คำพูดประโยคเดียวของหัวหน้าคีน แต่ปลุกทุกคนให้ตื่นตัวอย่างฉับพลัน หลังจากที่บรรยากาศตกอยู่ท่ามกลางความสงบเงียบ จู่ๆ ขวัญก็ชูมือขึ้น พร้อมทั้งเอามือตบศีรษะตนเอง “ใช่สิ คุณบิ๊กให้ฉันถ่ายคลิปสั้นๆ เอาไว้ ฉันก็ถ่ายนู่นถ่ายนี้ในกองถ่ายอยู่ตลอด ฉันจำได้เหมือนว่าฉันจะถ่ายพนักงานพาร์ทไทม์เอาไว้ด้วย!”
เธอพูด พร้อมทั้งควานหาโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋า เพื่อเปิดค้นหาคลิป และเริ่มไล่เปิดดูทันที
ญาธิดาคอยมองอยู่ทางด้านข้าง จนเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ซึ่งในเวลานี้ ความหวังทุกอย่างของเธอ ต่างฝากฝังไว้กับในคลิปนี่แหละ
ขวัญเปิดดูอยู่นาน จู่ๆ ก็เอ่ยปากพูดอย่างตื่นเต้น “ “หัวหน้าคีน คุณช่วยดูหน่อยว่านี่คือเรย์ใช่มั้ยคะ!”
พอหัวหน้าคีนได้ยิน จึงเดินเข้ามาหาทันควัน พลางเหลือบมองหน้าจอแวบหนึ่ง ก็รีบพยักหน้าทันที “เหมือนว่าจะเป็นเขานะ!”
ญาธิดารีบมองดูทันทีขวัญหยิบโทรศัพท์ขึ้นและเริ่มกดเปิดบันทึกวิดีโอ ภายในคลิป ทางด้านหลังมีเงาของผู้ชายคนหนึ่งแวบเข้ามา เขาใส่ชุดฟอร์มสีฟ้าเข้ม ใส่หมวก และกำลังเดินผละออกจากทางด้านข้างกรงพอดี!
สัญชาตญาณของผู้หญิงบอกกับเธอทันที ว่าคนที่เป็นคนเล่นตุกติกกับกรงต้องเป็นผู้ชายคนนี้แน่!
เธอหยิบโทรศัพท์ที่อยู่ในมือของขวัญมา พร้อมทั้งมองแล้วมองอีก จู่ๆ ก็เห็นตัวคนที่ดูคุ้นตามากฉายแวบขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งเหมือน...เคยเจอกันที่ไหนมาก่อน
เธอกัดฟัน พร้อมทั้งเปิดคลิปวนซ้ำหลายรอบ และคอยจ้องมองลักษณะท่าทางของตัวผู้ชายคนนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังคิดไม่ออก
ตอนที่เธออยากจะตัดความคิดนั้นทิ้งไป จู่ๆ ในหัวสมองก็เกิดแสงประกายขึ้น ภาพนั้นก็ปรากฏขึ้นมาทันควัน
เมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายที่เป็นคนคอยบงการให้มอเตอร์ไซค์ขับรถมาชนเธอ ก็มีรูปร่างในลักษณะนี้ การเดินเหินท่วงท่าแบบนี้...
ชยิน!
ชื่อนี้มันปรากฏอยู่ในหัวสมองของเธอ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ร่างกายแข็งทื่อทันที และไร้การขยับเขยื้อนอยู่นาน
ขวัญที่อยู่ด้านข้างเห็นสภาพนั้นแล้ว ก็ตกใจตาม จึงรีบเอ่ยปากสอบถามทันควัน “คุณญาธิดาคะ คุณเป็นอะไรไปหรือเปล่าคะ!”
เธอเรียกญาธิดาซ้ำอยู่หลายหน จนญาธิดาถึงได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ญาธิดาตั้งสติกลับมา พร้อมทั้งส่ายหน้าให้ขวัญ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดเสียงเบา “ฉันไม่เป็นไรค่ะ...”
เธอพูด พร้อมทั้งแหงนหน้าเหลือบมองภวินท์ที่อยู่ทางด้านข้าง แม้ว่าจะไร้เรี่ยวแรง แต่น้ำเสียงเข้มงวดมาก “คุณออกมากับฉันสักหน่อยค่ะ...”
พอภวินท์ได้ยิน จึงเม้มริมฝีปากเป็นเส้นขีด สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินตามหลังเธอไป
ทั้งสองคนเดินออกไปยังด้านนอกคนหนึ่งนำหน้าคนหนึ่งเดินตามหลัง สุดท้าย ญาธิดาก็หยุดตรงสุดปลายทางเดิน เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ความรู้สึกต่างๆ นานามันมาผสมปนเป จนกลายเป็นความรู้สึกสับสน
ภวินท์เอ่ยปากถามอย่างอดทน “มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
ญาธิดากัดฟัน พร้อมทั้งเรียกความกล้าหาญในการถามกลับ “คุณยังจำชยินได้มั้ย?”
เมื่อเอ่ยถึง ดวงตาภวินท์ฉายแววตาหม่นหมองออกมาอย่างรวดเร็วจนจับสังเกตไม่ได้ แต่รวดเร็วมาก เขาดึงสติกลับมา พร้อมทั้งพยักหน้าเล็กน้อย “จำได้”
เมื่อห้าปีก่อน ผู้ชายคนที่ถูกเขาส่งเข้าคุกกับมือ ทำไมเขาจะจำไม่ได้ล่ะ?
ญาธิดาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมทั้งยื่นส่งให้เขา “ดูนี่ เหมือนจะเป็นเขานะ”
ภวินท์รับโทรศัพท์มา พร้อมทั้งกดเปิดวิดีโอ และดูวนซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ จนหัวคิ้วขมวดหนักข้อขึ้นเรื่อย
หลังจากนั้นสักพัก ในที่สุดเขาก็เงยหน้าขึ้น และมองญาธิดา พร้อมทั้งพูดเน้นย้ำทุกถ้อยคำ “ชยินยังอยู่ในคุก ไม่น่าจะใช่เขา”
เมื่อญาธิดาได้ยิน สีหน้าหม่นหมองเล็กน้อย พร้อมทั้งเหลือบมองเขาอย่างแปลกใจ พร้อมทั้งเอ่ยปากถาม “คุณรู้ได้ยังไงว่าไม่ใช่เขา?”
เบ้าตาหญิงสาวแดงก่ำ และยังหลงเหลือคราบน้ำตาติดอยู่บนใบหน้า แววตาฉายความเหนื่อยล้าเพิ่มมากขึ้น ภวินท์มองออกว่า เธอฝืนอดทนอดกลั้น และฝืนอดกลั้นต่อเพื่อต้องการจะหาตัวคนร้ายออกมา
แต่ว่า ถ้าคนร้ายได้เตรียมการทุกอย่างไว้ตั้งแต่แรก ถึงแม้พวกเขาจะอดตาหลับขับตานอนตลอดทั้งคืน เกรงว่าก็หาตัวไม่เจอ
เมื่อมองเห็นหญิงสาวอยู่ในสภาพแบบนี้ หัวใจของภวินท์ก็เจ็บปวดหัวใจขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อไม่รู้ตัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...