ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 302

ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งยิ้มให้อัญมณีทันที “แหงล่ะสิ เรื่องที่เกิดก่อนหน้านี้ก็ควรจะเปลี่ยนบทได้แล้ว ตอนนี้ภวินท์จะหมั้นหมายกับนิวราอยู่รอมร่อ ฉันก็ต้องอวยพรให้กับพวกเขาสิ!”

เธอพูดออกมาเช่นนี้ แต่กลับรู้สึกแสบจมูกอย่างอดไม่ได้

อัญมณีรู้ดีอยู่แก่ใจ และก็ไม่อยากจะซักไซ้ต่อ หลังจากถอนหายใจออกมา จากนั้นก็เอื้อมมือตบบริเวณฝ่ามือของเธออย่างแผ่วเบา และเปลี่ยนหัวข้อทันที “รอให้ฉันได้เบอร์ติดต่อของผู้จัดการของคิรินมาก่อนนะ ฉันจะส่งให้แกทันที แกอย่ากังวลไปเลย พูดกันตามความจริงแล้ว ฉันก็รู้สึกว่ารูปลักษณ์ของเขาช่างเหมาะกับredeurมากเลยแหละ”

ญาธิดาพยักหน้า และเปลี่ยนหัวข้อตามเธอไป พร้อมทั้งไม่เอ่ยเรื่องเมื่อครู่นั้นอีก

หลังจากรับประทานหม้อไฟเสร็จสิ้นแล้ว อัญมณีก็ลากญาธิดาออกไปเดินช็อปปิ้ง หลังจากเดินวนดูรอบหนึ่งแล้ว เวลาก็ดึกพอประมาณ ทั้งสองคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน

เช้าตรู่วันถัดมา ญาธิดาได้รับข้อความของอัญมณี แถมยังแนบเบอร์ติดต่อผู้จัดการของคิรินมาให้ด้วย

วินาทีนั้น ญาธิดาตื่นเต้นจนอยากจะกระโดดโลดโผนขึ้นมา จากนั้นก็ส่งสติกเกอร์อิโมจิหลายอันให้อัญมณี เพื่อแสดงคำขอบคุณ

ไม่นานนัก ทางอัญมณีก็ตอบข้อความกลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มีรูปใบหนึ่งแนบมาด้วย “นี่คือตารางงานการเดินทางตลอดหนึ่งสัปดาห์ของคิริน ซึ่งอาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้วก็ไม่น่าผิดนะ แกลองดู ไม่แน่อาจจะมีประโยชน์ก็ได้”

ญาธิดาตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็ว และเริ่มที่จะมองดูตารางงานคิรินใบนั้น ที่ถูกส่งมา

ช่วงนี้คิรินมีละครที่ต้องถ่าย เวลาจะค่อนข้างจะอยู่ในกองถ่ายเยอะมาก ซึ่งจะจัดตารางอยู่ในกองถ่ายซะส่วนใหญ่

ญาธิดามองอย่างคร่าวๆ จากนั้นก็จัดการเก็บของ จึงมุ่งหน้าไปยังทำงานที่บริษัท หลังจากที่ทำงานกำลังยุ่งอยู่เสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งฉวยจังหวะเวลาว่างช่วงพักเที่ยงของบริษัท เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาผู้จัดการของคิรินทันที

หลังจากที่ทางนั้นกดรับสายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ญาธิดาก็แสดงเจตจำนงทันที “ฉันเป็นเลขานุการของประธานSTN Groupค่ะ ซึ่งตอนนี้มีโครงการอยากจะเสนอสัญญาเพื่อพูดคุยกับทางคุณค่ะ...”

เธอเพิ่งแสดงตัวตนออกไป ยังพูดไม่ทันขาดคำ ก็มีเสียงผู้หญิงอันแสนเย็นชาดังขึ้นมา “ขอโทษค่ะ ตอนนี้น้องในสังกัดของฉันตารางงานแน่นมากค่ะ คงไม่สามารถรับงานได้ตอนนี้จริงๆ ค่ะ”

“คุณให้เวลาฉันสักสองนาทีได้มั้ยคะ? ทางเราอยากจะเชิญคุณคิรินมาเป็นพรีเซนเตอร์ของredeurภายใต้STN Groupค่ะ...”

ญาธิดายังพูดไม่ทันจบ ทางด้านนั้นก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงผู้จัดการดังขึ้น “ขอโทษค่ะ ทางนี้พวกเรากำลังยุ่งอยู่ค่ะ หากมีโอกาสหวังว่าจะได้ร่วมงานกันนะคะ”

เมื่อพูดจบโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายไปพร้อมกัน

ญาธิดาเหลือบมองโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายที่อยู่ในมือ และย่นคิ้วหากันตามสัญชาตญาณ

ซึ่งแสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าผู้จัดการคนนี้ไม่อยากจะร่วมงานกับเธอ ซึ่งเวลานี้หุ้นของSTN Groupก็ไม่สวยนัก ข่าวซุบซิบนินทาก็ตีเข้ามาเป็นระลอกอย่างไม่ขาดสาย พวกเขาก็คล้ายกับเป็นเทพแห่งการหลบหลีกโดยที่ไม่กล้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับทางSTN Groupสักนิด

เรื่องเป็นแบบนี้ สำหรับเธอแล้ว การทำให้คิรินรับเป็นพรีเซนเตอร์ได้ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก

ญาธิดาเดินไปเดินมาอยู่ในห้องพักเบรค จู่ๆ ในใจก็รู้สึกอดกลั้นไว้ไม่อยู่ เมื่อวานเธอได้ตอบตกลงอย่างน่าเชื่อถือต่อหน้าภวินท์ หากทำไม่สำเร็จ คงน่าขายหน้ามาก

เวลานั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นมาทางด้านหลัง “ญาธิดา?”

ญาธิดาหันหน้ากลับไปตามสัญชาตญาณ เพื่อดูต้นตอเสียงที่ดังขึ้น จึงมองเห็นพิชญ์สินีที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลนัก

ตั้งแต่เธอถูกย้ายมาอยู่ที่สำนักงานCEO จึงไม่ได้เจอหน้าเจอตาพิชญ์สินีมาสักระยะด้วย วันนี้มาเจอกับเธอในชั้นสำหรับพักเบรคของสำนักงานCEO แต่ก็ถือว่าบังเอิญมาก

ญาธิดาพยักหน้าให้เธอเล็กน้อยตามมารยาท “คุณพิช”

พิชญ์สินีได้ยินเสียงเรียก พลางคลี่ยิ้มให้ ดวงตาฉายอาการเยาะเย้ยเย้ยออกมาเล็กน้อย และเดิมตรงปรี่เข้าหาพลันกล่าวออกมา “ไม่ได้เจอกันมาหลายวัน คุณเปลี่ยนไปเยอะนะคะ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเห็นคุณแต่งตัวเป็นผู้หญิ๊งผู้หญิงตอนอยู่ในบริษัทเลย แต่พอโดนย้ายไปสำนักงานCEO สไตล์การแต่งตัวก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วเหรอ?”

เธอพูด พร้อมทั้งใช้สายตาประเมินร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอ

ความหมายที่สื่ออยู่ในคำพูดของพิชญ์สินีเธอย่อมฟังเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้หงุดหงิดหรือร้อนใจ พลางมองตามสายตาของเธอโดยสำรวจเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของตนเอง จากนั้นก็เผยอปากตอบคำถามกลับ “ก็แค่แต่งตัวเป็นทางการขึ้นมาเล็กน้อยกว่าเมื่อก่อนก็เท่านั้นเอง ซึ่งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักนิด คุณพิชอยากจะเปิดแนวสไตล์การแต่งตัวใหม่ ไว้วันหน้าก็สามารถใส่เสื้อคอเว้าต่ำกับกระโปรงสั้นเสมอหูมาทำงานก็ได้นะ ก็ไม่มีใครพูดว่าอะไรนี่คะ”

เธอพูดทิ้งท้ายประโยคนี้เอาไว้ จากนั้นก็ยกมุมปากยิ้มให้พิชญ์สินี และเดินผละตัวออกมาทันที

พิชญ์สินีทำสีหน้าเคร่งขรึม พอหันหน้ากลับมามองรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าเพื่อนคู่หูที่ทำงานร่วมกัน ยิ่งรู้สึกขายหน้ากว่าเดิม จนอารมณ์โกรธเคืองมันพลุ่งพล่านขึ้นมาเป็นชุดในทันที “ญาธิดา แกพูดต่อว่าใคร!”

ญาธิดาได้ยินเสียงที่ดังข้างหลังตนเองก็ไม่ได้จะหยุดฝีเท้าลง จากนั้นก็เดินฉับๆ มุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่สนใจ ทว่าใครจะไปรู้ ยังเดินได้ไม่ถึงสองก้าว ก็รู้สึกว่าด้านหลังเย็นเฉียบ พริบตาเดียวเธอก็รู้สึกขนลุกขนชัน

พอเธอหันศีรษะกลับมา ก็มองเห็นแก้วกาแฟที่อยู่ในมือพิชญ์สินีเหลือครึ่งแก้ว จนเริ่มจ้องมองเธอด้วยความรู้สึกเล็กน้อย

ญาธิดาใช้หลังฝ่ามือลูบทางด้านหลัง ก็คลำเจอกับความเปียกแฉะ จนสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

เธอใส่ชุดสีอ่อน พอโดนสาดกาแฟใส่ก็จะเห็นรอยคราบอย่างชัดเจน ถ้าพิชญ์สินีไม่ได้ตั้งใจทำก็พอไปไหว แต่เห็นเต็มสองตาว่าเธอตั้งใจทำ

จากนั้นจึงฉุกคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วที่เธอเจอพิชญ์สินีกับนีราภาที่ล็อบบี้ของบริษัท ตอนนั้นนีราภาก็สาดน้ำผลไม้ใส่ตัวเธอ แต่วันนี้เปลี่ยนเป็นพิชญ์สินีแทน ที่ใช้วิธีการเดียวกันกับเธออีกครั้ง

พริบตาเดียว ญาธิดาก็ระเบิดอารมณ์ เธอทำตาแข็งทื่อและเย็นชา พร้อมทั้งถลึงตาขวางใส่พิชญ์สินี

พิชญ์สินีรู้สึกหดหู่ แสร้งทำทีหนักแน่นเข้าไว้ “แกใช้สายตานี้มองฉันทำไม!”

ญาธิดากัดฟันแน่น พร้อมทั้งยื่นมือออกมาอย่างกะทันหัน และแย่งถ้วยกาแฟกระดาษที่อยู่ในมือของเธอมาจากนั้นก็เอากาแฟที่เหลืออีกครึ่งแก้วสาดใส่ตัวเธอ

พิชญ์สินีตกใจจนหน้าเสีย โดยที่ไม่คาดคิดว่าเธอกล้าตอบโต้กลับ จนเธอกรีดร้องเสียงดังลั่น และถอยหลังไปสองก้าว พร้อมทั้งมองญาธิดาอย่างตื่นตระหนก “แก แกเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!”

ญาธิดากัดฟัน พลางบีบถ้วยกระดาษที่อยู่ในมือจนบี้คามือ จากนั้นก็โยนทิ้งลงที่พื้น “ใช้วิธีเดียวกัน มันสะใจมั้ยล่ะ?”

ครั้งที่แล้วที่นีราภาสาดใส่เธอแต่เธอไม่ได้ตอบโต้กลับ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอไม่อยากจะฉีกหน้าพวกเธอให้อับอายกันไปทั่ว จนเรื่องทะเลาะเบาะแว้งส่งผลให้มองหน้ากันไม่ติด แต่นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะปล่อยให้ใครหน้าไหนมาคอยรังแกอยู่เสมอ โดยที่ไม่ได้โต้กลับในทุกครั้งไป!

พิชญ์สินีโกรธจนหน้าดำหน้าแดง พลันชูมือขึ้นมาชี้หน้าเธออย่างสั่นระริก “ญาธิดา แกอย่าให้มันมากนัก! แกรอดูฉันนะ ฉันจะเอาเรื่องเมื่อกี้นี้ไปป่าวประกาศให้กับแผนกธุรการ จะดูสิว่าถึงตอนนั้นแกยังจะเชิดหน้าชูคอได้อีกมั้ย!”

“แกยังไม่รู้อีกเหรอว่าใครกันที่ทำเกินกว่าเหตุ? แกเป็นคนลงมือก่อน อีกทั้งฉันก็ไม่ได้ไปยั่วแกก่อนด้วยซ้ำนี่?” ญาธิดาเดินไปทางด้านหน้า พร้อมทั้งต้อนเธอขึ้นทีละก้าว แถมยังพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “อย่าพูดว่าแกจะไปป่าวประกาศที่แผนกธุรการเลย ถึงขั้นว่าแกไปบอกกับทางท่านประธานนู่น ฉันก็ไม่กลัว!”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว พิชญ์สินีหน้าซีดเผือดลงทันควัน เธอขยับริมฝีปาก พลางมองด้านหลังญาธิดา และไม่กล้าจะพูดอะไรออกมาสักประโยค

ญาธิดาไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ เธอก้มหน้าเหลือบมองกาแฟที่หกรดอยู่ที่พื้น พลางพูดเสียงแข็ง “อ่อ ก่อนจะออกไป ช่วยทำความสะอาดตรงนี้ด้วยนะ”

เมื่อพูดประโยคนี้จบ เธอก็เหลือบมองพิชญ์สินีด้วยสายตาเย็นชา และหันหลังให้ทันที

ทว่าเพิ่งจะหันหลังให้ ตอนที่มองเห็นภวินท์ยืนอยู่ด้านหลังในตำแหน่งที่ไม่ไกลมากนั้น ร่างกายของเธอแข็งทื่อทันที “คุณภวินท์...”

โดยที่ไม่รู้ว่าภวินท์กับพายุโผล่มาตั้งแต่ตอนไหน และไม่รู้ว่ายืนอยู่นานแค่ไหนแล้ว และเห็นอะไรไปบ้างแล้ว...

ความโกรธแค้นจนกลายเป็นความหยิ่งจองหองมลายไปเกินครึ่ง ญาธิดากำหมัดแน่น พร้อมทั้งหลุบตาต่ำ

ภวินท์เห็นเหตุการณ์ จากนั้นก็ยกมุมปาก พร้อมทั้งออกคำสั่งกับพายุ “นายอยู่ที่นี่นะ ดูเธอทำความสะอาดให้เรียบร้อยด้วย”

จากนั้น เขาก็หันหลังให้ เพื่อกวาดตามองญาธิดา “ญาธิดา คุณตามผมมา”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์