พอญาธิดาได้ยิน จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย และไม่ได้พูดกล่าวสิ่งใดอยู่นาน
คิรินเลิกคิ้วให้เธอ พร้อมทั้งยิ้มพลันพูด “คุณวางใจเถอะ ผมต้องจ่ายเงินเดือนให้คุณอย่างดีที่สุดแน่”
“เกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ” ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันอยู่ในประเทศไม่นานค่ะ เดือนหน้าก็น่าจะบินกลับแล้ว”
เธอพูด พร้อมทั้งเงยหน้ามองคิริน กลับมองเห็นแววตาของเขาฉายความผิดหวังออกมาเล็กน้อย
ทั้งสองคนสบตา ต่างไม่มีใครพูดอะไรออกมา
คิรินเงียบงันอยู่นาน พร้อมทั้งก้มหน้า จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้น “เพราะว่าภวินท์เหรอครับ?”
เมื่อญาธิดาได้ยินชื่อนี้เข้าหู หัวใจเธอหม่นหมองลงทันที พร้อมทั้งพยักหน้ารับ
คิรินเห็นเหตุการณ์นั้น สีหน้าเคร่งขรึมหนักมากขึ้น “ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วย รีบพูดมาได้เลยนะครับ
ญาธิดาได้ยิน หัวใจอบอุ่นขึ้นทันที พร้อมทั้งพยักหน้าให้เขา
ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่สักพัก ราวกับเยื่อบางๆที่คอยกั้นกลางทุกอย่างมันมลายหายไปแล้ว พร้อมทั้งคุยถึงเรื่องสัพเพเหระอย่างไม่ได้นัดหมาย พูดคุยกันจนกินเวลาชั่วโมงกว่า
จนได้เวลาพอประมาณแล้ว ญาธิดาถึงได้เอ่ยปากว่าต้องกลับแล้ว
ทั้งสองคนเดินตามหลังกันมา และออกจากห้องรับรอง จากนั้นก็เดินก้าวเท้ามุ่งหน้าออกไปด้านนอก
“งั้นก็รอให้คุณกลายเป็นนักแสดงชายยอดเยี่ยม ก็อย่าลืมฉันแล้วกันค่ะ”
“แน่นอนสิ ถึงตอนนั้นคุณอย่ามานั่งเสียใจทีหลังนะที่ไม่ได้เป็นผู้จัดการของผมอะ!”
“……”
ทั้งสองคนพูดหยอกล้อต่อกระซิกกันไปมา จังหวะที่กำลังเดินผ่านปากทางบันไดตรงทางเดินนั้น ใครจะรู้ว่าคนที่เดินเข้าดักหน้าต้อนรับกลายเป็นคนตัวสูงรูปร่างใหญ่สองคน
ญาธิดาเหลือบมองอย่างไม่ตั้งใจ ตอนเห็นใบหน้าคนนั้นอย่างชัดเจน ฝีเท้าถึงกับค้างเติ่งทันที
โลกกลมจริงๆ เธอดันมาพบเจอภวินท์กับหลุยส์ในสถานที่แบบนี้!
พวกเขาสี่คนทำเหมือนนัดกันไว้แล้ว เพราะหยุดฝีเท้าลงทันที พร้อมทั้งเงยหน้ามองอีกฝ่าย
ญาธิดาถลำมองในดวงตาอันดับขลับคู่นั้นของภวินท์ จนรู้สึกหัวใจยุ่งเหยิงอย่างไม่รู้ตัว
นัยน์ตาชายหนุ่มราวกับใบมีดอันแหลมคมที่ห่อหุ้มไว้เสร็จสรรพ พร้อมทั้งกวาดตามองคิรินกับญาธิดา จนทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เวลานั้นเอง บรรยากาศช่างน่าเคอะเขินจนข้ามขั้นน่าสะพรึงกลัว
คนที่เริ่มเคลื่อนไหวก่อน ก็คือ คิริน
เขาถอนสายตากลับอย่างไร้ความรู้สึก พร้อมทั้งเอื้อมมือออกไปคว้าหัวไหล่ของญาธิดาเอาไว้ พลางเขยิบกระซิบข้างหูของเธอ น้ำเสียงดูคลุมเครือแถมยังซักถามอย่างเป็นธรรมชาติมาก “คืนนี้อยากกินอะไร ผมจะพาคุณไปกิน หือ?”
ญาธิดาตั้งสติได้ จังหวะที่กำลังร้อนอกร้อนใจดึงสติกลับมานั้น จึงหันเหลือบมองคิริน พอเธอหันกลับหลังไป ก็ยิ่งทำให้ระยะห่างของคนสองคนเขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น ใกล้ขนาดที่ว่าไม่ว่าใครก็สามารถเชิดปลายคางและจูบได้ทันที
แต่ที่น่าแปลกก็คือ ญาธิดาไม่ได้หลบเลี่ยง แต่ในทางกลับกันกับปลุกระดมพลังงานขึ้นมา พร้อมทั้งยกมุมปากยิ้มและพูด ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและเป็นคำตอบที่น่าฟัง “คุณตัดสินใจได้เลย”
ภวินท์ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกัน กลับมองความสนิทชิดเชื้อของทั้งสองคนด้วยสายตาเย็นชา กองไฟโกรธเคืองที่อัดแน่นในหัวใจมันพุ่งออกมาด้านนอกทันที และแผดเผาสติสัมปชัญญะของเขาในเวลาเดียวกัน
ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย ว่าจู่ๆ ญาธิดาเปลี่ยนเป็นคนปล่อยเนื้อปล่อยตัวขนาดนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ทั้งที่มีครอบครัว มีสามี มีลูกอยู่แล้ว แต่ก็ยังกล้าหาญชาญชัยที่จะให้ท่าดาราชายขนาดนี้ นี่เธอช่างมีเทคนิคดีจริงๆ!
จังหวะที่เขาใกล้จะเก็บอาการหุนหันพลันแล่นไว้ไม่อยู่นั้น จู่ๆ ทางด้านข้างก็ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา และตบหัวไหล่เขาเล็กน้อย “คุณภวินท์ ห้องรับรองอยู่ทางนั้น”
เขาตั้งสติได้ และเหลือบสายตาไปมองหลุยส์ที่อยู่ทางด้านข้าง สติสัมปะชัญญะค่อยฟื้นคืนกลับมาอยู่บ้าง
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก้าวฝีเท้าตามหลังคิรินเดินผ่านทางด้านข้างและลงบันได
กระทั่งเดินออกจากร้าน ญาธิดาถึงรับรู้ว่าอาการกดดันค่อยๆ ผ่อนคลายลงเยอะ
เธอขึ้นรถ และเงียบงันอยู่นาน จู่ๆ ก็คิดอะไรขึ้นมาได้ พลางเหลือบมองคิรินที่อยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งเอ่ยปากซักถามทันที “เมื่อกี้คุณทำแบบนั้นทำไมคะ?”
คิรินยิ้มให้ พร้อมทั้งขยิบตาให้เธอ “คุณว่าไงล่ะ?”
จู่ๆ หัวใจญาธิดาเกิดความรู้สึกโกรธเคืองมันตีขึ้นมาทันที “ทั้งๆ ที่คุณรู้อยู่เต็มอกว่าฉันมีครอบครัวแล้ว คุณทำแบบนี้ คือตั้งใจให้เขาเข้าใจผิดใช่มั้ย?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...