ผ่านไปสักครู่หนึ่ง สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่พายุ
คนที่ประหม่าที่สุด ไม่มีใครเกินอัญมณีแล้ว
ภวินท์ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบอย่างไม่รีบไม่ร้อน พูดเสียงเรียบ “นายจะพูดอะไร?”
สองมืออัญมณีกุมแน่น ฝ่ามือของเธอมีเหงื่อหลั่งออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ จ้องริมฝีปากของพายุเขม็ง ความคิดหมุนวนอย่างรวดเร็ว
เธอจะหยุดเขายังไงดี!
ในขณะนั้นเอง พายุพูดเสียงเบา “ผมอยากลาหยุดสัก 2-3 วันครับ”
จากนั้นเขาก็หันหน้ามองไปทางอัญมณี มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “ผมอยากจะใช้เวลาดีๆ กับแฟนสาวน่ะครับ”
คำว่า “แฟนสาว” ไม่กี่คำ เปรียบดั่งสายฟ้าที่ผ่าลงในสมองอันขาวโพลนของอัญมณี
ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็กลับมาได้สติทันที ปฏิเสธอย่างทันควัน “ใครเป็นแฟนนาย!”
พายุยิ้มอย่างใจเย็น ถามกลับเสียงเบา “แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อสบตาเป็นประกายของพายุคู่นั้น ลำคอของอัญมณีก็เกร็งแน่น เธอพูดอะไรไม่ออก
ถ้าหากเธอตอบไปว่าไม่ใช่ ก็กลัวว่าพายุจะพูดเรื่องนั้นออกไป เขาเป็นภัยคุกคามที่มองไม่เห็นชัดๆ !เขาตั้งใจที่จะพูดสิ่งนี้ต่อหน้าภวินท์!
อัญมณีโกรธจนกัดฟัน แต่กลับเหมือนใบ้กินยังไงอย่างนั้น จะบ่นก็บ่นไม่ออก จะพูดก็พูดไม่ออก เธอเงยหน้าขึ้นมองไปที่ญาธิดา เมื่อเห็นรอยยิ้มบริสุทธิ์สดใสบนใบหน้าของเธอ หัวใจก็พลันอ่อนยวบลง
ถือซะว่าเพื่อเก็บความลับนี้ไว้ให้ญาธิดา เธอจำต้องตอบไป
เธอสูดลมหายใจลึก พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเป็นคำตอบ
พายุเห็นดังนั้นมุมปากก็ขยับขึ้น ยื่นมืออยากจะจับมือของอัญมณี เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เก็บมือกลับเข้าไป
ภวินท์นั่งอยู่ตรงนั้น รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่ในดวงตาของเขา พูดเสียงเรียบ “ฉันอนุญาต”
พายุยิ้มให้เขาและญาธิดา “ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงต้องไปก่อน”
พูดพลาง เขายื่นมือออกไปจูงมืออัญมณีเอาไว้ พูดด้วยดวงตาแวววับเป็นประกาย “ฉันจะพาเธอไปที่ที่หนึ่ง”
อัญมณีถูกเขากึ่งลากเดินไปอย่างไม่เต็มใจ “ไปที่ไหน?”
พายุมีความสุขอย่างปิดไม่มิด อัญมณีไม่พอใจ ทั้งสองเป็นเหมือนคู่รักที่เพิ่งคืนดีหลังจากที่ง้องอนกัน ทั้งตลกและทั้งน่ารัก
ญาธิดาเงยหน้าขึ้น มองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาทั้งสองคน มุมปากกระตุกยิ้มอย่างอดไม่ได้
เธอดูออกว่าอัญมณียังมีใจให้กับพายุอยู่ และพายุก็เหมือนเด็กหนุ่มแรกแย้มที่เพิ่งตกหลุมรัก ความรักความห่วงใยทั้งหมดของเขาเขียนไว้อย่างชัดเจนในดวงตาและบนใบหน้าของเขา
“อิจฉาเหรอ?”
เมื่อเสียงเย็นชาของชายหนุ่มจากฝั่งตรงข้ามดังขึ้น ญาธิดาจึงได้กลับมารู้สึกตัวเล็กน้อย
เธอสูดลมหายใจลึกถอนสายตาแล้วมองไปที่ภวินท์ พูดเสียงเรียบ “อิจฉาแล้วจะทำไมเหรอ?”
ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น ตั้งใจถามเหมือนปกติว่า “เป็นอะไรไป? ธีทัตเขาไม่ได้ให้ความรักอะไรกับเธอเหรอ?”
เมื่อคำนี้ออกไป ญาธิดาก็หน้าเขียวขึ้นมาทันที เธอมองบนใส่ภวินท์ “ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เธอพูดพลางยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มของเหลวที่อยู่ภายในรวดเดียวจนหมด แล้วจึงลุกขึ้นยืนทันที เธอพูดอย่างรวบรัดว่า “หมดเวลาอาหารเย็นแล้ว ฉันลาก่อนค่ะ”
พูดจบ เธอก็ก้าวเดินไปที่ปากประตู
อัญมณีและพายุต่างก็ไปแล้ว เธอจึงไม่ต้องการอยู่กันโดยลำพังกับภวินท์สองคนอีกต่อไป ประโยคที่เขาพูดโดยไม่ได้ตั้งใจอาจทำให้เธอสำลักตายได้
เธอเพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว เสียงฝีเท้าจากทางด้านข้าง แล้วจากนั้นเสียงของชายหนุ่มก็ดังขึ้นในหูว่า “ฉันไปส่ง”
ญาธิดาปฏิเสธทันที “ฉันจะนั่งรถไฟใต้ดิน”
“ถ้างั้นฉันไปเป็นเพื่อนเธอ”
ญาธิดาตะลึง หันกลับมองไปที่ชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ สีหน้าราวกับเห็นสัตว์ประหลาดหลาดยังไงอย่างนั้น
ภวินท์พูดว่าจะนั่งรถไฟใต้ดินเป็นเพื่อนเธอ เธอไม่ได้ประสาทหลอนจริงๆ เหรอเนี่ย?
เมื่อเห็นสีหน้าของเธอ ภวินท์ก็ยิ้มอ่อนแล้วพูดเสียงเรียบว่า “ฉันดื่มเหล้าไป พายุเองก็ไปแล้ว ไม่มีใครขับรถ”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ถึงได้เข้าใจ
เขาจะไปส่งเธอที่ไหนกัน เป็นเพราะเขากลับไปไม่ได้ต่างหาก
ดวงตาของญาธิดามีประกายที่ไม่ไยดี เธอไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่เดินก้าวไปข้างหน้าเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...