ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 304

หลังจากใช้รถไฟฟ้าใต้ดินในการเดินทางแล้ว เพื่อรีบมุ่งหน้าไปยังโรงถ่ายละคร เมื่อมาถึงหอศิลปะ ญาธิดาเดิมคิดว่าวันทำงานก็คงไม่ได้มีคน แต่พอถึงสถานที่นั้น เธอถึงได้รับรู้ว่าตนเองช่างใสซื่อจริงๆ

ภายนอกหอศิลปะต่างมีคนห้อมล้อมกันอย่างพลุกพล่าน ต่างเป็นเด็กสาววัยรุ่นอายุสิบกว่าปลายๆ ถึงยี่สิบต้นๆ ซึ่งจับกลุ่มเป็นก้อนดักอยู่ตรงบริเวณนั้น ในมือกำลังถือป้ายและโทรศัพท์ และพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

เมื่อมองเห็นตัวอักษรตัวที่อยู่บนป้ายเหล่านั้นพร้อมทั้งเห็นรูปที่ปรากฏอยู่บนป้ายแบนเนอร์ ญาธิดาถึงตระหนักได้ทันทีว่านี่มันคืออะไร

เด็กสาวพวกนั้นเป็นบรรดาแฟนคลับของคิริน ซึ่งห้อมล้อมอยู่บริเวณประตูกันอย่างมากหน้าหลายตา ก็เพื่อจะได้เห็นหน้าเขาสักครั้งตอนที่คิรินเดินออกกมา

ญาธิดาไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาออกันอย่างมากมายขนาดนี้ เธอเดินเข้าไป เพื่อเบียดเข้าไปด้านใน แต่บรรดาเด็กสาวก็ไม่ยอมหลีกทางให้ เมื่อเห็นว่าเธอมามือเปล่า แถมดูแล้วก็ไม่คล้ายเป็นแฟนคลับสักนิด จึงไม่ยอมให้เธอเบียดไปทางด้านหน้าได้ง่าย

ญาธิดาเหลือบมองเวลา จนเกิดอาการกังวลใจขึ้นมาเล็กน้อย

เธอไม่สามารถเข้าถึงตัวของคิรินได้สักนิด แล้วจะไปเอาโอกาสที่ไหนมาสร้างความตัวตนต่อหน้าเขา เพื่อหาโอกาสในการพูดคุยเป็นพรีเซนเตอร์?

ญาธิดาเหลือบมองซ้ายขวา จู่ๆ ก็เห็นเด็กผู้หญิงหลายคนเดินออกมาจากบ้านพักเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลนัก และถือป้ายไฟและรูปแสกนของคิรินอยู่ในมือ

เธอจ้องมอง ถึงได้ค้นพบว่าตรงนั้นมันคือร้านที่รับจัดทำแสดงป้ายและโปสเตอร์ ความฉลาดเฉลียวของเธอหมุนติ้วทันที พร้อมทั้งเดินไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว

เจ้าของร้านเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างผอมแห้ง เมื่อเห็นเธอยิ้มให้จึงสอบถามทันที “น้องเป็นFCของใครเหรอครับ?”

ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย พร้อมทั้งเหลือบมองป้ายทุกรูปแบบต่างๆ ที่วางกระจัดกระจายอยู่ในห้อง จนตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว “คิรินค่ะ”

“ฮ่าๆ FCของคิรินเยอะมากจริงๆ วันนี้เฉพาะป้ายของเขาคนเดียวผมทำไปหลายสิบอันแล้วเนี่ย!”

เจ้าของร้านมองเธอและชี้มาที่ป้ายอย่างคล่องแคล่ว “พวกนี้ไซส์ขนาดไม่เหมือนกัน คุณจะเอาแบบไหนล่ะ?”

“ฉันเอาแบบที่ใหญ่ที่สุดค่ะ” ญาธิดาค้นหารูปภาพใบหนึ่งมาจากโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งส่งให้เจ้าของร้านดู “ฉันจะสกรีนรูปนี้ค่ะ”

เจ้าของร้านยิ้มพร้อมทั้งพยักหน้า จากนั้นก็ให้เธอส่งรูปภาพมายังคอมพิวเตอร์ และเริ่มทำงานอย่างขะมักเขม้นทันที

ไม่ถึงสิบนาที ป้ายที่มีขนาดใหญ่มากก็ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ด้านบนยังสกรีนรูปหล่อๆ ของคิรินไว้หนึ่งรูป ป้ายมีขนาดกว้าง1เมตร ถือว่าสะดุดตาจริงๆ

เมื่อครู่ญาธิดาได้สำรวจมองกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ จนค้นพบว่าป้ายที่อยู่ในมือของเหล่าเด็กสาวเป็นป้ายชนิดขนาดเล็กที่มีราคาถูก ซึ่งสามารถยกชูได้ง่าย เมื่อเอามาเปรียบเทียบกัน ป้ายที่เธอเพิ่งสกรีนออกมาถือว่าใหญ่มากๆ

แต่เป้าหมายหลักของเธอก็คือ เธอชูป้ายขนาดใหญ่และยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน อันนี้ต้องสะดุดตาที่สุดแน่ๆ แม้ว่าจะไม่สามารถพูดคุยกับคิรินได้ก็ตาม อย่างน้อยก็สามารถทำให้เขาสนใจเธอขึ้นมาได้

เมื่อได้แผ่นป้ายใหญ่มาพร้อมทั้งจ่ายเงินเรียบร้อย ญาธิดาก็รีบเดินมุ่งหน้าเข้าไปในกลุ่มฝูงชนอย่างรวดเร็ว ตอนที่เพิ่งจะเดินเข้าไปใกล้กลุ่มนั้นก็ดึงดูดสายตาของผู้คนได้ไม่น้อย เธอเดินเข้าในตำแหน่งที่คนน้อยมาก พร้อมทั้งชูป้ายและเบียดเข้าไป จนสุดท้ายก็มาอยู่ทางด้านหน้าที่สุดอย่างรวดเร็ว

คนที่อยู่ด้านข้างต่างมองมา และมีคนเริ่มกระซิบกระซาบกันอยู่ไม่น้อย

“นี่นางบ้าไปแล้วมั้ย ถึงได้ยกป้ายใหญ่เบ้อเริ่มขนาดนี้!”

“จงใจแหละมั้ง เพื่อเรียกความสนใจของคิรินให้มองเธอ ถึงได้ยอมลงทุนจ่ายเงินมากมายขนาดนี้จ่ายออกไปจริงๆ ...

“……”

เมื่อได้ยินเสียงคำซุบซิบนินทา ญาธิดาก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เธอไม่ได้มีความคิดเฉกเช่นเดียวกับพวกเด็กสาว แค่เพื่อต้องการพูดคุยเรื่องความร่วมมือในการทำงานกับเขาก็เท่านั้นเอง

ญาธิดาชะเง้อมองภายในหอศิลปะ รออยู่นาน ก็ไม่เห็นเขาจะออกมาสักที เวลานี้เอง ทางด้านข้างก็มีเสียงพึมพำอย่างดูถูกดูแคลนดังขึ้น “ฉันก็คิดว่าใครที่ไหนซะอีก! ไม่คิดเลยว่าจะเป็นแก!”

พอเธอหันศีรษะกลับไปมอง ก็เห็นว่าเป็นแองจี้ เธอใส่เสื้อครอปสีฟ้าเปิดพุงน้อยๆ ท่อนล่างเป็นกางเกงหนังรัดรูป แถมยังวาดรูปแมวตัวน้อยบนใบหน้า ดูแปลกประหลาดพิกล และแสดงท่าทางเด็กสาวที่แปลกพิลึกพิลั่น

ญาธิดาตกใจทันที พร้อมทั้งแปลกใจเล็กน้อย เมื่อมองเห็นป้ายไฟในมือของเธอ จึงยกมุมปากอย่างไม่รู้ตัว

“คุณแองจี้ก็เป็นแฟนคลับของคิรินด้วยเหรอคะ?”

“ใช่สิยะ!” แองจี้บ่นพึมพำ ดวงตาฉายความเย็นชาออกมา “ฉันเป็นถึงแม่ทีมแฟนคลับของคิรินแหละ แล้วทำไมฉันไม่ยักรู้ว่าแกก็ชอบเขาด้วย! แกเป็นแฟนคลับตัวจริงมั้ยเนี่ย!”

แองจี้ใช้สายตาประเมินเธอ แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความสงสัย

ญาธิดาคลี่มุมปากยิ้ม ไม่คิดเลยว่าคุณหนูพันล้านผู้มั่งคั่งคนนี้จะเป็นแฟนคลับคิรินเบอร์ต้นๆ เธอกระซิบพูด “ชอบก็ชอบสิ แฟนคลับตัวจริงตัวปลอมอะไรกัน คิรินก็ไม่ใช่ของคุณคนเดียว หรือว่าจะอนุญาตให้คุณชอบได้แค่คนเดียวงั้นสิ?”

เมื่อคำพูดนี้ออกจากปาก แองจี้ตีหน้าเข้ม และพูดอย่างโกรธแค้น “ก่อนหน้านี้มีกิจกรรมตั้งมากมาย ฉันไม่เคยเห็นแกสักครั้ง จู่ๆ แกก็โผล่หัวออกมา แถมยังหอบป้ายใหญ่โตมโหฬารแบบนี้มาด้วย ใครจะรู้ล่ะว่าแกจะเป็นแฟนคลับตัวจริงหรือเปล่า?”

เสียงแองจี้ก็ไม่ได้เบาสักนิด บวกกับนิสัยหยิ่งจองหองของเธอเป็นทุนเดิม เมื่อคำพูดนี้หลุดปากออกมา จึงเป็นการเรียกความสนใจให้บรรดาแฟนคลับที่อยู่รอบๆ มองมาทางญาธิดาอย่ายั่วโมโห

เวลานั้น แองจี้โกรธจนเต้นเร่าๆ จนเชิดปลายคางขึ้น พร้อมทั้งพูดจาอย่างดูถูกดูแคลน “ญาธิดา แกคิดว่ากลุ่มคนที่คร่ำหวอดอย่างพวกเรากินหญ้าหรือยังไง ที่จะมองไม่ออกว่าแฟนคลับตัวจริงหรือว่าแฟนคลับตัวปลอม?”

ญาธิดาไม่อยากจะถกเถียงกับเธอ จึงยกมุมปากหัวเราะร่า พร้อมทั้งกระซิบเสียงเบา “คุณแองจี้คะ ถ้าฉันปลอมเป็นแฟนคลับ แล้วทำไมต้องควักเงินซื้อป้ายไฟคิรินที่ขนาดใหญ่โตขนาดนี้ด้วยล่ะคะ?”

เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ถือว่าสามารถปิดปากแองจี้จนพูดไม่ออก

แฟนคลับทางด้านข้างคนหนึ่งก็ช่วยพูดให้ของญาธิดา “ใช่ค่ะแม่ทีม ฉันว่านะเธอเองก็ไม่เหมือนแฟนคลับตัวปลอม แถมนี่ยังเป็นป้ายที่ใหญ่ที่สุดและแพงมากด้วยค่ะ แฟนคลับตัวปลอมไม่น่าจะโง่ดักดานขนาดนั้นมั้งคะ?”

ทางด้านข้างเริ่มมีคนพยักหน้าผสมโรงด้วย

แองจี้เห็นสภาพเหตุการณ์ดังนั้น ได้แต่เก็บงำความรู้สึกไม่พอใจที่อัดแน่นในหัวใจเอาไว้ก่อน พร้อมทั้งกวาดตามองญาธิดาอย่างเย็นชา และไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก

เวลานั้นเอง บรรดาแฟนคลับที่ออใกล้ประตูที่สุดก็เริ่มส่งเสียงฮือฮา ถัดมา สายตาทุกคนต่างมองไปทางนั้นกันหมด

พริบตาเดียว ก็มีบอดี้การ์ดเดินออกมาแหวกทางให้ก่อน และกันบรรดาแฟนคลับทั้งสองข้าง เพื่อรักษาความมสงบเรียบร้อย

เมื่อมองเห็นเหตุการณ์ตามนั้น คิรินก็น่าจะออกมาแล้ว

ญาธิดาเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมทั้งมองไปทางด้านนั้น ยังไม่เห็นแม้แต่เงาคน ก็ได้ยินเสียงบรรดาแฟนคลับกรีดร้องกันอย่างครึกครื้น

“คิริน! คิริน!……”

วินาทีนั้นเอง เธอตกอยู่ในห้อมล้อมของเสียงกรีดร้อง จังหวะที่กำลังย่นคิ้วหากันนั้น ก็มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งถูกคนตัวโตหลายคนคอยคุ้มกันและกำลังก้าวเท้าเดินออกมาทางนี้

เขาใส่หมวก ปีกหมวดกดลงต่ำมาก แต่ก็เผยให้เห็นปลายคางอันขาวเกลี้ยงเกลางดงามมาก เขาจงใจเดินช้าๆ แถมยังโบกมือทักทายให้กับแฟนคลับสองข้างทางด้วย

ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แววตาเหล่มองคิริน พร้อมทั้งเห็นผู้หญิงรูปร่างอวบ ผมสั้น ดูเคร่งขรึมอยู่ทางด้านหน้าของเขา ซึ่งน่าว่าเป็นผู้จัดการเขา

ตอนที่เห็นว่าคิรินเขยิบเข้าใกล้มาเรื่อยๆ ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ซึ่งยังคิดไม่ออกว่าจะเรียกความสนใจยังไงดี บรรดาแฟนคลับที่รายล้อมอยู่รอบเธอก็เก็บอาการไม่อยู่แล้ว

ผู้คนพลุกพล่าน ต่างหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป เธอถูกบีบอยู่ตรงกลาง ซึ่งจำใจต้องกรูเข้าไปหา อีกทั้งทางด้านหน้าของเธอ ยังมีป้ายไฟขนาดใหญ่โตขวางเอาไว้ ฉะนั้นการเคลื่อนไหวมันช่างไม่สะดวกจริงๆ

คิรินก้าวฝีเท้าเดินเข้ามา พร้อมทั้งเงยศีรษะจนเผยให้เห็นรอยยิ้มอันน่ามองและดวงตาเรียวยาวคู่นั้นภายใต้หมวกใบนั้น ยามเมื่อคลี่ยิ้มให้ก็คล้ายกับเจ้าจิ้งจอกตัวน้อย ที่ช่างสะกดให้ผู้คนหลงใหล

จู่ๆ ญาธิดาก็เข้าใจอะไรได้บ้างว่าทำไมเขาถึงมีแฟนคลับเยอะขนาดนี้แล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นนะ แค่หน้าตาอย่างเดียว ก็สะกดคนได้เกินครึ่งแล้ว

แองจี้ยืนอยู่ด้านข้างของเธอ จังหวะที่เห็นไอดอลของตนเองนั้น จึงกรีดร้องเสียงดังลั่นอย่างดีใจ พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป แต่ญาธิดาดันถือป้ายอันนั้นเอาไว้ จนเธอไม่สามารถพุ่งแทรกเข้าไปแถวหน้าสุดได้ ชั่ววินาทีนั้น เธอเริ่มแสดงอาการกระฟัดกระเฟียด และยิ่งไม่ถูกชะตาญาธิดาขึ้นเรื่อยๆ

จู่ๆ แววตาเธอหม่นลง และใช้การเคลื่อนไหวของกลุ่มคน ในการดันตรงจุดญาธิดาแบบตรงๆ พร้อมทั้งใช้แรงผลัก จนเธอโดนผลักไปอยู่ทางด้านหน้าสุด

ญาธิดาไม่ทันได้สังเกต ยามเมื่อมีแรงผลักดันเธอไปทางด้านหน้า เธอตกใจ พร้อมทั้งพยายามยืนให้มั่นคง จนเธอล้มหน้าคะมำไปทางด้านหน้าสุดอย่างไม่ทันเตรียมตัว พร้อมทั้งป้ายด้วย

“ผลั่ก!” เสียงดังลั่น ตัวญาธิดาพร้อมกับป้าย ล้มไปกองอยู่กับพื้นตรงกลางทางทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์