ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 382

สำหรับเธอ ชยินก็เป็นแค่ลูกน้องคนหนึ่งเท่านั้น

“คุณหนู ผมรู้ครับ”

ชยินก้มศีรษะลงทำให้รอยแผลเป็นบนหน้าผากยิ่งชัดขึ้น เป็นรอยยาวลาดเอียงเหมือนกับตะขาบบิดเบี้ยว

นิวรากวาดสายตามองเขา เจตนานร้ายปรากฏขึ้นมาในใจ ก่อนที่เธอจะก้าวถอยหลังครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวแล้วพูดว่า “ชยิน นายเปลี่ยนทรงผมใหม่เถอะ รอยแผลเป็นบนหน้าผากของนายมันค่อนข้างน่ากลัว...”

ชยินได้ยินดังนั้น แสงมืดดำก็แวบเข้ามาในดวงตาของเขา ก่อนที่เขาจะสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าคุณหนูไม่ชอบ ผมก็จะเปลี่ยนครับ”

เมื่อนิวราได้ยินดังนั้น แววตาของเธอก็เริ่มพึงพอใจขึ้นมาเล็กน้อย กวาดสายตามองพื้นที่เล็ก ๆ คับแคบรอบตัวเขา ก่อนจะขมวดคิ้วพูดขึ้นว่า “นายพักอยู่ที่นี่เหรอ”

“อืม” ชยินพยักหน้า “ถ้าคุณหนูต้องการผมสามารถกลับไปอยู่ข้างคุณหนูได้ทุกเมื่อครับ”

“ตอนนี้ยังไม่ต้อง” นิวราตัดบทด้วยคำพูดสั้น ๆ “นายปิดบังตัวตนเอาไว้แบบนี้ดีที่สุดแล้ว”

คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดน่ากลัวที่สุดแล้ว ตอนนี้ชยินออกจากคุกแล้ว แต่ยังไม่มีใครรู้ว่าเขาออกจากคุกแล้ว ดังนั้นนี่คือเหตุผลหนึ่งที่ควรจะใช้งานเขา!

นิวรายื่นมือไปหยิบการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะวางไว้บนโต๊ะที่อยู่ข้าง ๆ “ในบัตรมีเงินอยู่ห้าแสน รหัสคือวันเกิดของฉัน นายเอาไปใช้ก่อน ไม่พอค่อยมาหาฉัน”

ชยินขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณหนู ผมไม่จำเป็นต้องใช้ของพวกนี้...”

นิวราพูดอย่างหมดความอดทน “บอกให้เอาไปก็เอาไปเถอะ”

พอถึงเวลาอะไรที่ต้องใช้เงินมีอีกเยอะแยะ แถมเขาก็เป็นคมมีดของเธอ ย่อมปฏิบัติกับเขาดีเสียหน่อย

เมื่อเห็นชยินขมวดคิ้วแน่น แววตาของนิวราก็เคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะยกมือขึ้นตบไหล่ชยินเบา ๆ น้ำเสียงของเธอก็อ่อนลงไปเล็กน้อย “ตอนนี้คนที่อยู่รอบตัวฉันก็เหลือแค่นายคนเดียวแล้ว ดังนั้นนายต้องดูแลตัวเองให้ดี เข้าใจไหม”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเพียงไม่นานเขาก็พยักหน้ารับอย่างแรง “ผมเข้าใจแล้วครับ คุณหนูวางใจเถอะครับ”

นิวราเห็นดังนั้นก็กระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ญาธิดากลับมาแล้ว พร้อมพาลูกกลับมาด้วยอีกสองคน งานแรกของนายตอนนี้คือไปสืบเรื่องของหล่อนมา!”

รู้เขารู้เรา แบบนี้ถึงจะสามารถรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง

ครั้งนี้ไม่ว่ายังไงเธอก็จะใจเย็นและอดทนให้ถึงที่สุด ต้องวางกับดักให้ดีเพื่อจับปลาตัวใหญ่ ถึงเวลานั้นเธอก็จะกำจัดทั้งญาธิดากับลูกทั้งสองคนของหล่อนไปพร้อมกันเลย!

อีกด้านหนึ่ง

มายบัคสีดำกำลังขับผ่านเขตเมือง และกำลังจะมุ่งหน้าไปทางแกรนด์ บูเลอวาร์ด ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ โทรศัพท์ของญาธิดาก็ดังขึ้น

เมื่อเห็นชื่อของ "อันอัน" ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ เธอก็รีบกดรับสายทันทีโดยไม่มีท่าทีลังเลเลย

“ฮัลโหล อันอัน”

เสียงของอัญมณีดังมาจากปลายสาย “ธิดา เสร็จงานหรือยัง? อีธานกับเอลล่าล่ะ? ทำงานหนักวันแรกรู้สึกยังไงบ้าง?”

ญาธิดายิ้ม ๆ พลางเหลือบมองเด็กน้อยผู้แสนเชื่อฟังทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ พลางกระซิบเบา ๆ ว่า “เชื่อฟังมาก พรุ่งนี้ก็จะเริ่มถ่ายงานอย่างเป็นทางการแล้ว”

“ดีจังเลย พวกเธออยู่ที่ไหน? พวกเราไปกินเนื้อย่างกันเถอะเดี่ยวฉันเลี้ยงเอง!”

พอได้ยินแบบนั้นญาธิดาก็ตกใจเล็กน้อย เหลือบมองภวินท์ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง และพายุที่นั่งอยู่ด้านหน้า ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปว่ายังไงดี

ถ้าบอกเธอว่าตอนนี้อยู่บนรถของภวินท์ เกรงว่าปลายสายจะต้องตกใจจนกรีดร้องออกมาแน่ ๆ

เมื่ออัญมณีที่อยู่ปลายสายเห็นว่าทางนี้เงียบไปไม่ส่งยอมส่งเสียงกลับ เธอก็รีบพูดต่อทันที “หือ? ทำไมเหรอ? อย่าบอกนะว่าพวกเธอไม่มีเวลา! เมื่อกี้ฉันโทรไปถามพี่โอ๊ตแล้ว เขาบอกว่าพวกเธอเลิกงานตั้งแต่ห้าโมงครึ่งแล้ว”

ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลืนน้ำลายลงคอ แล้วถามว่า “ตอนนี้เธออยู่ไหน”

“อยู่ที่Starlight Venueที่ใจกลางเมือง”

ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “โอเค ถ้าอย่างนั้นเธอส่งตำแหน่งมาให้ฉัน แล้วเดี๋ยวพวกเราจะไปหาเธอ”

หลังจากวางสายยังไม่ทันได้เก็บโทรศัพท์เธอก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่กำลังร้อนใจคู่หนึ่งจับจ้องมาที่เธอ เธอเหลือบตาขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว แล้วก็สบสายตาเข้ากับดวงตาสีดำสนิทของภวินท์เข้าพอดี

ชายหนุ่มขยับริมฝีปากบางพูดถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณจะไปไหน?”

ญาธิดาขยับริมฝีปาก หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีสายตาของเธอก็เหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวจอดรถข้างหน้านี่แหละ ฉันจะพาพวกเขาไปหาอันอันที่Starlight Venue”

เมื่อภวินท์ได้ยินดังนั้น พอได้ยินว่าจะไปหาอัญมณี คิ้วของเขาที่ขมวดพันกันแน่นก็ค่อย ๆ คลายลงอย่างช้า ๆ

เขาหันไปมองพายุที่อยู่ด้านหน้าก่อนจะเอ่ยปากออกคำสั่ง “กลับรถตรงทางแยกด้านหน้าไปที่Starlight Venue”

พายุตอบรับทันที “ครับ”

ญาธิดาอึ้งไปครู่หนึ่ง เธอกำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่ใครจะรู้ว่าพายุจะเลี้ยวกลับรถแล้วเรียบร้อย เธอจึงทำได้เพียงกลืนคำพูดของเธอกลับลงไปในลำคอตามเดิม

ภวินท์ไม่เคยให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธเลยสักนิด

ช่างเถอะ

“แม่ครับ พวกเราจะไปไหนครับ” อีธานเงยหน้าขึ้นถามพลางกะพริบตาปริบ ๆ

ญาธิดายิ้มแล้วตอบอย่างแผ่วเบาว่า “พวกเราจะไปหาคุณน้าอันอันกันไงครับ!”

พออีธานได้ยินแบบนั้นก็ตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที “ดีจังเลย!”

เอลล่าเอียงศีรษะมองญาธิดาแล้วเอ่ยถามอย่างน่าเอ็นดู “คุณอาสุดหล่อก็จะไปกับพวกเราด้วยใช่ไหมคะ”

ญาธิดาได้ยินแบบนั้นก็จุกที่ลำคอ ไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับยังไงดี

เมื่อเอลล่าเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรก็หันไปมองทางภวินท์แทน ก่อนจะเอื้อมมือเล็ก ๆ ไปจับแขนเสื้อของเขา “คุณอาสุดหล่อจะไปกับพวกเราด้วยไหมคะ”

ภวินท์ได้ยินแบบนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองญาธิดา ก่อนจะอมยิ้มสายตาจ้องไปที่เธอแล้วพูดตอบไปว่า “ต้องถามแม่ของหนูแล้วล่ะว่าจะยอมหรือเปล่า”

ทันทีที่เขาพูดจบ เอลล่าก็หันมามองเธอด้วยสายตาอ้อนวอนและพูดว่า “แม่คะ พาคุณอาสุดหล่อไปด้วยกันเถอะนะ”

ตอนนี้ญาธิดาถึงกับคำพูดจุกอกพูดอะไรไม่ออก

คิดไม่ถึงว่าภวินท์จะเจ้าเล่ห์ถึงขนาดจงใจโยนคำถามให้เอลล่า แล้วเอลล่าเอ่ยปากออกมาแบบนี้ คนเป็นแม่อย่างเธอจะปฏิเสธได้ยังไงล่ะ?

ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ กัดฟันแน่น ละสายตาจากแววตาน่าสงสารของเอลล่า และพูดตัดบทอย่างโหดเหี้ยมว่า “เอลล่า แม่ตัดสินใจไม่ได้หรอกนะ เพราะคุณน้าเป็นคนเลี้ยง ถ้าหนูอยากทานอาหารกับคุณอาสุดหล่อล่ะก็เอาไว้คราวหน้านะคะ”

แววตาของเอลล่าดูผิดหวังเล็กน้อย “ก็ได้ค่ะ”

ขณะที่คุยกันอยู่นั้นรถก็แล่นมาถึงที่Starlight Venueพอดี ก่อนจะเทียบจอดริมถนนอย่างช้า ๆ ญาธิดาผลักประตูลงจากรถ ก่อนจะอุ้มอีธานเอลล่าลงมาจากรถด้วย พลางมองภวินท์ที่นั่งอยู่ในรถแล้วพูดว่า “วันนี้ขอบคุณ...”

พูดยังไม่ทันจบ เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางด้านหลัง “ธิดา!”

อัญมณีรีบพุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนจะคล้องแขนของญาธิดาไว้ พอเธอทรงตัวได้ และได้มองเห็นคนที่อยู่ในรถชัด ๆ แล้วเธอก็ตกตะลึงในทันใด และได้แต่อ้าปากค้างตัวแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น

ภวินท์เหลือบมองหล่อนก่อนจะหันไปมองญาธิดา แล้วพูดด้วยเสียงนิ่ง ๆ ว่า “ถ้าอยากจะขอบคุณฉันจริง ๆ ก็ถ่ายทำโฆษณาออกมาให้ดีก็แล้วกัน”

เมื่อญาธิดาได้ยินดังนั้น เธอก็ชักมุมปากยิ้มอย่างไม่เต็มใจนัก ขณะที่กำลังจะลากอัญมณีออกไป ตอนนี้ถึงได้สังเกตเห็นว่าพายุที่นั่งอยู่ด้านหน้ากำลังหันมองมาทางพวกเธออยู่

สายตาของพายุมองผ่านเธอไป และมองตรงไปที่อัญมณีที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทั้งสองสบตากัน แววตาของทั้งคู่ดูซับซ้อนและยากจะอธิบายได้

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ อัญมณีก็ละสายตาจากเขา สีหน้าของเธอดูจริงจังขึ้นมาก ก่อนจะลากญาธิดาหันไปอีกทาง “ไปเถอะ”

เมื่อรู้สึกได้ถึงบรรยากาศน่าอึดอัด ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะรีบปิดประตูรถ แล้วลากอีธานกับเอลล่าเดินตามอัญมณีไปทันที

“แม่ครับ คุณน้าเป็นอะไรไปครับ”

“ใช่ ทำไมจู่ ๆ ก็ดูหน้าบึ้งเลยคะ”

“…”

เมื่อได้ฟังคำถามของเด็กน้อยทั้งสอง ญาธิดาก็เงยหน้ามองแผ่นหลังของอัญมณีที่อยู่เบื้องหน้าพลางครุ่นคิดในใจ

หรือว่าอัญมณียังรู้สึกอะไรกับพายุอยู่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์