ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 303

ญาธิดาใจเต้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงของชายหนุ่ม ก็ได้แต่กัดฟันเอาไว้และเดินตามไป

หลังจากที่เธอเดินตามเขาเข้าห้องทำงาน เธอได้ยินเสียงภวินท์ออกคำสั่งทันที “ปิดประตูห้องซะ”

“ค่ะ”

ญาธิดาได้ยินคำสั่งให้ปิดประตู ก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที

หรือว่าต้นเหตุจะมาจากการที่เธอแสดงความจองหองเกินควรต่อหน้าพิชญ์สินีเหรอ? ดังนั้นจึงตั้งใจเรียกเธอมาอบรมบ่มนิสัยอยู่คนเดียว?

พอเธอรู้สึกตื่นเต้น จึงแหงนหน้ามองภวินท์ และเริ่มต้นอธิบายทันที “คุณภวินท์ เมื่อกี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ค่ะ เธอทำฉันก่อน...”

โดยที่ไม่รอให้เธอได้พูดอธิบายให้จบ ก็มีเสียงดังชัดเจนของชายหนุ่มดังขึ้น “มานี่”

ญาธิดาเงยหน้า จึงมองเห็นภวินท์กำลังหยิบถุงกระดาษใบหนึ่งออกมาจากตู้ที่อยู่ด้านข้าง และจัดการวางลงบนโต๊ะ เธอตกตะลึงทันที พร้อมทั้งก้าวเดินมาทางด้านหน้า

ภวินท์ยิ้มให้เธอเล็กน้อยพร้อมทั้งเชิดปลายคางขึ้น และพูดน้ำเสียงปกติ “เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

เมื่อได้ยินเขาพูดออกมาแบบนั้น ญาธิดาก็ฉุกคิดได้ทันควันถึงเรื่องเสื้อทางด้านหลังมันเลอะเทอะสกปรก เธอใช้หลังฝ่ามือลูบคลำถึงความชื้นแฉะทางด้านหลัง พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองถุงกระดาษที่อยู่บนโต๊ะ

พอเห็นว่าเธอไม่มีการขยับเขยื้อน ภวินท์ก็เลิกคิ้วพูด “ยังยืนอึ้งอยู่ทำไม หรือจะให้ผมลงมือเปลี่ยนให้คุณเองหรือครับ?”

ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งเดินมุ่งหน้าไปหยิบเสื้อที่อยู่ในถุงกระดาษออกมา เป็นกระโปรงสีเขียวอ่อน ท่อนบนเป็นเสื้อสูทแนวมินิมอล ท่อนล่างเป็นกระโปรงสั้น เนื้อผ้านุ่มระบายอากาศได้ดี ช่างเรียบง่ายและสง่างามไปพร้อมกัน

เธอตะลึงเล็กน้อย ยืนลังเลอยู่สักพัก จากนั้นก็มองภวินท์พลันถามทันที “ชุดนี้ให้ฉันเหรอคะ?”

เพราะเป็นชุดใหม่ทั้งหมด แถมยังไม่ได้แกะป้ายออกด้วยซ้ำ

ภวินท์หยิบเอกสารที่อยู่วางอยู่ด้านข้างติดมือมา จากนั้นก็ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ “ถ้าคุณใส่ก็เป็นของคุณแล้วแหละ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ญาธิดาก็เริ่มลังเลเล็กน้อย และเกิดความรู้สึกไม่แน่ใจขึ้นมา

เสื้อผ้าที่ให้ความรู้สึกดูเหนือกว่า เสื้อผ้าคุณภาพดีเยี่ยมแต่กลับวางอยู่ในห้องทำงานของภวินท์ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์คงเป็นของนิวราจัดเตรียมเอาไว้ ถ้าเธอเอามาใส่ เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะ

เธอคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็วางเสื้อผ้าในมือลง และมองภวินท์พลันกล่าวออกมา “คุณภวินท์คะ ฉันกลับไปห้องทำงานแล้วใช้ผ้าเปียกเช็ดก็หมดเรื่องแล้วค่ะ คงไม่ต้องสิ้นเปลืองเสื้อผ้าชุดนี้ของคุณหรอกค่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ภวินท์ก็ย่นคิ้วเล็กน้อย และช้อนตามองเธอ “สิ้นเปลืองยังไง?”

ญาธิดาก้มศีรษะลงด้านล่าง พร้อมทั้งสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “อีกอย่างเดี๋ยวคุณนิวเธอทราบเรื่องเข้า กลัวว่าจะเกิดการเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ”

บรรยากาศภายในห้องเงียบกริบทันที วินาทีต่อมาก็มีเสียงหัวเราะดูถูกดูแคลนของชายหนุ่มดังขึ้น

ญาธิดาเงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ “คุณภวินท์....”

“ชุดนี้ผมเตรียมไว้ให้คุณอยู่แล้ว”

“เตรียมไว้ให้ฉัน?”

“นี่เป็นเสื้อผ้าของredeur คุณอยากพูดให้ชนะใจนักแสดงที่จะมาเป็นพรีเซนเตอร์แบรนด์ของเรา ซึ่งตนเองก็ต้องหลงใหลกับการสวมใส่redeurเป็นอันดับแรก ฉะนั้นผมจึงเลือกไว้ให้คุณหนึ่งชุด คุณไม่อยากได้เหรอครับ?”

ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย จากนั้นก็มองดูถุงกระดาษใบนั้น ในที่สุดก็มองเห็นlogoเล็กๆ ฝีมือประณีตที่อยู่ด้านบน

ทันใดนั้น เธอถึงตระหนักถึงความหมายได้ทันท่วงที

เมื่อมองเห็นลักษณะท่าทางเช่นนี้ของหญิงสาว ภวินท์ก็เอ่ยเสียงเรียบเฉย “เดิมทีก็วางแผนจะให้คุณในตอนบ่าย เมื่อมองเห็นเสื้อผ้าสกปรกของเธอแล้ว ประจวบเหมาะกับที่นี่ก็มีชุดให้เปลี่ยน เลยเรียกคุณมา”

ญาธิดาดูเซอร์ไพรส์เล็กน้อย “งั้น...ขอบคุณค่ะคุณภวินท์”

ภวินท์ใช้ปลายคางชี้มัน “เปลี่ยนสิ ผมอยากเห็น”

ญาธิดาหยิบเสื้อผ้าออกมา และเริ่มลำบากใจ

ถึงแม้ว่าเธอกับภวินท์เคยได้เสียกันมาก่อนก็ตาม แต่การที่ให้เธอมาถอดเสื้อผ้าต่อหน้าต่อตาเขา กลางวันแสกๆ อย่างโจ๋งครึ่ม เธอทำไม่ได้จริงๆ

ภวินท์เหล่ตามองใบหูที่แดงระเรื่อของเธอ เขาอมยิ้มมุมปาก “ไปเปลี่ยนในห้องพักสิ”

ญาธิดาปลดปล่อยวางภาระที่หนักอึ้งออกทันที พร้อมทั้งตอบรับทันควัน จากนั้นก็หยิบเสื้อผ้าและเดินเข้าไปยังห้องพักลับๆ ที่อยู่ภายในห้องทำงานเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า

ไซส์ไม่ใหญ่หรือเล็กมาก กำลังพอดี เหมือนว่าตัดตามไซส์เธอเลย

เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เธอจัดทรงผมอันยุ่งเหยิงเล็กน้อย ถึงได้เดินออกมาจากห้องลับ

ภวินท์กำลังยืนอยู่ตรงโต๊ะทำงานและเปิดเอกสารไปมา พร้อมทั้งกวาดตามองไปอย่างนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนที่เห็นเงาสีฟ้าอ่อนๆ นั้น แววตาก็ดำดิ่งลงทันที

เสื้อผ้าที่ตัดเย็บอย่างประณีตบรรจงรวมทั้งสัดส่วนร่างกายของเธอ ไหล่สวย ลำคอที่ขาวเนียนลออเกลี้ยงเกลา ขาเรียวยาวได้สัดส่วน ซึ่งเป็นสีที่คนทั่วไปคุมได้ยาก แต่เมื่ออยู่บนตัวเธอกลับทำให้สง่างามดั่งนางฟ้านางสวรรค์ที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้

ช่างเหมาะสมมาก

งดงามมากเช่นเดียวกัน

ญาธิดาเผยอริมฝีปาก “เอ่อ...มันดูไม่ค่อยเหมือนสไตล์ฉันเลยค่ะ”

ชายหนุ่มได้ยิน แต่ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็วางเอกสารในมือลง พร้อมทั้งมุ่งหน้าเดินมาทางเธอ

ยามเมื่อลมหายใจของบุรุษเพศเขยิบเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และกอดเธอเอาไว้ ตอนที่ได้กลิ่นหอมสดชื่นบนตัวของเขา เธอสติเตลิดเลื่อนลอย พร้อมทั้งถอยหนีไปสองก้าวตามสัญชาตญาณ “คุณภวินท์...”

เขาอยากจะทำอะไร?

ภวินท์ไม่พูดพร่ำทำเพลง พลางยื่นท่อนแขนออกมา เพื่อกอดรัดไหล่ของเธอ เขาก้มศีรษะลง ลมหายใจอันร้อนรุ่มเป่ารดติ่งหูของญาธิดา จนเริ่มเกร็งชาเล็กน้อย

ใบหน้าเธอร้อนผ่าน จากนั้นก็หลับตาลงตามสัญชาตญาณ

หลังจากนั้นสองวินาที เรื่องที่จินตนาการอยู่นั้นกลับไม่ได้ปรากฏขึ้น ภวินท์ปล่อยเธอ พร้อมทั้งถอยหลังไปหนึ่งก้าวพลางพูดขึ้นมาทันที “เสร็จแล้ว”

ญาธิดาลืมตาทันควัน ตอนที่มองเห็นป้ายแบรนด์อยู่ในมือของเขา พลางฉายความลังเลอยู่ในแววตาทันที

เดิมเขาก็แค่อยากจะช่วยดึงป้ายแบรนด์ออก เธอกลับคิดว่า....

แววตาของภวินท์กลับฉายความหวั่นไหวเล็กน้อย พร้อมทั้งถามกลับอย่างอมยิ้ม “นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่? หน้าถึงได้แดงขนาดนี้เนี่ย”

ญาธิดาตกตะลึง จากนั้นก็ถอยหลังไปสองก้าวทันควัน “เปล่านี่คะ! ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ”

แต่เธอกลับแสดงอากัปกิริยาตอบโต้ตื่นเต้นเกินเหตุ จนเผยความจริงที่ต้องการปกปิดออกมา

มุมปากภวินท์กลับคลี่ยิ้มยาวไปถึงรูหู พร้อมทั้งมองญาธิดาที่ถอยหลังจนใกล้จะชนกับชั้นหนังสือที่อยู่ด้านข้างอยู่แล้ว เขารีบยื่นมือออกไปคว้า และดึงแขนเธอเอาไว้ เพื่อให้เธอพุ่งมาหาตนเอง

ญาธิดาสะดุดใต้ฝ่าเท้าเล็กน้อย จนกระแทกเข้าอ้อมอกของเขาอย่างจัง มือทั้งสองข้างก็เหนี่ยวบริเวณช่วงเอวสอบของชายหนุ่มแบบบังเอิญจริงๆ

เมื่อเธอแหงนหน้าขึ้น จึงสบตากับดวงตาดำเข้มคู่นั้นของชายหนุ่มอย่างบังเอิญ ขณะนั้น หัวใจของเธอใกล้จะเต้นจะหลุดออกมาจากแผงอกอยู่แล้ว

วินาทีต่อมา ด้านหน้าญาธิดาก็มีเงาตะคุ่ม พร้อมทั้งการจูบอย่างแผ่วเบาตรงหน้าผากของเธอ

จากนั้น ก็มีเสียงชายหนุ่มดังขึ้น “เรื่องพรีเซนเตอร์ อย่าทำให้ผมผิดหวังนะ”

พูดจบ เขาถึงได้ปล่อยเธอ และหันหลังเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานราวกับไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

หลังจากญาธิดายืนตะลึงอยู่กับที่อยู่ชั่วครู่ และยังไม่ทันได้คิดอะไร ก็ตอบรับตามน้ำไปอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ และหยิบเสื้อผ้าของตนเองแล้วหนีเตลิดออกจากห้องทำงานทันที

เมื่อวิ่งเหาะกลับมาที่ห้องทำงานของตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอก็นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน หัวใจทั้งดวงก็ยังเต้นโครมครามราวกับรถไฟเหาะ จนเหมือนว่าเธอได้ยินเสียงชีพจรเต้นตุบตับทุกวินาทีอย่างชัดเจน

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ คล้ายกับความฝัน ความฝันเกินจริง ที่มาพร้อมกับคำใบ้จากความหวาน จนทำให้หัวใจสับสนและตื่นตระหนก

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่า ญาธิดาไปล้างหน้าล้างตา ถึงได้สงบจิตสงบใจลงหน่อย เมื่อเหลือบมองเวลา ซึ่งเป็นเวลาทำงานแล้ว เธอก็รวบรวมสติ และเริ่มทำงานทันที

เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอดตอนบ่าย ภายในหัวสมองกลับปรากฏภาพที่เกิดขึ้นในห้องทำงานของภวินท์ช่วงเมื่อตอนกลางวัน พอคิดไปคิดมา ก็คลี่ยิ้มตรงมุมปากอย่างไม่รู้ตัว

สุดท้าย เธอก็ยื่นมือออกมา เพื่อตบหน้าตนเองอย่างแรก เพื่อเป็นการปลุกให้ตนเองตื่นตัว เมื่อเหลือบมองเวลา ถึงได้รู้ว่าใกล้จะถึงเวลาเลิกงานของคิรินแล้ว

ซึ่งติดต่อทางผู้จัดการไม่ได้ งั้นเธอก็ต้องสร้างสรรค์หาวิธีใหม่ๆ ขึ้นมาแทน

ขอแค่สามารถพูดคุยคิรินต่อหน้า เธอก็ยังมีความหวังอยู่ ถ้ายังเกิดไม่สามารถพูดคุยกันต่อหน้า งั้นก็ต้องสร้างการมีตัวตนต่อหน้าเขาให้ได้

ญาธิดาเก็บอาการเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดกับลูกเกดขึ้นมาประโยคหนึ่ง จากนั้นก็กระหืดกระหอบออกจากบริษัท เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงถ่ายหนังของเมือง Jทันที

พื้นที่ของโรงถ่ายหนังมีขนาดใหญ่พอตัว ซึ่งมีกองถ่ายแนวปัจจุบันจำนวนมากที่ถ่ายทำที่นั่น คิรินได้รับบทเป็นพระเอกของละครแนวพีเรียดอิงประวัติศาสตร์ ซึ่งในเวลานี้กำลังถ่ายทำในตอนท้ายเรื่อง ฉะนั้นซีนการถ่ายทำก็ถือว่าเบาลง

ซึ่งตารางงานของคิรินก็แสดงไว้อย่างชัดเจน ช่วงสี่โมงครึ่งเขาก็จะเสร็จงานแล้ว หลังจากออกจากโรงถ่ายหนัง จากนั้นจะมีงานบันทึกเทปสัมภาษณ์ตอนช่วงสองทุ่ม

ซึ่งในช่วงเวลาตรงกลางนั้น เธอต้องทุ่มเทมาให้ได้

ตราบใดที่สามารถเจอหน้าคิริน เธอก็มีโอกาสที่สามารถเจรจาได้อย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์