เรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่เพียงแต่จะทำให้บรรดาแฟนคลับที่อยู่รอบๆตกใจ แถมยังทำให้คิรินที่กำลังเดินมาทางด้านหน้าและผู้จัดการเองก็ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ
พริบตาเดียว สายตาทุกคนต่างเพ่งมองมาทางญาธิดากันหมด ส่วนคนที่ตกเป็นเป้าสายตากลับไม่รู้สึกตัว เธอย่นคิ้วเข้าหากันอย่างเจ็บปวด ใบหน้าต่างบิดเบี้ยวหากัน เมื่อชะงักอยู่สักพักถึงได้แหงนหน้าขึ้นมา จึงมองเห็นคนที่อยู่รอบๆข้างต่างมองมาทางเธอ
ญาธิดาตกใจ ร่างกายสั่นสะท้าน สายตาเธอหมุนไปอีกทาง เมื่อเหลือบมองเห็นแองจี้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน จึงมีปฏิกิริยาตอบสนองทันควัน
เมื่อครู่เธอถูกคนใช้แรงผลัก ให้กระเด็นมา ตรงนั้นมันเป็นตำแหน่งที่แองจี้กำลังยืนอยู่พอดี
ญาธิดาอดกลั้นความรู้สึกเจ็บปวดที่แผ่มาจากบริเวณหัวเข่า จังหวะที่เตรียมจะลุกขึ้น จู่ๆก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นก็มีนิ้วมือเรียวยาวยื่นมาหาเธอ
“คุณเป็นอะไรมั้ยครับ?”
ญาธิดาสติเตลิดไปกับมือคู่ที่อยู่ทางด้านหน้า จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังอยู่ข้างใบหู จนเกิดอาการเกร็งไปทั่วร่างกาย
เธอชะเง้อมองตามเสียง ถึงได้เห็นเจ้าของต้นเสียงนั้น ไม่ใช่ใครอื่นไกล แต่เป็นพ่อเทพบุตรหนุ่มในฝันของสาวๆ คิรินนั่นเอง
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมทั้งยื่นมือออกไปวางพาดบนมืออันงดงามคู่นั้นอย่างไม่รู้ตัว ถัดมา เขาก็ฉุดดึงให้ขึ้นมายืนตามปกติ
ชั่วขณะนั้น กลับมีเสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของบรรดาแฟนคลับที่อยู่ทางด้านข้าง ราวกับทุกคนอยากจะเปลี่ยนเป็นญาธิดาแทนในเสี้ยววินาทีนี้ ที่ได้จับมือกับพ่อเทพบุตรสุดหล่อ
เมื่อมองเห็นญาธิดาเอาแต่ตกตะลึงแต่ไม่ได้พูดอะไร คิรินถามกลับอย่างเอาใจเย็น “คุณไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ?”
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จนได้สติกลับมา พร้อมทั้งส่ายหน้าทันควัน “ฉัน....ไม่เป็นไรค่ะ”
แม้ปากจะพูดออกไปเช่นนั้น แต่ตรงหัวเข่าก็ยังมีความรู้สึกเจ็บจี๊ดแผ่ขึ้นมาเป็นระยะ
คิรินก้มศีรษะลง และเหลือบมองป้ายไฟที่มีขนาดใหญ่มากที่กองอยู่ที่พื้น จนเผยให้เห็นรอยยิ้มอมยิ้มอยู่ตรงมุมปาก แต่ตอนนี้สายตาพาดมองเห็นแผลบริเวณหัวเข่านั้น จู่ๆสีหน้าก็เคร่งขรึมลงถนัดตา
เขารีบหันศีรษะไปมองผู้จัดการ และก้มศีรษะลงพร้อมทั้งพูดอะไรออกไป จากนั้นก็สั่งให้บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังหยิบป้ายไฟขึ้นมาจากพื้น และก็หันศีรษะไปมองญาธิดา “คุณบาดเจ็บ ผมจะให้ผู้จัดการของผมทำแผลให้คุณนะครับ”
ญาธิดาดีใจอยู่ลึกๆ ไม่คิดเลยว่าเขาจะพูดจาเช่นนี้ ตอนที่เธอกำลังคิดสร้างโอกาสในการสร้างการมีตัวตนต่อหน้าเขา โดยที่ไม่คิดเลยว่าโอกาสจะหล่นมาจากฟ้าเช่นนี้
เธอพยักหน้าเล็กน้อย และอ้าปากพูดพร้อมทั้งแสดงความซาบซึ้ง “ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ!”
ท่ามกลางสายตาอิจฉาตาร้อนของบรรดาแฟนคลับที่อยู่ด้านข้าง ญาธิดาก็เดินตามผู้จัดการของเขาไป เพื่อมุ่งหน้าไปยังรถบ้าน พร้อมๆกับคิริน
“แม่เจ้า! ฉันล่ะหวังจริงๆว่าคนที่ล้มลงที่พื้นเมื่อกี้จะเป็นฉันเอง!”
“ฉันก็หวังเหมือนกัน! เธอช่างบุญหล่นทับอะไรขนาดนี้เนี่ย!”
“ที่ได้อยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับพ่อเทพบุตร ให้ฉันขาหักไปเลยฉันก็ยอมรับสภาพได้นะ!”
“……”
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องคร่ำครวญของบรรดาแฟนคลับ สีหน้าแองจี้ดูย่ำแย่ที่สุดแล้ว เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับความอิจฉาของคนอื่นแล้ว มันมีทั้งความโกรธแค้นและรู้สึกขวางหูขวางตาปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ
เมื่อครู่เธอตั้งใจทำ เดิมก็แค่คิดว่าอยากจะเบียดญาธิดาไปอีกทางเพื่อหลีกทางให้เธอได้ถ่ายรูปสะดวก พอได้เห็นวินาทีที่เธอหกล้มเธอก็แอบสะใจ ซึ่งไม่คิดเลยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นจู่ๆมันจะพลิกตลบเป็นอีกทาง จนทำให้เธอเกลียดจนอยากจะตบหน้าตัวเองฉาดใหญ่สักที
หากเธอรู้ว่าคิรินจะทำเช่นนี้ เธอจะไม่มีวันแตะต้องญาธิดาแม้สักนิด!
อีกฝั่ง ญาธิดาขึ้นรถบ้านพร้อมกับผู้จัดการ แถมยังดีใจลิงโลด
รถบ้านมีขนาดใหญ่มาก เมื่อขึ้นไปแล้ว คิรินก็นั่งในตำแหน่งที่สบายที่สุด พร้อมทั้งใส่หูฟังและหลับตาฟังเพลงทันที ส่วนผู้จัดการของเขาก็ควานหากล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ด้านข้าง เพื่อนำมาช่วยทำความสะอาดบาดแผลให้แก่ญาธิดา
ผู้จัดการทำสีหน้าเคร่งขรึม พร้อมทั้งนำยาพ่นมาพ่นลงบนแผลของเธออย่างคล่องแคล่ว
ญาธิดาเก็บงำความเจ็บปวดเอาไว้ พริบตาเดียวก็รับรู้ถึงความเย็นอย่างรวดเร็ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...