้า พร้อมทั้งพูดจาเสียงปกติ “คุณไปบอกกับคุณลุงไว้ก่อน ผมจะขอเยี่ยมนิวก่อน อีกสักพักก็จะแวะไปสวัสดีเขา”
บ่าวไพร่เข้าใจความหมาย จึงพยักหน้าและก้าวเท้าเดินจากไป
เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป แสงมืดหม่นภายในห้อง และเปิดไฟติดกำแพงสีส้มอ่อน จนส่องสว่างให้มองเห็นภายในห้องอย่างคลุมเครือ
ภวินท์เดินมาอยู่ข้างเตียง จึงจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาวที่ซุกอยู่ในผ้าห่ม จนมีความรู้สึกละอายใจถาโถมอยู่ในหัวใจ
ก่อนหน้าเขาได้ตกลงกับเธอ รอจนอาการป่วยหายจนใกล้จะหายดี จะจัดงานแต่งงานฉลองอันยิ่งใหญ่ที่เธอมิอาจลืมเลือนได้ในชีวิตนี้ ซึ่งช่วงนี้เธอได้บอกใบ้เป็นนัยให้ตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เขาก็แสดงอาการต่อต้านอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อยืนนิ่งอยู่กับที่สักพัก เขาก็เตรียมจะหันหลังเดินจากไป จู่ๆ คนที่นอนอยู่บนเตียงก็เริ่มขยับตัว และค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
เมื่อมองเห็นเขา แววตานิวราทอประกายความแปลกใจออกมาเล็กน้อย “พี่วิน?”
เธอลุกขึ้นนั่งอย่างตื่นเต้น และยื่นมือไปคว้ามือข้างหนึ่งของเขาเอาไว้อย่างไม่ลังเล “อย่าไปไหนนะ...”
ภวินท์หลุบตาต่ำ จึงมองเห็นท่าทางความน้อยใจและอาการไม่อยากให้ไปแสดงออกมาทางสีหน้าของหญิงสาว จนหัวใจอ่อนยวบยาบ
เขาเบาเสียง และพูดออกมาอย่างแผ่วเบา “วางใจเถอะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อนนิวเอง”
“จริงเหรอคะ?” นิวราซักถามอย่างตื่นเต้น แต่ครุ่นคิดไปอีกอย่าง แววตาก็หม่นหมองลง เธอกางแขนกอดช่วงเอวของภวินท์เอาไว้ น้ำเสียงฉายความน้อยใจออกมา “พี่วิน นิวยังคิดว่าพี่จะไม่ต้องการนิวแล้ว...”
ในเวลานั้น ภวินท์ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่อยู่ในหัวใจได้ ซึ่งในช่วงเวลาที่เขาอยู่ในความมืดหม่นที่สุด นิวราอยู่ข้างกายและเธอคอยดูแลเขามาโดยตลอด ทว่าตอนนี้ เขากลับให้ความรู้สึกความปลอดภัยขั้นพื้นฐานที่สุดกับเธอไม่ได้
เขาก้มหน้า และยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเธอ จากนั้นก็พูดเสียงแผ่วเบา “ไม่มีทาง อย่าคิดให้มากเลย”
นิวราได้ยิน รู้สึกดีใจมาก แต่ยังสูดจมูก และเงยหน้าจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่มีน้ำตาคลอเบ้า “แล้วทำไมวันนี้พี่ถึงไม่มากินข้าวที่บ้านของเราล่ะคะ พี่ตกลงกับนิวไว้แล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
ซึ่งไม่รอให้ภวินท์ได้ตอบคำถาม เธอเบาเสียงลง ในเสียงเผยให้เห็นความไม่สบายใจ จากนั้นจึงพูดต่อ “พี่คงไม่รู้ว่าวันนี้คุณพ่อจะเอ่ยถึงเรื่องแต่งงานแล้ว พี่ก็เลย...”
เมื่อสบตากับดวงตาอันน่าสงสารคู่นั้นของหญิงสาว หัวใจภวินท์บีบรัด และพูดปฏิเสธตามสัญชาตญาณ “ไม่ใช่ อย่าคิดเองเออเองสิ”
จากนั้น เขาก็ชูมือขึ้น เพื่อปัดบริเวณหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน “มีเรื่องด่วนจริงๆ คราวหน้าจะไม่เป็นแบบนี้แล้วครับ”
มือนิวราที่กกกอดอยู่ตรงช่วงเอวของเขากอดแน่นขึ้นเรื่อย “งั้นก็ดีค่ะ นิวยังคิดว่าพี่วินจะไม่ยอมแต่งงานกับนิวแล้วค่ะ...”
“วางใจได้เลย เรื่องที่ตกลงกับเธอเอาไว้พี่จะต้องทำให้ได้”
ในตอนแรกเขาได้ตกลงกับนิวราเอาไว้ ก็ต้องทำได้ตามที่พูดอย่างแน่นอน
เมื่อเอาอกเอาใจอยู่นาน ในที่สุดนิวราก็เชื่อมั่น และห่มผ้าห่มจนหลับสนิท เขาถึงได้หันหลังและเดินออกจากห้องพัก
แม้ว่าปากเขาจะพูดว่าต้องแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน แต่ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาดอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เมื่อลงบันไดมา จนถึงชั้นหนึ่ง ภวินท์ก็มองเห็นชนัดพลที่กำลังนั่งสูบบุหรี่อยู่บนโซฟา นัยน์ตาเคร่งขรึมลง เขารีบย่างฝีเท้าเดินตรงไปทางด้านหน้าทันควัน
“คุณลุงครับ”
ชนัดพลได้ยิน จึงเงยศีรษะขึ้น ดวงตาดั่งเหยี่ยวคู่นั้นปะปนด้วยความเย็นชา ไม่เก็บอาการสักนิด “วิน มานั่งสิ”
ภวินท์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของเขา จากนั้นก็มีบ่าวไพร่เข้ามาเสิร์ฟน้ำชาให้อย่างทันควัน
รอจนบ่าวไพร่ถอยออกไปแล้ว ชนัดพลอัดบุหรี่เข้าปอด และตอบน้ำเสียงปกติ “เยี่ยมนิวเสร็จแล้วเหรอ?”
ภวินท์ตอบกลับด้วยท่าทางเรียบเฉย “อืม เธอหลับแล้ว”
ชนัดพลเหมือนว่าไม่สนใจคำว่า “อืม” ที่หลุดออกมาจากปาก ในมือที่คีบบุหรี่เอาไว้ และเขี่ยเศษบุหรี่ออก “วันนี้ทำไมไม่กินข้าวด้วยกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...