อัญมณีที่อยู่อีกฝั่งไม่มีท่าทีลังเลสักนิด จึงอ้าปากพูดตอบกล้าหาญชาญชัย “อย่าพูดว่าช่วยสักครั้งเลย สิบครั้งฉันก็ยอมช่วย!”
ญาธิดายิ้มให้ พลันพูดเสียงแผ่วเบา “แกช่วยไปที่คอนโดของฉันได้มั้ย ช่วยเอาเสื้อผ้าหลายๆ ชุดมาให้ฉันเปลี่ยนที”
ถ้าเธอมาโรงพยาบาล ยังไงก็ต้องผ่านคอนโดแน่ อีกทั้งตอนที่เธอเพิ่งย้ายเข้าบ้านนั้น เธอก็ได้ให้กุญแจสำรองไว้ที่อัญมณีหนึ่งดอก
อัญมณีตอบรับอย่างไม่มีการลังเลสักนิด “ได้สิ แกจะเอาอะไรบ้าง จดมาให้ชัดเจนเลย อีกเดี๋ยวฉันจะเอาไปให้แกเอง”
รอจนวางสายเรียบร้อยแล้ว อัญมณีก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมตัวออกจากบ้าน
เธอเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอลงบันไดมา และเดินมายังห้องรับแขก ก็เห็นธีทัตกำลังนั่งอยู่หน้าโซฟา ซึ่งกำลังนั่งจิบชาและอ่านนิตยสารไปพร้อมกัน
เมื่อเห็นว่าเธอรีบหยิบของอย่างร้อนรน เขาเลิกคิ้วขึ้น และอ้าปากถามทันที “จะออกไปไหน?”
เมื่อเห็นว่าแววตาพี่ชายออกอาการถามไถ่ อัญมณีกลอกตามองบน ในใจก็พอจะเดาได้ถึงความหมายที่อยู่ในคำพูดของเขา เธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นมั่นเป็นเหมาะ “กลางวันแสกๆ ฉันไม่ไปผับหรอกค่ะ”
“งั้นแกจะไปทำอะไร?”
ชายหนุ่มวางแก้วที่อยู่ในมือด้วยท่วงท่าสง่างาม แววตาอันสดใสคอยจ้องมองเธอ ไม่ได้แสดงอำนาจ แต่กลับสื่อความกดดันออกมาอย่างไร้รูปลักษณ์
อัญมณีถอนหายใจอย่างหมดคำพูด ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เกิดเรื่องขึ้นในร้านเหล้า ธีทัตเข้มงวดเธอยิ่งกว่าการจองจำนักโทษ
อัญมณีเดินมาถึงทางเข้าประตูและกำลังเปลี่ยนรองเท้า จากนั้นก็หลุดปากพูดออกมา “ฉันจะไปดูธิดาหน่อย ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาล...”
เมื่อได้ยินคำว่า “ธิดา” แววตาธีทัตชะงักเล็กน้อย วินาทีต่อมาก็วางนิตยสารที่อยู่ในมือลงทางด้านข้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินไปหาเธอ “เกิดอะไรขึ้นกับธิดา?”
อัญมณีมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่ชายตนเอง จึงพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้ “เธอไม่ได้เป็นไรค่ะ พ่อเธอต่างหากที่นอนอยู่โรงพยาบาล ฉันจะไปคอนโดจะไปเอาของและเอาไปส่งให้เธอ เลยว่าจะแวะไปหาเธอกับคุณลุงด้วย”
เมื่อได้ยินเธอพูดออกมาเช่นนี้ ธีทัตถอนหายใจโล่งอกไปที จากนั้นก็พูดออกมาทันที “พี่จะไปกับแกด้วย”
อัญมณียกมุมปาก เดิมอยากจะแกล้งหยอกเย้าพี่ชายตัวเองอีกหลายประโยค แต่พอมองเวลาก็สายพอตัวแล้ว จึงโยนกุญแจรถให้เขา “จะไปก็รีบหน่อย พี่ขับรถนะ!”
หลังจากนั้นห้านาที ทั้งสองคนขึ้นรถ และมุ่งหน้าไปยังคอนโดเล็กๆ ของญาธิดาทันที
หลังจากนั้นสี่สิบนาที พวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล และเดินมาถึงหน้าลิฟต์ ธีทัตอ้าปากถามไถ่ “พ่อของธิดาเป็นอะไรเหรอ?”
“โรคหัวใจแหละ เหมือนว่าเพิ่งจะผ่านการผ่าตัดมา ก่อนหน้านี้เคยได้ยินธิดาเอ่ยถึง และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการเป็นยังไงแล้วค่ะ”
ทั้งสองคนถามไถ่รายละเอียดกันไปมาอยู่หลายประโยค และเดินมาถึงห้องพักผู้ป่วยอย่างไม่รู้ตัว
“ธิดา!”
ประตูห้องพักผู้ป่วยเปิดแง้มอยู่ พริบตาเดียวอัญมณีก็เห็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาหลายวัน จนตื่นเต้นจนทนไม่ไหว และวิ่งเหยาะๆ เข้าไปด้านใน เมื่อเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย จังหวะที่เธอเห็นดร.ยติภัทรกำลังนอนหลับสนิทที่อยู่บนเตียง จึงหุบปากลงทันที และฉีกยิ้มให้ญาธิดาและคุณปภาวีอย่างเคอะเขิน
เมื่อมองมาทางอัญมณี ปภาวีก็เข้ามาต้อนรับปภาวีอย่างกระตือรือร้น พร้อมทั้งทักทายเธอเสียงแผ่วเบา “อันอันมาแล้วเหรอ”
ญาธิดายิ้มให้ เมื่อเห็นว่าเธอถือตะกร้าผลไม้และนมอยู่ในมือเธอ พลันตกตะลึง ตอนที่กำลังจะอ้าปากถามว่าเธอลืมเอาเสื้อผ้าของเธอมาหรือเปล่า ใครจะไปรู้ว่าเวลานั้นเอง กลับมีร่างกายสูงโปร่งเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย
“ทัต...”
“ธิดา” ธีทัตยกมุมปากคลี่ยิ้มให้ ราวกับความอบอุ่นของลมพัดในฤดูใบไม้ผลิ เขานำถุงที่อยู่ในมือวางไว้ด้านข้าง พลางกระซิบพูดอย่างแผ่วเบา “นี่คือเสื้อผ้าที่อันอันเป็นคนไปเอามาให้คุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
ญาธิดาพูด พร้อมทั้งเหล่ตามองดร.ยติภัทรที่นอนอยู่บนเตียง พลันกระซิบพูด “พวกเราออกไปคุยข้างนอกกันเถอะค่ะ”
ซึ่งตอนนี้ยติภัทรต้องการพักฟื้น โดยปกติจะนอนเยอะมาก จู่ๆ ภายในห้องมีคนเพิ่มอีกสองคน เธอเกรงว่าจะเป็นการรบกวนเขา
อัญมณีกับธีทัตเข้าใจทันที จึงเดินตามเธอออกไป ปภาวีก็เดินตามออกไป พร้อมทั้งทักทายธีทัตอย่างสนิทสนม “ทัต ไม่เจอกันเสียนานนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...