โลกไม่เที่ยงเกินไป คนบางคนแยกกันไป อาจจะบังเอิญเจอกันใหม่ที่แยกถนน ส่วนคนบางคนเมื่อจากกันไป กว่าจะเจอกันใหม่ระยะทางอีกยาวไกล
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่ไม่มั่นคงพอค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆตลอดหลายปีที่ผ่านมา สุดท้ายก็ยังคงมีทิ้งไว้ มักจะจริงใจและน่าจดจำที่สุด
หลังจากนั้น5ปี
ในเขตชานเมืองของสหรัฐอเมริการถสีขาวจอดอยู่หน้าอาคารสไตล์ตะวันตกสีขาวหลังเล็ก ในรถกว้างขวาง ญาธิดาใส่เสื้อรัดรูปกับกางเกงยีนหลวม เรือนร่างที่ไร้ที่ติของเธอ
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นแม่ของเด็กสองคนแล้ว แต่ความสาวของเธอยังเต็มเปี่ยม ผิวพรรณเปล่งปลั่ง รูปร่างราวกับหญิงสาวอายุสิบแปด สะดุดตาเป็นพิเศษ
เบาะหลังมีที่นั่งเด็กวางอยู่สองที่ ทั้งสองราวกับก้อนผิวพรรณขาวอมชมพูตัวน้อยๆนั่งอยู่ซ้ายหนึ่งขวาหนึ่ง คนนึงสวมกระโปรงสีม่วง ส่วนอีกฝั่งก็สวมชุดสีดำ นอกจากทรงผมกับชุดที่สวมใส่ไม่เหมือนกัน รูปหน้าของทั้งสองคนราวกับแกะออกมาจากพิมพ์เดียวกัน
ในขณะนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็ทะเลาะกัน
“เห็นได้ชัดว่าต้องมีไก่ก่อนถึงจะมีไข่......”
“ไม่ใช่ ต้องมีไข่ก่อน ถึงจะมีลูกไก่!”
“ไม่ใช่นะ! ไม่มีไก่จะมีไข่ได้ไง? ”
“……”
เจ้าก้อนสองก้อนผลัดกันพูดคนละประโยค ใครก็ไม่ยอมถอยสักก้าว หน้าของเด็กชายแดงก่ำแล้ว แต่เสียงสู้สาวน้อยไม่ได้ เขาร้อนรน จนรัวภาษาอังกฤษออกมาเป็นชุด เด็กหญิงด้านข้างก็ไม่ยอมแพ้ ตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน บางครั้งภาษาอังกฤษก็ผสมกับคำภาษาไทยสองสามคำ
ญาธิดาที่นั่งอยู่ด้านหน้าที่นั่งข้างคนขับได้ฟังพวกเขาพูดสู้กันมาครึ่งชั่วโมงกว่าเต็มๆแล้ว ตอนนี้กำลังฟังพวกเขาโต้แย้งหัวข้อนี้ต่อไป ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
มองดูนอกหน้าต่างเห็นคนขับรถเดินมา ญาธิดาก็เอียงหัวมองดูคนตัวเล็กสองคนที่เบาะหลัง ตบมือ และพูดขึ้น “อีธาน เอลล่า พวกลูกสองคนเงียบหน่อยได้มั้ย? ”
เจ้าตัวเล็กสองคนได้ยินดังนั้น ก็หันหน้ามามองเธอ อีธานยู่ปาก และพูดอย่างงอนๆ “งั้นแม่บอกมา มีไก่ก่อนหรือมีไข่ก่อนกัน? ”
ญาธิดาชะงัก เห็นได้ชัดว่าถูกถามจนงง เธอมองใบหน้าเล็กที่หล่อเหลาของอีธาน และมองไปยังเอลล่าที่น่ารัก จึงไม่มีทางตัดสินได้
ไม่ว่าจะเลือกอะไร ก็จะปฏิเสธฝ่ายใดฝ่ายนึง เธอไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น
เธอฉีกยิ้ม เผชิญหน้ากับดวงตาโตที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของเจ้าตัวน้อยทั้งสองคน และยิ้มแห้ง พูดเหตุผลไม่ได้
หลังจากนั้น แรงบันดาลใจของญาธิดาก็เป็นประกาย อยู่ๆก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบพูด “ปัญหานี้ แม่ก็บอกไม่ได้ แต่แม่รู้ว่ามีคนนึงต้องรู้แน่ๆ!”
“เป็นใคร? ”
“เป็นใครกัน? ”
อีธานกับเอลล่าถามขึ้นเหมือนกันคนละน้ำเสียง ดวงตาดุจลูกองุ่นสีม่วงกลมๆกลอกกลิ้งไปมาในเบ้าตา
“แน่นอนว่าต้องเป็นคุณน้าที่น่ารักที่สุดของพวกลูกไง!” ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “วันนี้พวกลูกต้องนั่งเครื่องสิบกว่าชั่วโมงกว่าจะถึงสนามบินเมือง J และจะได้เจอคุณน้าที่รักของพวกลูกแล้ว!”
เจ้าตัวน้อยสองคนได้ยิน ก็ดีใจจนกระโดดโลดเต้นขึ้นมาทันที และลืมเรื่องที่ถามจิกเมื่อครู่ไป
คุณน้าของพวกเขา ไม่ต้องพูด ก็ต้องเป็นอัญมณีอยู่แล้ว หลายปีมานี้ อัญมณีไปเยี่ยมพวกเขาถึงอเมริกาอยู่บ่อยๆ และบางครั้งก็พักอยู่ด้วยระยะนึง ไปๆมาๆ ก็นับได้ว่าเป็นบุคคลสำคัญที่ติดตามอีธานกับเอลล่าให้เติบโตขึ้น
บวกกับที่เวลาอัญมณีบ้าบอขึ้นมาก็เหมือนกันเด็กๆ จึงรับมือกับเด็กได้ดีที่สุด จึงทำให้ความสัมพันธ์กับเจ้าตัวน้อยสองคนนี้ดีจนไม่รู้จะดียังไงแล้ว
เมื่อได้ยินเจ้าตัวเล็กสองคนเปลี่ยนบทสนทนาแล้ว ญาธิดาก็แอบโล่งใจ พอดีกับคนขับรถที่อัญมณีส่งมามาถึง เคลื่อนรถตรงไปส่งพวกเขาที่สนามบิน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...