คิรินเชิดปลายคางขึ้น จนมีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า ส่งเสียงพึมพำ “แหงแหละ? คุณนึกว่าใครเหรอครับ?”
ญาธิดาตะลึงเล็กน้อย หลังจากนั้นสักพัก เธอหันหัวเหลือบมองรถยนต์ของตนเองที่อยู่นอกหน้าต่าง ในหัวสมองกลับฉายความสงสัยขึ้นมา
เธอไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมีพรหมลิขิตได้ขนาดนี้ อยู่ใกล้แค่เอื้อมก็ยังไม่เจอหน้า แต่กลับมาเจอหน้ากันในตรอกซอกซอยแคบๆ เนี่ยนะ
“รถยนต์เมื่อกี้นี้...”
คิรินได้ยิน จึงยิ้มให้ จนนัยน์ตาฉายความเจ้าเล่ห์ พร้อมทั้งขยิบตาให้เธอ “วางใจเถอะ ผมไม่ต้องการให้คุณชดใช้เงินคืนหรอกน่า!”
เขาพูด และหันหัวกลับ มองไปที่บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่นอกประตูรถ สั่งว่า “คุณขับรถยนต์ของเธอส่งไปซ่อมรอยขีดข่วนที่ร้าน 4s ที”
พอบอดี้การ์ดได้ยิน จึงพยักหน้ารับทราบทันที พลางเอื้อมมือออกไปดึงบานประตูปิดลง
ถัดจากนั้น คนขับรถที่นั่งอยู่ด้านหน้าคล้ายกับได้รับคำสั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงสตาร์ทรถยนต์ เคลื่อนรถยนต์มุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้าทันที
ญาธิดาคาดไม่ถึงเลย เธอหันไปมองคิริน และถามด้วยความรู้สึกงุนงง “นี่คุณกำลังพาฉันไปไหน?”
“ไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายปีแล้ว ย่อมระลึกความหลังสักหน่อย”
คิรินยกมุมปากยิ้มให้เธอ นัยน์ตาปรากฏความรู้สึกอันคลุมเครือไม่ชัดเจน
ไม่รู้เพราะว่าเหตุใด นอกจากญาธิดาจะรู้สึกหวั่นวิตกที่เพิ่มมากขึ้นแล้ว เวลาที่ห่างมาตั้งห้าปี ไม่คิดเลยว่าคนอย่างคิรินระดับนี้ยังจดจำเธอได้
เมื่อเห็นว่ารถยนต์ขับเคลื่อนไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว หัวใจญาธิดาตื่นตระหนกขึ้นมาบ้าง “คิริน นี่คุณบ้าหรือเปล่า ถ้าบรรดาแฟนคลับคุณเห็นเข้า พวกเขาจะฉีกฉันเป็นชิ้นๆ มั้ยเนี่ย?”
คิรินกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลย หันไปยิ้มให้เธอ “วางใจเถอะ ผมจะพาคุณไปที่สงบๆเลย ”
เมื่อญาธิดาเหลือบมองลักษณะท่าทางเช่นนี้ตามคำที่เขาพูดออกมา ญาธิดาตัวสั่นขึ้น จนบริเวณแขนขนลุก
คำพูดคำนี้ ทำไมเธอฟังดูแล้วถึงได้รู้สึกคิดไม่ซื่อแบบนั้นนะ?
ไม่นานนัก รถยนต์ขับออกจากตรอก และเคลื่อนตัวทะยานเข้าสู่ทางหลัก ญาธิดารู้ดีว่าถ้าเธอตอนนี้ร้องไห้โวยวายต้องการลงจากรถมันก็สายเกินไปแล้ว หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลงได้
คิรินที่อยู่ด้านข้างเห็นสภาพนั้นแล้ว แต่รู้สึกแปลกประหลาดอยู่บ้าง เขาเอนตัวพิงเบาะหลัง จับจ้องมองใบหน้าด้านข้างอันงดงามของหญิงสาว และหรี่ตาลงเล็กน้อย “หลายปีที่ผ่านมา คุณเปลี่ยนไปไม่น้อยเลยนะครับ”
เมื่อเปรียบเทียบกับสาวน้อยที่ดื้อรั้นคนก่อน ซึ่งญาธิดาในตอนนี้ ช่างสง่างามและภูมิฐานมากขึ้น มีความเป็นผู้หญิงเต็มตัวมากขึ้น
ญาธิดาหันหัว ก็เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง ใช้น้ำเสียงตามปกติในการตอบกลับ “คุณก็เหมือนกันนะ”
คิรินเคยเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและดังอย่างไร้ที่ติมาก่อน แค่ใบหน้าหล่อๆก็สามารถดึงดูดสาวน้อยนับหมื่นนับพัน ซึ่งในเวลานี้เขากลายเป็นนักแสดงทรงพลังที่ประสบผลสำเร็จ แม้ว่าสไตล์จะเปลี่ยนไป แต่หน้าตาของเขา กลับไม่มีร่องรอยของอายุที่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาสักนิด
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จู่ๆ ก็เขยิบเข้ามาเรื่อยๆ มองแก้มของชายหนุ่ม จนอดออกปากถามไม่ได้ “วันนี้คุณใช้ครีมรองพื้นยี่ห้ออะไรคะ? ดูผิวดีมากๆ เลย”
ผิวพรรณผุดผ่องเนียนละเอียด ดูดีกว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เสียอีก
พอคิรินได้ยิน ดวงตาฉายความภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย พลันยกมุมปากและเอ่ยขึ้น “นี่มันเป็นผิวที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดเลยนะครับ”
จังหวะที่เห็นญาธิดากลอกตามองบนนั้น เขาทั้งยิ้มและพูดสบทบอีกประโยค “แน่นอนว่า ก็ต้องดูแลบำรุงตามปกติ และย่อมไปบำรุงผิวพรรณที่ศูนย์ความงามอยู่บ่อยครั้ง ถ้าคุณอยากรู้ว่าร้านไหน ก็พูดชมผมหน่อยสิ เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะพาคุณไปด้วยกัน”
ญาธิดาแสยะยิ้ม พลางตอบปัดทันที “ช่างเถอะ”
ถ้าเธอชมเขาต่อ เกรงว่าคิรินคงจะลอยขึ้นฟ้าแล้วมั้ง
ทั้งสองคนพูดคุยต่อปากต่อคำไม่หยุด ตลอดทาง ภายในตัวรถไม่มีความเงียบงันเลย
ไม่นานนัก รถยนต์ก็มาถึงถนนเปลี่ยวเส้นหนึ่ง และจอดอยู่ด้านหน้าตึกเล็กๆ มีขนาดสามชั้นสีเทาปนสีฟ้าหลังหนึ่ง ป้ายประตูที่อยู่เหนือมีลักษณะสไตล์แบบค่อนข้างโบราณคร่ำครึ แถมยังทาด้วยขอบทอง สไตล์หรูหราวิจิตรบรรจง
ญาธิดาไม่คิดเลยว่าสถานที่เปลี่ยวขนาดนี้จะมีภัตตาคารที่สวยวิจิตรขนาดนี้ด้วย เธอเปิดประตูและลงจากรถ ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ก็ถูกคิรินที่อยู่ด้านข้างคว้าเสื้อ ดึงเธอเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อเดินเข้าไป การตกแต่งภายในยิ่งวิจิตรบรรจงมากขึ้น ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องรับรองที่อยู่ชั้นสามพร้อมกับคิริน โดยเดินผ่านฉากกั้น เดินไปนั่งลงยังโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...