ญาธิดากัดฟันแน่น พอได้สติก็รีบถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน
ภวินท์ผู้ซึ่งทำหน้าจริงจังตลอดเวลา ตอนนี้กลับขยิบตาให้เธอ แถมยังพูดด้วยใบหน้าอมยิ้มกรุ้มกริ่ม “ดูแลเด็ก ๆ ทั้งสองคนให้ดีนะ ฉันไปล่ะ”
ญาธิดาชะงักนิ่งไป ยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรก็เห็นชายคนนั้นปิดประตูรถเสียงดัง “ปึง” ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขับออกไป
ญาธิดายังคงยืนอยู่ที่เดิม เธออดแปลกใจไม่ได้ ทำไมเธอรู้สึกว่าภวินท์ในตอนนี้แตกต่างไปจากเมื่อห้าปีก่อนมากเลย
ก่อนที่เธอจะคิดเรื่องนี้จนเข้าใจ จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังของเธอ ก่อนที่อีธานกับเอลล่าจะพุ่งเข้ามากอดขาเธอจากด้านหลัง
“คุณแม่ แม่ทำอะไรอยู่ครับ/คะ!”
ญาธิดาก้มหน้าลงมองพอเห็นเด็กน้อยทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยใบหน้าเล็ก ๆ แก้มชมพูระเรื่อแล้วหัวใจก็อ่อนระทวย จนต้องยื่นมือออกไปลูบศีรษะของพวกเขาพลางพูดเบา ๆ ว่า “ไม่มีอะไร แล้วเด็ก ๆ คุยกับคุณลุงผู้กำกับเป็นยังไงบ้างเอ่ย”
“คุณลุงใจดีมากเลย! พรุ่งนี้พวกเราก็จะเริ่มถ่ายรูปกันเป็นทางการแล้ว!”
“ใช่แล้ว ที่คุณลุงพูดพวกเราเข้าใจทั้งหมดเลย!”
ญาธิดาฟังแล้วก็ยิ้มตาม พลางก้มหน้าลงพูดกับพวกเขาว่า “เอาล่ะ ในเมื่อเตรียมพร้อมเสร็จหมดแล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรกลับบ้านกันได้แล้วนะ!”
“โอเคครับ/ค่ะ”
ญาธิดาจูงพวกเขาทั้งสองคนด้วยมือซ้ายชวาคนละฝั่ง พาเดินเข้าไปในเขตพื้นที่ถ่ายทำ หลังจากกล่าวทักทายทุกคนเรียบร้อยแล้วก็เก็บข้าวของเตรียมตัวกลับ
เมื่อเดินมาถึงประตูหน้าซาฟารีปาร์ค ญาธิดาอยากจะเรียกรถสักคัน แต่บริเวณใกล้ ๆ นี้ไม่มีรถอยู่เลย พวกเขารออยู่ริมถนนนานมากแต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นรถเลยสักคัน
เดิมทีเธอกับธีทัตตกลงกันไว้ดิบดีแล้วว่าช่วงที่อีธาน กับเอลล่ามีถ่ายงาน เขาจะจัดคนมาคอยรับส่งพวกเขา แต่เพราะเมื่อวานเธอกับธีทัตเกิดทะเลาะกันขึ้นมากะทันหัน เธอเลยเกรงใจที่จะบอกเขาเรื่องการถ่ายงาน
รอไปรอมา ผ่านไปเป็นเวลานานก็ไม่มีรถผ่านมาเลยสักคัน
เอลล่าเงยหน้าขึ้นถามเธอ “แม่คะ เกิดอะไรขึ้นหรอคะ”
ญาธิดารีบปลอบเสียงเบา “ไม่มีอะไรจ้ะ อีกเดี๋ยวรถก็มาแล้ว”
แม้ว่าปากจะพูดแบบนี้ แต่ในโทรศัพท์ของเธอกลับสักไม่มีรถคันไหนตอบรับเลยสักคัน ทำเอาญาธิดาเริ่มเป็นกังวลขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรรถดังขึ้นมาจากด้านหลัง ก่อนที่มายบัคสีดำคันหนึ่งจะแล่นเข้าจอดอยู่ข้างพวกเขา กระจกรถถูกเลื่อนลงเล็กน้อยเผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติของภวินท์โผล่ออกมา
“ขึ้นรถ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
เมื่อญาธิดาเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วแน่น
เมื่อกี้เขากลับออกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงโผล่มาตอนนี้ได้?
ริมฝีปากของเธอขยับเล็กน้อยอยากจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ เอลล่าจะแย่งเธอพูดขึ้นมาเสียก่อน “คุณอาสุดหล่อ!”
พูดจบก็ยกมือขึ้นโบกไม้โบกมือให้เขาสุดแรง
เมื่อภวินท์เห็นแบบนั้นรอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาผลักประตูลงจากรถแล้วโน้มตัวลงไปอุ้มเอลล่าเอาไว้
“อาไปส่งหนูกลับบ้านดีไหม?”
เอลล่าพยักหน้าโดยไม่ลังเล รอยยิ้มของเด็กน้อยทั้งหวานทั้งน่ารัก
ญาธิดายืนอยู่ที่เดิมอย่างตกตะลึงเล็กน้อย
เอลล่ากับภวินท์เคยเจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง ทำไมจู่ ๆ ถึงได้ตัวติดภวินท์มากขนาดนี้ล่ะ
อีธานที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของเธอ เลยดึงมือตัวเองที่กุมนิ้วมือของญาธิดาอยู่ เงยหน้าขึ้นมองพลางพูดว่า “แม่ครับ ถ้าแม่ไม่ชอบคุณอาคนนี้ ผมจะไล่เขาออกไปเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังแบบนี้ของอีธานแล้ว ญาธิดาก็อดยิ้มไม่ได้
เธอยกมือขึ้นลูบศีรษะของเขา แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ”
พอเงยหน้าขึ้นอีกทีก็พบว่าภวินท์ได้อุ้มเอลล่าขึ้นรถไปแล้ว ก่อนจะหันมามองเธอ รอให้เธอขึ้นไปด้วย
ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ เหลือบมองโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะยอมถอยให้เขาหนึ่งก้าว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...