ญาธิดาได้ยินดังนั้น ร่างกายแข็งทื่อตามสัญชาตญาณทันที พลางช้อนตามองตอบ จึงเห็นร่างกายชายหนุ่มที่ตัวโตสูงใหญ่ราวสองเมตร
ภวินท์จริงๆ ด้วย!
นี่เธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ย!
ญาธิดาถึงกลับขยี้ตาเบาๆ ยังไม่ทันได้สติกลับมา จึงมองเห็นภวินท์สาวเท้าเดินจ้ำอ้าวมาอยู่ทางด้านหน้าของเธอ พลางยื่นมือออกมาคว้าเธอให้ไปอยู่ด้านหลังของตนเองเอาไว้
ผู้จัดการแสดงสีหน้าตื่นตระหนก “ประ...คุณภวินท์ ท่านมาได้อย่างไรครับเนี่ย?”
ภวินท์พูดตอบกลับอย่างเย็นชา “ถ้าผมไม่มา หรือว่าจะปล่อยให้คุณรังแกคนของผมได้สบายใจแบบนี้ใช่ไหม?”
ผู้จัดการได้ยิน พลางมองญาธิดาอย่างตกใจ จึงร่นถอยหลังไปสองก้าว และยิ้มพูดเพื่อเป็นการกลบเกลื่อน “คุณภวินท์เข้าใจผิดแล้วครับ ผมกำลังสอบถามตามปกติเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำเหมือนที่ท่านพูดสักนิดเลยครับ”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น “งั้นหรือครับ?”
ผู้จัดการถึงกลับสูดลมเย็นๆ เข้าปากทันที “คะ...ครับ ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าคุณผู้หญิงท่านนี้มาหาท่าน ขอโทษเป็นอย่างสูงครับ ผมต้องขอโทษเธอด้วยครับ”
เขาพูด พร้อมทั้งมองมาทางญาธิดา และโค้งหลังคำนับให้เธอ “คุณผู้หญิงครับ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้กระผมผิดไปแล้วครับ”
ญาธิดายืนอยู่ด้านข้าง และมองที่เขาโค้งหลังคำนับให้ จึงพูดทันควัน “ไม่เป็นไรค่ะ เป็นเรื่องเข้าใจกันผิดทั้งหมดแหละค่ะ...”
“ใช่ครับ ใช่ เข้าใจผิดกันหมด”
เขาทั้งพูด และกำชับลูกน้องที่อยู่ทางด้านข้างทันที “ไปจัดเตรียมห้องรับรองมาห้องหนึ่ง ให้คุณภวินท์กับคุณผู้หญิงท่านนี้ได้นั่งพักผ่อนสักหน่อย นั่งกินน้ำกินท่าให้หายตกใจก่อน”
“ไม่ต้องหรอก พวกเราจะกลับแล้ว”
ภวินท์พูดไป พลางหันหลังให้และเดินมุ่งหน้าออกไปทันที
ญาธิดาเห็นภาพตามนั้นแล้ว จึงรีบเดินตามไปทันที
เรื่องที่เธอมาหาปณชัยนั้น เกรงว่าภวินท์ก็คงรู้เรื่องแล้ว แม้ว่าเธอกำชับพายุย้ำนักย้ำหนาไว้แล้ว ทว่าเขาก็เป็นลูกน้องของภวินท์นี่ แล้วจะไม่บอกเขาได้ยังไงกัน?
ฝีเท้าของชายหนุ่มก้าวยาวมาก และทิ้งเธอไว้ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ญาธิดาต้องวิ่งเหยาะตามไป และไปคว้าชายเสื้อของภวินท์เอาไว้ “ภวินท์”
“คุณโกรธอยู่ใช่มั้ย?”
ภวินท์หยุดฝีเท้าลงทันที สายตาจ้องมองเธอตาเขม็ง “คุณว่ายังไงล่ะ?”
เขาไม่คาดคิดเลยว่า เธอกล้าเสนอตัวมาที่คลับเฮาส์คนเดียว เพียงเพื่อจะได้เจอหน้ากับปณชัยแค่ครั้งเดียว และไม่คิดเลยว่าเธอยังกล้าไปเอาเสื้อผ้าของพนักงานมาเปลี่ยนและใส่มันเพื่อจะให้ผสมโรงเข้าไปในห้องรับรองได้!
ซึ่งตลอดมา เขาก็คิดมาตลอดว่าเธอเป็นพวกขี้ขลาดใสซื่อ ทว่ามองจากตรงนี้แล้ว ในบางเรื่องนั้น ยังกล้าหาญชาญชัยกว่าที่เขาจินตนาการไว้อีกเยอะ!
ทว่าความกล้าบ้าบิ่นพวกนี้ มันก็เหมือนกับการเสี่ยงอันตราย ถ้าวันนี้เขาไม่มา การที่เธอเผชิญหน้ากับผู้จัดการมันจะมีจุดจบยังไงกัน?
เขาย่อมโกรธเป็นเรื่องธรรมชาติ โกรธที่เธอบ้าบิ่นมาคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ โกรธที่เธอดื้อรั้นและไร้แผนการใดๆ!
ญาธิดามองท่าทางของชายหนุ่ม ไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดีในช่วงเวลานั้น เธอสูดลมหายใจเข้าลึก “ขอโทษค่ะ ฉันรู้ค่ะว่าวิธีการที่ฉันทำมันเสี่ยงอันตรายจริงๆ ถ้าครั้งหน้ามีเหตุการณ์แบบนี้อีก ฉันจะแจ้งกับคุณไว้ก่อนค่ะ...”
ใบหน้าสำนึกผิดของหญิงสาวโน้มศีรษะลงต่ำลง จนแก้มแดงแจ๋ ปลายจมูกก็เริ่มมีเม็ดเหงื่อเล็กๆ ผุดขึ้นมาอยู่เป็นปื้น แสดงท่าทางน่าสงสารจับจิต
ภวินท์เห็นท่าทางเช่นนั้นของเธอ พลางย่นคิ้วหากัน จนโกรธไม่ลงเสียแล้ว
หลังจากหยุดชะงักไปชั่วครู่ เขาค่อยๆ เอ่ยปากพูด “ที่ผมมานี่ เพราะมีเรื่องหนึ่งที่ต้องคุยกับคุณ”
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น น้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า “เรื่องอะไรคะ?”
“ผมมีธุระต้องเดินทางไปต่างประเทศ พรุ่งนี้เครื่องจะออกตอนเช้าเลย”
ญาธิดาได้ยินแล้ว แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ก้นบึ้งหัวใจกลับรู้สึกผิดหวัง “คุณจะไปกี่วันคะ?”
ภวินท์ตอบน้ำเสียงตามปกติ “4-5วัน”
เธอชะงักเล็กน้อย พลางเงยหน้ามองเขา และพูดเสียงเบา “งั้นคุณ...ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ”
“แน่นอน คุณมีเรื่องอะไรก็บอกพายุเลย คืนนี้ผมยังมีธุระต่อ คุณเรียกรถกลับบ้านเอาเองนะ”
ภวินท์พูด หันหลังกลับและเดินจ้ำอ้าวมุ่งหน้าเดินไปทางด้านข้างรถยนต์
ญาธิดาจ้องมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เดินห่างไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ เธอรู้สึกแสบจมูกขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...