ญาธิดาพูดอย่างไม่ลังเลสักนิด “แน่นอนเลยค่ะ”
เธอเหลือบมองลักษณะท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพายุ ทันใดนั้นสัญชาตญาณเหมือนมีอะไรไม่ถูกต้อง จึงเอ่ยปากสอบถามด้วยความลังเลอยู่บ้าง “ทำไมหรือคะ? ของขวัญพวกนี้... ไม่เหมาะสมหรือคะ?”
พายุลังเลอยู่ชั่วครู่ พลางตอบเสียงเบา “สิ่งของพวกนี้ เกรงว่านายท่านคงไม่ได้ใช้... ทุกปีคุณภวินท์จะสั่งจองชุดผ้าขนสัตว์หนึ่งล๊อตจากออสเตรเลียกลับประเทศ โดยตามความต้องการของนายท่านที่สั่งทำเป็นผ้าคลุมหรือเสื้อผ้า ส่วนเครื่องนวดและถังแช่เท้าก็มีหมดแล้ว ซึ่งคุณภวินท์เป็นคนจัดการทั้งหมด ปกติคุณย่าท่านก็ไม่ค่อยได้ใช้อยู่แล้ว...”
เมื่อได้ยินพายุพูดเช่นนี้แล้ว ญาธิดาถึงกลับยืนเอ๋อทันที
ความกล้าบ้าบิ่นของเธอโดยการใช้ความพยายามจัดเตรียมสิ่งของต่างๆ มากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่มีสักอย่างที่เหมาะสมกับคุณย่าเลย
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิม จนอยากจะร้องไห้แต่น้ำตาไม่ไหลอยู่ในชั่วเวลานั้นทันที
ภวินท์เดินเข้ามาหา เมื่อได้ยินพูดเช่นนี้ พลางย่นคิ้วเล็กน้อย และเขายื่นมือออกไป เพื่อรับกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของญาธิดา พลันยื่นให้พายุ และพูดกำชับ “เอาเข้าไปทั้งหมดแหละ”
พายุได้ยินแล้ว ไม่กล้าพูดอะไรมาก พลางทำตาม และรอให้เขาเดินจากไป ภวินท์ถึงได้พูดเบาๆ “อย่าไปฟังเขาพูดมั่วๆนะ บางทีคุณย่าอาจจะชอบของขวัญที่คุณให้ก็ได้”
ญาธิดาได้ยิน แต่ก็มีความผิดหวังจนก้มหน้าก้มตาลง “รู้ตั้งแต่แรกก็ควรจะถามคุณก่อน ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายก็ซื้อของพวกนี้มาต่างเป็นสิ่งที่คุณย่าไม่ต้องการทั้งนั้น
เพียงสิ้นเสียงของเธอ กลับสัมผัสฝ่ามืออบอุ่นภวินท์จูงมือเธอเอาไว้ พลันเดินมุ่งหน้ามาทางบ้านพักทันที “อย่าคิดเองเออเอง ชอบหรือไม่ชอบเดี๋ยวให้คุณย่าเป็นคนพูดออกมาจากปากเองถึงจะถูกสิ”
ญาธิดาถูกเขาจับมือ ให้เดินไปทางด้านหน้า และไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อได้ยินคำปลอบใจของเขาอยู่หลายต่อหลายประโยคแล้ว ความผิดหวังที่อยู่ในใจและอาการวิตกกังวลนั้นพลันหายไปในชั่วพริบตา
เดินสาวเท้าเข้าห้องรับแขก คนรับใช้ในบ้านรีบเข้ามาต้อนรับทันที
“คุณชาย คุณกลับมาแล้ว!”
ภวินท์ใช้สายตากวาดตามองรอบห้องรับแขกโดยรอบ และเห็นว่าไม่มีคนอยู่ “คุณย่าอยู่ที่ไหนล่ะ?”
“นายท่านอยู่ห้องพระชั้นสองค่ะ อีกเดี๋ยวก็จะลงมาแล้วค่ะ”
“อืม” ภวินท์พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงจูงมือญาธิดาให้เดินมาที่โซฟาที่อยู่ด้านข้างและนั่งลง
ญาธิดานั่งอยู่บนโซฟา ร่างกายเกร็งไปทั้งตัว มือทั้งสองข้างกุมมือไว้แน่น และเกิดอาการตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว
“แค่ก แค่ก!”
ตรงปากทางบันไดมีเสียงไอดังขึ้นมา จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาติดๆ “ตาวินกลับมาแล้วเหรอ?”
ภวินท์ลุกขึ้นยืนทันที และเดินไปทางบันได “คุณย่าครับ”
ยังไม่เห็นตัว ก็ได้ยินเสียงมาแต่ไกล ญาธิดาไม่กล้าเดินทอดน่อง พลันรีบเดินตามทันควัน
เมื่อเห็นคุณย่าผู้สง่างามท่านหนึ่ง ที่มีบ่าวคนรับใช้คอยประคองอยู่ค่อยๆ เดินลงบันไดลงมา แม้ว่าอายุมาก ทว่าก็แต่งตัวได้สะอาดสะอ้านเรียบร้อยดูดี และกำลูกประคำหยกเขียวมรกตอยู่ในมือขวา
รอจนเธอเดินลงมายังบันไดขั้นสุดท้ายแล้ว ภวินท์ก็ขยับไปทางด้านหน้าเพื่อรับบ่าวรับใช้ยื่นมือไปรับ เพื่อประคองเธอ และเอ่ยปากถามไถ่อย่างอ่อนโยน “คุณย่าครับ อาการไอดีขึ้นบ้างไหมครับ?”
“ดีขึ้นมากแล้ว” คุณย่าพยักหน้า พลางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองญาธิดาที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก จนดวงตาเปล่งประกายขึ้นมาทันที “คนนี้คือ!”
ภวินท์ตอบเบาๆ “ธิดาครับ หลานสะใภ้ของคุณย่าครับ”
ญาธิดายิ้มให้คุณย่าอย่างเขินอาย “สวัสดีค่ะคุณย่า”
“เอ้า! มานี่เร็ว! ให้ย่ามองให้ชัด ๆ หน่อย!”
“นี่ ธิดา หลานชายฉันคนนี้ หนูอย่าไปมองว่าตอนนี้เขาทั้งสุขุมเคร่งขรึมเชียวนะ หนูยังไม่รู้ว่าตอนเด็กๆ เขา ซนยังกับลิง!”
ญาธิดาหันหน้าไปมองภวินท์ที่อยู่ด้านข้าง พลันอดหัวเราะไม่ได้ “คุณย่าคะ จริงหรือคะ?”
“จริงสิ!” คุณย่ายิ้มจนอ้าปากค้าง “ตอนเด็กเขาเจ้าแผนการแสบๆเยอะมาก มีอยู่ครั้งหนึ่งทะเลาะกับเด็กคนข้างบ้าน เขากำหมัดแน่น เพราะเกิดไม่พอใจ เลยปีนขึ้นไปบนต้นไม้ที่รังต่อ จากนั้นก็โยนเข้าไปในสนามบ้านของข้างบ้าน! หนูว่าแสบไหมล่ะ!”
ญาธิดาหัวเราะจนน้ำตาไหล เธอยังมองไม่ออกจริงๆ ที่แท้ตอนเด็กภวินท์ก็ซนขนาดนั้น ซึ่งผิดกับตอนนี้หมดเลย
เมื่อได้ยินคุณย่าพูดเรื่องตอนเด็ก ภวินท์พลันยกมุมปากอย่างไม่รู้ตัว ตั้งแต่โตขึ้นแล้ว ชีวิตที่ไม่ต้องคำนึงหรือกังวลเช่นนั้นมาห่างเหินจากเขาไปมากจริงๆ แล้ว ส่วนครั้งนี้ มันกลับทำให้เขารับรู้ถึงความสุขอันห่างหายไปนาน
เขาเงยหน้ามอง และเห็นญาธิดาที่นั่งเอียงข้างให้ตัวเองกำลังหัวเราะร่า ดวงตาของเธอหรี่ลงดั่งพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว พอยิ้มก็ปรากฏฟันขาวดั่งเปลือกหอย ทั้งน่ารักอยากอยู่ใกล้ จนทำให้คนละสายตาไม่ได้เลย
รอจนพูดเรื่องสนุกๆ ของภวินท์ในวัยเด็กจบแล้ว คุณย่าก็จับมือญาธิดาไม่ยอมปล่อย “ใช่สิ ธิดา ตามย่ามานี่ ย่ามีของจะให้หนูด้วย”
จู่ ๆ เห็นคุณย่าท่าทางเคร่งขรึมขึ้น ญาธิดาก็เริ่มตื่นเต้นทันที พลางหันหน้าไปมองภวินท์ ภวินท์ก็พยักหน้าให้เธอ เธอถึงได้เดินตามคุณย่าขึ้นชั้นสองไป
การตกแต่งในคฤหาสน์นั้นมันดูแปลกหูแปลกตา ขนาดราวทางขึ้นบันไดชั้นสองยังเป็นไม้มะฮอกกานีแกะสลัก ญาธิดาเดินเป็นเพื่อนคุณย่าขึ้นชั้นสอง เมื่อเดินเข้ามาในห้อง ด้านในก็ตกแต่งสไตล์ย้อนยุค
“ธิดานี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราเจอหน้ากัน ฉันในฐานะเป็นคุณย่า ด้วยขนบธรรมเนียมก็ต้องเตรียมของขวัญไว้รับขวัญ”
คุณย่าพูด พร้อมทั้งดึงลิ้นชักในตู้หัวเตียงออกมา และหยิบกระเป๋าผ้าสีแดงออกมา เธอค่อยๆ เปิดผ้าเช็ดหน้าออก และปรากฏกำไลเงินออกมา
คุณย่ายื่นข้อมือมาให้ “ธิดาอันนี้ ถือว่าเป็นของรับขวัญแล้วกัน หนูเก็บเอาไว้นะ”
ญาธิดาตกใจ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี กำไลเงินอันนี้ ราวกับเป็นของรักของหวงของคุณย่า แล้วเธอจะเก็บไว้ได้อย่างไรเล่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...