ญาธิดากุมโทรศัพท์ไว้แน่น พลันเกิดความรู้สึกจิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่สบายใจมากๆ
เรื่องแบบนั้นที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ซึ่งวันนี้สองคนเจอหน้ากันต้องรู้สึกทำหน้าไม่ถูกอย่างแน่นอน เธอไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรภวินท์ต้องการจะเจอหน้าเธอด้วย
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตอบกลับไปสองคำ “ไม่ว่าง”
ซึ่งโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง อย่างรวดเร็ว “ไม่มาจริงๆ เหรอ?”
ญาธิดตอบกลับอย่างหนักแน่น “ไม่ไป”
“ได้ อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นข้อความสุดท้ายของภวินท์ที่ส่งมา ญาธิดารู้สึกผิดแปลกไปเล็กน้อย จนเธอเกือบสามารถเชื่อมโยงถึงความเย็นชาและรุนแรงของคำพูดประโยคนี้ของภวินท์ที่สื่อออกทางสีหน้าได้ แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เธอกลับรู้สึกหัวใจห่อเหี่ยว
ราวกับถ้าเธอไม่ไปหาเขา เขาจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาเช่นนั้น
ญาธิดากัดฟันไว้แน่น พลันกุมโทรศัพท์ จนเกิดความรู้สึกตัดสินใจไม่ได้
เวลานี้เอง พลันมีเสียงรอยยิ้มอันอ่อนโยนของชายหนุ่มดังขึ้นข้างหู “คิดอะไรอยู่เหรอครับ?”
ญาธิดาหันหน้ากลับไป ก็ประสานดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของธีทัตทันที มือเธอกุมโทรศัพท์ไว้แน่นขึ้นกว่าเดิม ลังเลสักพัก พลันพูดพร้อมทั้งส่ายหน้าไปมา “ไม่มีอะไรค่ะ เราจะกลับกันตอนไหนคะ?”
“เก็บของเสร็จ ก็สามารถออกเดินทางได้เลยครับ”
ธีทัตพูด พร้อมทั้งยื่นมือ เพื่อปัดผมข้างหูเธออย่างเบามือด้วยความรู้สึกเอ็นดู พร้อมทั้งกระซิบพูดต่อ “อีธาน เอลล่าเตรียมตัวเสร็จแล้วครับ คุณล่ะครับ?”
การเผชิญหน้ากับความสนิทสนมของชายหนุ่มอย่างกะทันหัน ญาธิดาขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งจิตใต้สำนึกเริ่มปฏิเสธทันควัน เธอชะงักชั่วครู่ พลันตอบเสียงแผ่วเบา “ฉันก็เตรียมตัวเสร็จแล้วค่ะ”
ธีทัตจับความผิดปกติไม่ได้ พลันพยักหน้าและกล่าวออกมา “ครับ งั้นผมให้คนไปขับรถมาให้เลยนะ”
เขาพูด พร้อมทั้งก้าวขายาวออกไป เพื่อเดินไปทางด้านนอก
ญาธิดาแหงนหน้า ก็เห็นแผ่นหลังสูงใหญ่ของชายหนุ่ม จนเกิดความรู้สึกหมดความอดทนอยู่ในใจ
เธอเองก็ไม่คิดเลยว่า กระทั่งรู้จักกับธีทัตมาห้าปีแล้ว แต่บางครั้งที่เขาสร้างความสนิทสนมมันกลับไม่คุ้นเคย แต่เธอจดจำได้อย่างชัดเจน เมื่อคืนที่เกิดขึ้นกับภวินท์มันไม่ใช่อย่างนี้....อย่างน้อย สำหรับภวินท์ เธอไม่ได้มีความรู้สึกต่อต้าน
เมื่อรับรู้ถึงจุดนี้แล้ว ญาธิดาตกใจ และเกิดความรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมาอย่างฉับพลัน
หรือว่าในใจของเธอ ภวินท์อยู่ในสถานะที่สูงกว่าธีทัตงั้นเหรอ?
หรือจะพูดว่า ภวินท์อยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเธอมาโดยตลอด ซึ่งไม่เคยหายไปจากไหนมาก่อนเลย
ความคิดและการคาดเดาต่างๆ นานาราวกับตีกันจนพันยุ่งเหยิง ไม่รู้จักจบจักสิ้น ในหัวสมองของเธอ จนทำให้เธอไม่สามารถปัดความคิดออกไป
จนท้ายที่สุด ก็เห็นอีธานเอลล่าเจ้าเด็กน้อยสองคน เธอทิ้งความทุกข์ใจทั้งหมดวางไว้ด้านหลัง พลันพาพวกเขาเดินทางออกจากสนามม้า และมุ่งหน้ากลับแกรนด์ บูเลอวาร์ดทันที
จังหวะที่มาถึงแกรนด์ บูเลอวาร์ดนั้น ซึ่งตรงกับเวลากลางวันพอดี หลังจากทุกคนรับประทานอาหารกลางวันพร้อมทั้งพักผ่อนอยู่สักพัก ญาธิดาอยากจะอ่านหนังสือ แต่อยู่ดีๆ คุณบิ๊กก็โทรศัพท์หาทันที
คุณบิ๊กไม่มีการเกริ่นนำ พลันสอบปากถามอย่างตรงไปตรงมา “ธิดา วันนี้ตอนบ่ายคุณว่างมั้ย?”
ญาธิดาลังเลอยู่ชั่วครู่ พลันตอบกลับเสียงแผ่วเบา “คุณบิ๊กมีธุระอะไรคะ คุณพูดมาได้เลยค่ะ”
“อาศัยเวลาที่อีธาน เอลล่ากำลังพักผ่อนอยู่ ซึ่งทางเราได้จัดการตกแต่งรูปที่ได้ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ ถ้าคุณว่าง ช่วงบ่ายก็เรียนเชิญ เพื่อมาดูรูปภาพสักหน่อยนะครับ”
ญาธิดาตกตะลึง พลางกระซิบพูด “ให้ไปดูที่ไหนคะ?”
คุณบิ๊กแจ้งที่อยู่มา “นี่คือตำแหน่งของสตูดิโอของเราครับ พอตอนคุณมาถึง ก็สามารถเข้ามาได้เลยครับ”
ท้ายที่สุด ญาธิดาถึงได้ถอนหายใจยอมตอบตกลง “ได้ค่ะ ตอนบ่ายฉันจะเข้าไปค่ะ”
เธอเองก็ไม่เต็มใจที่จะทำตัวไม่จริงจังกับเรื่องงานของอีธานเอลล่าอีกอย่างถ้าสามารถเสร็จงานนี้ให้เร็วสักหน่อย เธอก็สามารถพาพวกเขาไปจากเมืองJ ได้เร็วขึ้น
เมื่อคิดเช่นนี้ อารมณ์ไม่เต็มใจญาธิดาพลันมลายหายไปทันที เธอกลับเข้าห้องนอน จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมตัวออกจากบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...