ปกรณ์เลิกคิ้วตาของเขาเป็นประกาย "มีหมอประจำตระกูลแล้ว จะไปทำอะไรที่โรงพยาบาล อาการบาดเจ็บของแกยังไม่หายดี กลับไปนอนเดี๋ยวนี้!"
ในประโยคเดียวนี้ทำให้ภวินท์หยุดกะทันหัน เขาเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำของเขาเป็นประกาย ท่าทีเย้ยหยัน “พ่อก็รู้ว่าอาการบาดเจ็บยังไม่หายดี แล้วทำไมถึงไล่เธอออกไปล่ะ”
ใบหน้าของปกรณ์เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง ดวงตาของเขาดูเคร่งขรึมขึ้น "แกพูดอะไร แกว่าฉันเหรอ"
เมื่อเห็นแบบนี้ มรกตรีบเดินไปปลอบเขา "กรณ์ อย่าเพิ่งอารมณ์ไม่ดี วินไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก”
พูดจบ เธอก็มองดูภวินท์พลางพูดเกลี้ยกล่อม “วิน ลูกก็อย่าเพิ่งโกรธ คุณญาธิดาเธอไปเองไม่เกี่ยวอะไรกับคุณพ่อ”
“งั้นเหรอ” สายตาของภวินท์แหลมคมและเยือกเย็น “ไม่ใช่เพราะว่าพวกคุณไปพูดอะไรกับเธอทำให้เธอต้องออกไปเหรอ”
ปกรณ์หน้าเขียวปั๊ด ตัวสั่นด้วยความโกรธ “ฉันว่าแกหลงผู้หญิงคนนั้นเกินไปแล้ว! กลับมาเดี๋ยวนี้!”
ภวินท์เงียบ สวมรองเท้า ลุกยืนตัวตรง แล้วก้าวออกไป
ปกรณ์ขึ้นเสียง "ภวินท์ ถ้าวันนี้แกกล้าออกไป ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ!"
ได้ยินแบบนั้น ภวินท์ก้าวถอยหลัง หันกลับมา ดวงตาของเขาเย็นชา "พ่อครับ เรื่องที่ผมทำผิด ลงโทษผม ผมไม่ว่าอะไรสักคำ แต่พ่อจะเว้นผู้หญิงไว้คนหนึ่งไม่ได้เหรอครับ”
เขาทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้ แล้วก็หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ปกรณ์ยืนอยู่กับที่โกรธจนพูดไม่ออก
มรกตที่อยู่ข้างๆรีบยกมือขึ้นลูบหลังให้เขาระบายอารมณ์ แต่แสงแห่งชอบใจก็เปล่งประกายอยู่ในแววตาของเธอ
ตีกันอีก ตีกันเยอะๆ ยิ่งทะเลาะกันเยอะยิ่งดี!
แม้ว่าในใจเธอจะคิดเช่นนั้น แต่ท่าทีของเธอก็ยังดูเป็นคนเมตตาและอ่อนโยน “กรณ์ อย่าโกรธไปเลย วินแค่หลงผิดไปชั่วขณะ รอเขาใจเย็นก่อน เดี๋ยวก็ต้องคิดได้แน่นอน…”
“ฮึ่ม!” ปกรณ์มองรถที่สตาร์ท สะบัดแขนเสื้ออย่างโกรธเคือง "เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ บริษัทวุ่นวายขนาดนี้ มันกลับสนใจผู้หญิงคนเดียวมากกว่า ฉันล่ะผิดหวังจริงๆ! "
มรกตพาเขาไปที่ห้องนั่งเล่น ในห้องนั่งเล่น ปลอบเขาให้นั่งลงและรินชาให้เขา "เอาน่า ก็ผู้ชายนี่หน่า ใครๆก็ต้องเคยผ่านช่วยเวลาแบบนี้กันทั้งนั้น แต่คุณนั่นแหละ จะโกรธจนเสียสุขภาพไม่ได้นะ!"
เธอเกลี้ยกล่อมเขาอยู่เป็นเวลานาน ปกรณ์ถึงจะสงบสติอารมณ์ลงนิดหน่อย
สักพัก เธอก็พูดแนะเบาๆ “กรณ์ ตอนนี้บริษัทวุ่นวายหมดแล้ว วินก็อยู่ในสภาพนี้ ฉันเกรงว่าเขาจะดูแลบริษัทได้ไม่เหมือนเดิม แถมเขายังบาดเจ็บอีก คุณคิดจะหวนคืนวงการไหม สร้างความประหลาดใจสักหน่อย”
“หวนคืนวงการเหรอ” ปกรณ์ขมวดคิ้ว “มันไม่เป็นการเสียหน้าเหรอแบบนั้นน่ะ”
ตอนแรกเขาฝากความหวังไว้กับภวินท์สูงมาก ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น แบบนี้ก็เป็นตัวพิสูจน์ว่าลูกชายของเขาไร้น้ำยาน่ะสิ ถึงตอนนั้นคนที่ต้องเสียหน้าต่อหน้าผู้ถือหุ้นกับบรรดาผูบริหารชั้นสูงก็เป็นเขาเอง!
มรกตแสร้งทำเป็นกังวลและพูดว่า "แล้วเราควรจะทำยังไงดีล่ะคะ ตอนนี้บริษัทไม่มีใครดูแลไม่ได้นะคะ!"
ปกรณ์ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น ในใจก็ไม่ค่อยดีนัก
ตอนนี้สถานการณ์ของบริษัทไม่ดีจริง ๆ ภวินท์ก็ตกอยู่ในสภาพแบบนี้อีก เขาวางใจไม่ลงจริงๆ
เมื่อเห็นว่าปกรณ์เงียบไปนาน มรกตก็เอนตัวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า "อันที่จริงฉันมีความคิดหนึ่งอยู่ แต่ไม่รู้ว่าจะเหมาะสมไหม"
"ความคิดอะไร"
มรกตพูดเบาๆ "ฉันคิดว่าน่าจะส่งภูผาไปเรียกความสนใจได้นะคะ ให้เขาทำตำแหน่งรองประธานหรืออะไรก็ได้ ยังไงซะเขาก็เป็นลูกชายของคุณ ตอนนั้นผู้ถือหุ้นและผู้บริหารระดับสูงก็คงมั่นใจขึ้น ดูแล้วเขาก็เป็นคนมีเหตุผลใช้ได้เลย เขาทำให้วินผ่านอุปสรรคครั้งนี้ไปได้แน่”
ปกรณ์ขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปากแน่น ไม่พูดอะไรอยู่เป็นเวลานาน
เมื่อเห็นแบบนั้น มรกตก็ยิ้ม “เป็นแค่คำแนะนำของฉันนะคะ ถ้าคุณคิดว่าไม่โอเค ก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงซะเรื่องในบริษัทก็เป็นเรื่องใหญ่ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นถึงคิดแบบนี้ขึ้นมา อีกอย่างคือตลอดเวลามานี้ภูผาเขาก็พยายามทำงานอย่างหนัก... "
"ฉันจะเก็บไปคิดดู"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...