ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 379

ทั้งคืน ญาธิดาพลิกไปพลิกมา นอนไม่หลับ

เช้าวันรุ่งขึ้น นาฬิกาปลุกยังไม่ดัง เธอก็ตื่นแล้ว มองดูตารางงานในโทรศัพท์ ก็รีบลุกขึ้นมาเก็บของ

เธอนัดกับฝ่ายถ่ายทำล่วงหน้าว่าวันนี้จะพาอีธานเอลล่าไปทำความคุ้นเคยกับสถานที่ถ่ายทำสักหน่อย ถ้าคุ้นเคยแล้ว การถ่ายทำในภายภาคหน้าก็จะได้ราบรื่น

ทำงานนี้ให้เสร็จเร็วๆ แล้วพาเด็กน้อยสองคนออกไป คือความหวังที่เธอปรารถนาที่สุดในตอนนี้

เธอหายใจเข้าลึกๆ เก็บของที่ต้องนำไปด้วยเรียบร้อยแล้ว พาเด็กน้อยสองคนทานอาหารเช้า แล้วเรียกรถด่วนมุ่งหน้าไปยังสถานที่ถ่ายทำ——ซาฟารีปาร์คแห่งเมือง J

เพราะครั้งนี้พวกเขาถ่ายทำในหัวข้อคุ้มครองสัตว์ป่า ดังนั้นเหล่าเด็กน้อยต้องไปทำความคุ้นเคยกับสัตว์สักหน่อย จากนั้นค่อยดำเนินการตามแผนถ่ายทำต่อไป

เมื่อถึงสถานที่จัดงาน ญาธิดาก็พบว่าซาฟารีปาร์คห่างจากHappy Valleyที่พวกเขาไปเมื่อวานใกล้มาก มันตั้งอยู่ริมทะเลสาบพระจันทร์

อีธานและเอลล่าเห็นHappy Valley ก็รู้สึกตื่นเต้น จากนั้นรถก็ขับอ้อมริมทะเลสาบไปยังทางเข้าประตูสวนสัตว์ เด็กน้อยสองคนก็ยิ่งกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข

“ดีจัง จะได้เห็นสัตว์ตัวน้อยแล้ว!”

เห็นพวกเขาลงจากรถก็ทำท่าทางลิงโลดอย่างอดไม่อยู่ ญาธิดาก็อารมณ์ดีขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพิ่งเดินไปถึงประตู เธอก็เห็นพี่โอ๊ตตรงประตู

เธอยิ้ม แล้วเอ่ยปากเรียก “พี่โอ๊ต!”

พี่โอ๊ตแต่งตัวสดใสมาก เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากางเกงสีขาว ก้าวเท้ามาหาเธอ อ้าแขนจะกอดญาธิดายกใหญ่ “ธิดา พี่คิดถึงเธอแทบตาย!”

ญาธิดาก็เผลอถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เห็นเขาจะเข้ามากอด ทันใดนั้นข้างกายก็มีร่างเล็กๆพุ่งเข้ามา “อย่าขยับ!”

ญาธิดาก้มศีรษะมอง ก็เห็นอีธานมากั้นระหว่างพวกเขาเหมือนลูกผู้ชายตัวจิ๋ว ขวางพี่โอ๊ตเอาไว้ “แม่ผมไม่ใช่ว่าใครจะกอดก็ได้นะครับ! ลุงโอ๊ต ลุงต้องระวังด้วย!”

อีธานเงยหน้าขึ้น ด้วยสีหน้าจริงจัง น่ารักมากเหลือเกิน

ญาธิดาใจอ่อน ความสุขเอ่อล้นเข้ามาในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้

ทุกครั้งที่มีเรื่องอะไร เจ้าหนูคนนี้ก็จะพุ่งตัวมาข้างหน้าปกป้องเธอ ถึงตัวจะเล็ก แต่หัวใจกลับไม่เล็กเลย

พี่โอ๊ตก็ขำเพราะการกระทำของเขา หัวเราะเสียงดัง ถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง แล้วหันไปมองเอลล่าที่อยู่ข้างๆ “เอลล่า หนูสวยขึ้นอีกแล้ว!”

เอลล่าเอียงศีรษะ ยิ้มแล้วพูดขึ้น “คุณอาก็หล่อขึ้นเหมือนกันค่ะ!”

ก่อนหน้านี้พี่โอ๊ตมาอยู่อเมริกาช่วงหนึ่ง ตอนนั้นพวกเขาก็มาเจอกันบ่อยๆ ความสัมพันธ์ก็ไม่เลว

หลังจากทักทายกันทั่วไปไม่กี่ประโยค พี่โอ๊ตก็มองไปทางญาธิดา เข้าเรื่องสำคัญ จูงอีธานไว้พลางคุยกับญาธิดา “ที่จริงวันนี้น่ะไม่มีงานสำคัญอะไรหรอก แค่พาอีธานกับเอลล่ามาเดินเล่นที่สวน แล้วเธอก็ไปสื่อสารรายละเอียดกับผู้กำกับ พรุ่งนี้เริ่มถ่ายเป็นทางการ”

ญาธิดาพยักหน้า สงสัยเล็กน้อย “ผู้กำกับ? ไม่ใช่แค่ถ่ายภาพเหรอ?”

พี่โอ๊ตพยักหน้าพูดขึ้น “บอสใหญ่อยากให้ภาพถ่ายมีสาระ มีเชิงลึก สุดท้ายต้องมีถ่ายวิดีโอสั้นสาธารณประโยชน์ จึงมีการเตรียมผู้กำกับ”

เมื่อญาธิดาได้ยิน ก็เข้าใจ

ดูเหมือนบอสใหญ่คนนี้เอาใจใส่โฆษณาชุดนี้มาก ใช้เงินถ่ายภาพและวิดีโอที่เป็นสาธารณประโยชน์อย่างเดียว โดยไม่แสวงผลกำไร ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเป็นการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์บริษัท

การสร้างภาพลักษณ์บริษัทในเชิงบวก มักจะขาดหายไปในยุคปัจจุบัน

โดยไม่รู้ตัว ญาธิดาก็รู้สึกชื่นชมบอสใหญ่คนนี้

มาถึงสถานที่ถ่ายทำ ญาธิดาพาอีธานกับเอลล่าไปเจอผู้กำกับ หลังจากทำตามขั้นตอนที่จำเป็นแล้ว ก็เริ่มเที่ยวสวนตามเส้นทางที่พวกเขาจัดไว้

ซาฟารีปาร์คเมือง J ใหญ่มาก สถานที่ที่พวกเขาเลือกเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น นี่คือหัวข้อหลักที่อีธานกับเอลล่าต้องถ่ายทำ ตัวหลักคือลิงสีทอง ช้าง งูเหลือม ลิ่นจีนและยีราฟ

ระหว่างทาง อีธานกับเอลล่าตื่นเต้นมาก ตอนเช้าผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ทานอาหารกลางวันที่สถานที่ถ่ายทำเสร็จแล้ว เด็กน้อยสองคนก็นอนหลับพักเที่ยงตามปกติ ผู้กำกับพาพวกเขาไปยังเต็นท์ชั่วคราว

เห็นพวกเขาหลับสนิทแล้ว ญาธิดาก็ออกมาจากเต็นท์ เดินไปที่ต้นไม้ข้างๆ เพื่อปรึกษาเรื่องการถ่ายทำกับผู้กำกับ

ผู้กำกับแนะนำการเตรียมการให้เธอฟังหนึ่งรอบ มองเธอแล้วพูดขึ้น “การเตรียมการคร่าวๆก็ประมาณนี้ โดยรวมแล้ว โฆษณากับวิดีโอสั้นสาธารณประโยชน์ต้องใช้เวลาถ่ายหนึ่งอาทิตย์กว่า แต่เพราะอีธานกับเอลล่าเป็นเด็กเล็ก การให้ความร่วมมือไม่เท่าผู้ใหญ่ เราเลยเตรียมเวลาไว้สองอาทิตย์”

ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว ในใจค่อนข้างลังเล

เดิมทีแล้วเธอนึกว่าเรื่องพวกนี้จะเสร็จภายในหนึ่งอาทิตย์ ไม่คิดว่าตอนนี้ต้องใช้เวลาสองอาทิตย์ มันมากกว่าที่เธอคาดไว้เยอะ

ญาธิดาหายใจเข้าลึกๆ ช้อนสายตาขึ้นมองผู้กำกับ แล้วเอ่ยปากถาม “ผู้กำกับค่ะ ที่จริงฉันอยากให้ถ่ายทำเสร็จโดยเร็วที่สุด อีธานกับเอลล่ายังต้องกลับไปเรียนหนังสือที่อเมริกา ฉันเลยอยากให้ถ่ายเสร็จเร็วหน่อย”

ผู้กำกับเงียบไปสักพัก แล้วพูดพึมพำ “แต่ถ้าแบบนี้……เด็กอาจจะกดดันมาก”

หัวใจญาธิดาตึงเครียด ยังตัดสินใจไม่ได้

แต่พอนึกถึงใบหน้าภวินท์ เธอก็หายใจเข้าลึกๆ ทำใจแข็ง แล้วกัดฟันพูดขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ เร่งกระบวนการให้เร็วที่สุดดีกว่า”

เธอยอมให้อีธานกับเอลล่าลำบากและเหนื่อยหน่อย ไม่อยากให้อยู่ในประเทศจนถูกภวินท์จับพิรุธอะไรได้

ผู้กำกับคิดสักพัก แล้วพูดเบาๆ “เดี๋ยวผมไปขอให้คำพิจารณาสั่งการจากทางหัวหน้าก่อนนะครับ”

การเตรียมงานสองอาทิตย์ ตอนแรกเป็นคำสั่งจากทางบอสใหญ่ ตอนนี้เขาไม่สามารถเปลี่ยนการเตรียมงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เพียงเพราะคำพูดของญาธิดา

ญาธิดาโล่งอก ยิ้มให้กับเขา “ได้ค่ะ ฉันฝากคุณด้วยนะคะ”

เวลาช่วงบ่าย ทีมถ่ายทำเตรียมให้อีธานกับเอลล่าได้สัมผัสใกล้ชิดกับเหล่าสัตว์ต่างๆ นำโดยผู้เลี้ยงดู เพื่อสัมผัสใกล้ชิดกับเหล่าสัตว์

ในเวลาเดียวกัน ภวินท์ที่อยู่สำนักงานประธานบริษัทSTN Groupซึ่งอยู่ห่างไกลได้รับสายจากผู้รับผิดชอบการถ่ายทำ สีหน้าก็ไม่พอใจขึ้นมาในทันที

“คุณบอกว่าเธออยากเร่งกระบวนการการถ่ายทำเหรอ?”

ปลายสายลังเลสักพัก แล้วพูดขึ้น “ครับ สองอาทิตย์สั้นลงเหลือหนึ่งอาทิตย์ ถ้าเป็นแบบนี้ สำหรับเราแล้ว ค่าใช้จ่ายจะยิ่งน้อย ก็เป็นเรื่องที่ดีครับ”

ภวินท์ขมวดคิ้ว นัยน์ตาฉายแววมืดมน มือที่เขาจับโทรศัพท์ค่อยๆกระชับแน่นขึ้น ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็พูดด้วยเสียงเย็นชา “ไม่ได้ ให้ทำตามแผนเดิม จุดประสงค์เราไม่ใช่ลดต้นทน คุณภาพต้องมาเป็นอันดับแรก”

เมื่อเขาพูดประโยคนี้ ผู้รับผิดชอบปลายสายโทรศัพท์ก็หมดคำจะพูดทันที หลังจากผ่อนคลายลง ก็พูดซ้ำๆ “คุณภวินท์พูดถูกครับ! คุณภาพสำคัญที่สุด!”

สีหน้าภวินท์ไม่มีความสั่นไหว แล้วพูดต่อ “วันนี้ตอนเย็นคุณเลิกกองกี่โมง?”

“วันนี้ห้าโมงครึ่งครับ”

“อืม ถึงเวลาฉันจะไปดูงานสักหน่อย”

พูดจบ เขาก็วางสายไป นัยน์ตาเกิดความมืดมัวคลุมเครือไม่ชัดเจน

ไม่คิดว่า ญาธิดาจะรีบร้อนขนาดนี้ รีบร้อนทำงานให้เสร็จจะได้ออกจากเมือง J งั้นเหรอ?

หรือว่า เธอกำลังหลบหนีเขา?

หัวใจเกิดความคิดนี้แวบเข้ามา ภวินท์ขมวดคิ้วแน่นขึ้น หัวใจเหมือนถูกอะไรบางอย่างขวางกั้นไว้ มันทั้งหนักอึ้งและอึดอัด

“ปัง!”

เขาตบโทรศัพท์ในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง อารมณ์ในดวงตาหม่นหมอง

เธอคิดว่าเธอบอกว่าจะไปก็ไปเหมือนเมื่อห้าปีก่อนได้งั้นเหรอ? ครั้งนี้เขาจะไม่ให้โอกาสนั้นกับเธอเด็ดขาด!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์