สีหน้าคุณบิ๊กเคร่งขรึมขึ้นมาก พร้อมทั้งพูดทันควัน “ธิดา คุณอย่าเพิ่งโกรธผม ผมต้องให้คำอธิบายกับคุณและเอลล่าได้อย่างแน่นอน!”
ญาธิดาได้ยิน หัวใจบีบรัดอยู่สักพัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และส่ายหน้าให้คุณบิ๊ก และไม่พูดอะไรสักประโยคออกมาสักคำ
เธอหันหลังให้ และเดินมาหยุดทางด้านข้าง พร้อมทั้งอุ้มอีธาน ขึ้นมา และคอยเหลือบมองเวลาที่ปรากฏขึ้นด้านหน้าห้องฉุกเฉิน ราวกับหัวใจมันจุกอยู่ที่คอ จนรู้สึกไม่สบายใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย
ถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเอลล่าจริง เธอต้องโทษตัวเองไปจนวันตายแน่!
แต่ตอนนี้สิ่งที่เธอทำได้นั้น ก็คือการรอคอย
ซึ่งไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหนแล้ว จนมีเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งเข้ามาเรื่อย จากนั้นตามมาติดๆ ทางคุณบิ๊กกับพนักงานที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มส่งเสียงอื้ออึง
ญาธิดาไม่ได้หันหลังกลับไปมองดู แต่กลับได้ยินเสียงดังมาจากกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลัง “คุณภวินท์”
พริบตาเดียว เสียงสุขุมทุ้มต่ำก็ดังขึ้นด้านหลังเธอ “ญาธิดา”
ญาธิดาได้ยินแต่ไร้การเคลื่อนไหวใดๆ ดวงตาทั้งสองข้างยังคงจับจ้องบานประตูห้องฉุกเฉินบานนั้นไว้
ภวินท์ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมทั้งคอยมองลักษณะท่าทางแบบนี้ของเธอเอาไว้ จนเกิดความรู้สึกกดดันเพิ่มมากขึ้นในหัวใจอย่างไม่รู้ตัว
มือของเขาที่วางอยู่ข้างลำตัวค่อยๆ กำแน่นขึ้น หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ก้าวเท้าหันหลังกลับมา และเดินปรี่เข้าหาคุณบิ๊กทันที “คุณตามผมมา”
หลังจากพูดทิ้งประโยคนี้ไว้ เขาไม่พูดไม่จา และเดินตรงไปยังปากทางเดินหนีไฟที่ไม่มีคนซึ่งอยู่ทางด้านข้างด้วยสีหน้าแววตาเย็นชา
คุณบิ๊กเกิดความรู้สึกหวั่นวิตกเพิ่มมากขึ้น แล้วก้าวเท้าเดินตามไป พร้อมทั้งเอ่ยปากถามไถ่ทันที “คุณภวินท์ คุณ...”
เขายังไม่ทันพูดออกจากปาก จู่ๆ ภวินท์ก็หันหลัง พลางกำหมัดราวกับหัวค้อนคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ ถัดจากนั้น ตัวของคุณบิ๊กก็ถูกเรียวแรงบางอย่างผลักติดกำแพง
สีหน้าอันตกใจของเขาซีดโพลนทันที “คุณ..คุณภวินท์!”
เสียงของภวินท์เคลื่อนไหวอยู่ตรงลำคอ พร้อมทั้งติดความโกรธเคืองและหม่นหมองมาด้วย “ก่อนหน้านี้ผมฝากอะไรคุณไว้ยังไง!”
คุณบิ๊กตกใจจนพูดพล่าม ตอบกลับมาทันควัน “ต้องดูแลครอบครัว...ครอบครัวสามคนไว้ให้ดี...”
“แต่สภาพคุณในตอนนี้ล่ะ?” เสียงภวินท์ราวกับเค้นออกมาจากไรฟัน “คุณทำได้หรือยัง!”
เขาปล่อยมือออกด้วยความโกรธแค้นอย่างหนัก และถอยออกหนึ่งก้าว สายตาเย็นชาจ้องมองคุณบิ๊ก
คุณบิ๊กเจ็บปวดหัวใจรวดร้าว สูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดตอกกลับทันควัน “อุปกรณ์ประกอบฉากที่ได้เตรียมการไว้ดีแล้ว ผมเองก็ไม่คิดว่าจะไม่ได้มีการตรวจสอบก่อน ...อีกอย่างสัตว์ของเราก็ได้รับการฝึกฝนจนเชื่อง ซึ่งปกติไม่มีทางทำร้ายคนอื่น ใครก็ไม่คิดว่า...”
ภวินท์ยกมือขึ้น พร้อมทั้งต่อยผนังกำแพงอย่างจัง “ไม่ต้องมาอ้าง!”
โดยไม่สนใจมันเกิดปัญหาตรงจุดไหนก็ตาม การที่เอลล่าถูกงูกัดในตอนนี้มันเป็นความรับผิดชอบของเขา!
เวลานั้นเอง จู่ๆ พายุก็เร่งฝีเท้าปลีกตัวมา เดินมาหยุดด้านข้างของภวินท์ พร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบ “ท่านประธานครับ ผ่าตัดเสร็จแล้ว”
พอภวินท์ได้ยิน แววตาเปล่งประกายทันที พร้อมทั้งกวาดตามองคุณบิ๊กอย่างเย็นชา และก้าวเท้ามุ่งหน้าเดินไปทางด้านนอก
เมื่อเดินออกมาจากทางหนีไฟนั้น เขาก็มองเห็นร่างกายเล็กๆ นั้นกำลังนอนอยู่บนเตียงคนป่วย
ญาธิดาจูงมืออีธานเดินนำหน้าเข้าไปหาทันควัน พร้อมทั้งเอ่ยปากสอบถามคุณหมอ “คุณหมอคะ อาการเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วครับ แม้ว่าแผลจะลึกมาก แต่สิ่งที่ถือว่าโชคดีที่สุดก็คือ งูตัวนั้นไม่มีพิษ ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่น่าตกอกตกใจแต่มันกลับหักมุมถึงอย่างไรก็ปลอดภัยแล้วครับ แต่เด็กอายุยังน้อยมาก อาจจะตกใจอยู่ไม่น้อย รอจนเธอตื่นขึ้นมา พ่อกับแม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนเธอเยอะๆ หน่อยนะครับ”
เมื่อได้ยินคุณหมอพูดออกมาแบบนี้ หัวใจที่จุกอยู่ที่คอของญาธิดาก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลงไปเยอะ เธอพูดขอบคุณทันที จากนั้นก็มีพยาบาลพาตัวเอลล่าเข้าห้องพักผู้ป่วย
เมื่อเข้าสู่ห้องพัก พยาบาลได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้จนเป็นที่เรียบร้อย จึงออกจากห้อง ญาธิดายืนอยู่ข้างเตียง พร้อมทั้งมองใบหน้าเล็กๆ ที่หน้าขาวซีดเผือดราวกับกระดาษที่นอนอยู่บนเตียงอย่างน่าสงสาร จนรู้สึกหัวใจเจ็บปวดรวดร้าวอย่างไม่รู้ตัวขึ้นมาทันที
หลายปีมานี้ คอยดูแลประคบประหงมอีธานเอลล่าจนเติบใหญ่ เธอในฐานะคนเป็นแม่ ทำทุกอย่างเต็มที่ แม้ว่าเด็กๆ จะเดินชนนู้นนี้ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากแก่การหลีกเลี่ยงได้ แต่ครั้งนี้เอลล่าถูกงูกัด ซึ่งเป็นเรื่องราวมันหนักอยู่บ้างจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...