ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 325

สายตาของญาธิดามองตามร่างของชายหนุ่ม หัวใจพลันรู้สึกว่างเปล่า เป็นความอ้างว้างที่ไม่สามารถอธิบายได้

ธีทัตที่อยู่ข้างๆ เห็นท่าทีของเธอก็รู้สึกแย่ตามไปด้วย

เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยถามว่า “ใจคุณยังมีภวินท์อยู่ใช่ไหม”

ประโยคเดียวทำให้ญาธิดาตกใจในฉับพลัน เธอรีบหันกลับมามองเขาหน้าตาตื่นและส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่...เปล่าค่ะ”

แม้วาจาจะปฏิเสธ แต่กลับไม่มีความมั่นใจ

เธอพูดพร้อมกับมองชายหนุ่มตรงหน้า กัดฟันอย่างต้องการจะพูดอะไรแต่ก็พูดไม่ออก....

เรื่องเมื่อครู่ เธอค่อนข้างทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้เพราะแรงกระตุ้นในใจ หรือเพราะอยู่ต่อหน้าภวินท์กับนิวรา เธอจึงตื่นเต้นจนตอบตกลงเขาไป...

อันที่จริงพฤติกรรมของเธอเมื่อครู่ มันมีความหมายในเชิงใช้ประโยชน์จากตัวธีทัตจริงๆ

ตอนนี้ขึ้นขี่หลังเสือแล้วลงยาก เธอจึงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

ธีทัตย่อมมองออกว่าเธอมีคำพูดที่อยากพูด และถึงขั้นเดาได้ว่าเธออยากพูดอะไร เขาจึงยิ้มให้เธอและพูดเสียงเบาว่า “สิ่งที่ผมพูดกับคุณต่อหน้าพวกเขาเมื่อครู่มันไม่ได้จริงจัง ผมแค่แกล้งทำเพื่อช่วยคุณตอนอยู่ต่อหน้าพวกเขา อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”

ญาธิดาได้ยินแล้วรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ดูเหมือนคิดไม่ถึงว่าธีทัตจะนิ่งขนาดนี้ หัวใจเธอรู้สึกอบอุ่นในทันที จึงเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณ”

เขาช่วยเธออย่างไม่มีเงื่อนไขครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่ร้องขอสิ่งใดตอบแทน ช่างเป็นสุภาพบุรุษจริงๆ

ธีทัตยิ้ม “เอาล่ะ มันเย็นแล้ว พิธีหมั้นก็ใกล้จบลง ผมจะพาคุณไปทานอาหารเย็นแล้วไปส่งคุณที่บ้าน”

ญาธิดายิ้มและไม่ได้ปฏิเสธ ออกไปจากงานพร้อมกับเขา

หลังจากออกมาจากTK Hall ญาธิดาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกโดยไม่รู้ตัวและรู้สึกสบายใจขึ้นมาก

ธีทัตพาเธอไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารเฉพาะทางที่อยู่ใกล้ๆ แล้วขับรถพาเธอไปส่งที่ประตูทางเข้าคอนโด

รถหยุดลง ญาธิดายิ้มพลางบอกลาธีทัต ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าคอนโดไป

ธีทัตนั่งอยู่ในรถ มองด้านหลังของหญิงสาวด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน

อันที่จริง สิ่งที่เขาพูดกับเธอต่อหน้านิวรากับภวินท์ในวันนี้ ทุกถ้อยคำล้วนเป็นความจริง ไม่มีคำใดเท็จเลยแม้แต่คำเดียว

หัวใจที่เขามีต่อเธอเป็นความจริงเสมอ

ชั่วพริบตาก็ถึงวันอาทิตย์ ญาธิดาไม่ทันได้มีเวลาพักผ่อนก็ไปเยี่ยมพ่อที่โรงพยาบาลทันที

หลังจากพาพ่อไปตรวจร่างกายแล้วพบว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นปกติ สภาพร่างกายเหมาะสมสำหรับการผ่าตัด ญาธิดาและปภาวีต่างถอนหายใจโล่งอก คอยอยู่เคียงข้างดร.ยติภัทรในการรอการผ่าตัด

การผ่าตัดมีกำหนดในวันอังคาร ญาธิดาจึงขอลาหยุดสองวันเพื่ออยู่กับดร.ยติภัทรตลอดทั้งวัน

ในวันผ่าตัด ญาธิดาเฝ้ามองพ่อถูกเข็นเข้าไปในห้องผ่าตัด หลังจากหลายชั่วโมงแห่งการรอคอยที่แสนทรมาน ในที่สุดก็เห็นไฟสีแดงที่หน้าประตูห้องผ่าตัดเปลี่ยนเป็นสีเขียว ประตูเปิดออก คุณหมอเธียรชัยหัวหน้าศัลยแพทย์ออกมาก่อน

เธอรีบก้าวไปหา สีหน้าค่อนข้างซีด ขยับริมฝีปากเพื่อถามเกี่ยวกับสถานการณ์ คุณหมอเธียรชัยมองเธอแล้วมองปภาวี ในที่สุดก็พูดด้วยความโล่งใจว่า “การผ่าตัดประสบความสำเร็จ พวกคุณวางใจได้แล้ว”

ได้ยินสิ่งนี้แล้วญาธิดาก็ตื่นเต้นจนแสบจมูกอยากร้องไห้ เธอรอช่วงเวลานี้มานานแสนนาน ตั้งแต่พ่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ เธอก็เริ่มพบพานกับความทุกข์ทรมานอันมากล้น ตอนนี้การผ่าตัดสำเร็จแล้ว มันหมายถึงการสิ้นสุดของความทุกข์ทรมาน และหมายถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่

“ขอบคุณค่ะคุณหมอ! ขอบคุณมากค่ะ!”

ปภาวีเองก็ตื่นเต้นเช่นกัน บอกขอบคุณคุณหมอเธียรชัยซ้ำๆ ตอนที่หันหน้ากลับไปหาญาธิดา ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยน้ำตา

เธอจับมือญาธิดาอย่างตื่นเต้น “ธิดา ในที่สุดเราก็ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว!”

ญาธิดาพยักหน้ามองแม่ที่อยู่ตรงหน้า ในใจรู้สึกเต็มตื้น

ที่พ่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลครั้งนี้ ปภาวีอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา ดูแลด้วยใจอย่างดีที่สุดไม่เคยบ่นใดๆ เธอแทบจะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเธอแก่ลงมาก

ญาธิดาอ้าแขนออกกอดปภาวีอย่างสะเทือนใจ

ไม่นานประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกอีกครั้ง พยาบาลเข็นดร.ยติภัทรออกมา และย้ายไปที่ห้องไอซียูเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ญาธิดากับปภาวีอยู่ข้างๆ รอให้เขาตื่น

ญาธิดาอยู่นอกห้องไอซียูโดยที่ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร จู่ๆ ก็มีเสียงก้องกังวานของผู้ชายดังขึ้น “ธิดา คุณป้า!”

ธีทัตเดินก้าวยาวเข้ามาหาด้วยสายตาที่เป็นกังวล

ญาธิดาเห็นเขา ไม่รู้ทำไมรู้สึกสบายใจขึ้นมาพอสมควร เธอสูดหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า “คุณมาที่นี่ได้ยังไง”

ได้ยินว่าวันนี้ธีทัตมีประชุมเจรจาสำคัญ แม้ดร.ยติภัทรจะเข้าผ่าตัด เธอก็ไม่กล้าทำให้เขาเสียสมาธิ คิดไม่ถึงว่าเขากลับมาปรากฏตัว

ธีทัตเดินเข้ามาหาเธอและพูดให้เหตุผลว่า “คุณลุงเข้ารับการผ่าตัด ผมไม่มาอยู่ใกล้ๆ ได้ยังไง แต่ผมมีธุระนิดหน่อยเลยมาสาย คุณลุงเป็นยังไงบ้าง”

ญาธิดาชำเลืองมองไปยังทิศทางของห้องไอซียู “การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ตอนนี้คุณพ่อยังไม่ตื่น”

เธอเพิ่งพูดจบ ปภาวีซึ่งยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องไอซียู จู่ๆ ก็พูดว่า “ตื่นแล้ว...พ่อตื่นแล้ว!”

ญาธิดากับธีทัตต่างตกใจ รีบก้าวเข้าไป เห็นดร.ยติภัทรที่นอนอยู่บนเตียงค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างที่ว่าจริงๆ

“เรียกหมอมาดูหน่อย!”

ต่างรีบแจ้งหมอ ไม่นานหมอก็เข้ามา หลังจากทำการตรวจแล้ว ทุกอย่างปกติดี จึงแจ้งว่าให้ย้ายดร.ยติภัทรไปห้องพักผู้ป่วยได้

ทุกคนล้อมรอบดร.ยติภัทร เฝ้ามองเขาถูกเข็นเข้าห้องพักผู้ป่วย แม้ว่าสีหน้าจะค่อนข้างซีด แต่ท่าทางยังนับว่าไม่แย่

ทันใดนั้นญาธิดาก็โล่งใจเช่นกัน

ดร.ยติภัทรสามารถพูดได้ช้าๆ และดูเหมือนว่าจะอยู่ในสภาพที่ไม่เลว

ปภาวีเองก็ตื่นเต้นมาก มองไปที่ธีทัตแล้วพูดว่า “ทัต เธอคือดาวนำโชคของเราจริงๆ! ทันทีที่เธอมา ตาแก่ก็ตื่นเลย!”

ธีทัตยิ้มและพูดกึ่งติดตลกว่า “เป็นครั้งแรกเหมือนกันครับที่ผมรู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษแบบนี้”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ญาธิดาที่อยู่ข้างๆ ก็อดหัวเราะไม่ได้

แม้ดร.ยติภัทรจะเพิ่งผ่าตัดเสร็จสิ้น ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่มาก แต่การได้เห็นพวกเขาพูดคุยหัวเราะกันอยู่รอบกาย ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาก

ในเวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ทันทีที่ภวินท์ได้รับการแจ้งจากคุณหมอเธียรชัยว่าการผ่าตัดประสบความสำเร็จ เขาก็เคลียร์งานแล้วรีบมาโรงพยาบาลทันที

ถึงอย่างไรดร.ยติภัทรก็เป็นอาจารย์ของเขา ทันทีที่การผ่าตัดประสบความสำเร็จเขาย่อมต้องรีบมาเป็นอันดับแรก

แม้ในใจจะคิดอย่างนั้น แต่ใบหน้าของญาธิดากลับฉายแวบขึ้นมา และทันใดนั้นเขาก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น

ภวินท์เดินไปตามทางเดินของแผนกผู้ป่วยใน และไปยังทิศทางห้องพักผู้ป่วยของดร.ยติภัทรอย่างคุ้นชิน

ใครจะรู้ว่ายังเดินไม่ถึงหน้าประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะกันดังมาจากประตู เขาเดินแผ่วเบาไปที่ประตู เลื่อนสายตาขึ้นมองไปยังห้องพักผู้ป่วย

ในห้องนั้น ดร.ยติภัทรกำลังนอนอยู่บนเตียง โดยมีปภาวีอยู่ทางซ้าย และทางด้านขวามีคนสองคนนั่งเคียงข้างกัน ญาธิดากับธีทัต!

บรรยากาศในห้องอบอวลไปด้วยความสุข เสียงพูดคุยหัวเราะไม่หยุดหย่อนดูกลมเกลียว

เป็นเหมือนครอบครัวสุขสันต์

หัวใจของภวินท์ตึงกระชับขึ้นทันใด ความรู้สึกแปลกๆ ครอบคลุมหัวใจ มือที่อยู่ข้างกายเขากำแน่นเป็นหมัดโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกแย่ถาโถมเข้ามาในจิตใจ

ที่แท้ธีทัตกับญาธิดาก็มาถึงจุดนี้แล้ว มีการพบเจอญาติผู้ใหญ่ ความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ขั้นต่อไปคงถึงการหมั้นหมายแล้วล่ะสิ

เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวใจของภวินท์ก็ยิ่งระเบิดความโกรธ หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เขาก็หันหลังโดยไม่ลังเลและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

ถ้าเขาเข้าไปตอนนี้ เขาจะกลายเป็นตัวทำลายบรรยากาศไม่ใช่เหรอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์