ได้ยินน้ำเสียงกึ่งหยอกล้อของชายหนุ่ม ญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตาและพูดอย่างเย็นชาว่า “ภวินท์ คุณกลายเป็นคนหลงตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ได้ยินดังนั้น ภวินท์ไม่โกรธแถมยิ้มให้ ดวงตาของเขาเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มจาง ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีมาก เขากวักมือเรียกบริกร หยิบเมนูข้างๆ ขึ้นมาแล้วพูดเสียงเรียบว่า “ถ้าอยากจะดื่ม เดี๋ยวฉันดื่มเป็นเพื่อน”
เขาพูดพลาง สั่งไวน์แดงหนึ่งขวดอย่างรวดเร็ว
ญาธิดาตะลึงงัน เห็นเขาสั่งเมนูเสร็จแล้วยื่นให้บริกร ถึงได้สติกลับมา “ใครบอกว่าฉันอยากดื่มเหรอ?”
เมื่อครู่ตอนที่อันอันถามเธอ ในใจเธอก็อยากจะดื่มจริงๆ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดออกมาพายุก็พูดก่อนแล้ว แล้วภวินท์ดูออกได้ยังไงว่าเธออยากดื่ม?
ภวินท์ยิ้มอ่อน น้ำเสียงดูเกียจคร้านเล็กน้อย “ฉันนี่แหละบอก”
ญาธิดากำลังจะพูด ใครจะรู้ว่าจู่ๆ โทรศัพท์มือถือของภวินท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็พลันดังขึ้น
ตัวอักษรสองตัวเด้งขึ้นบนหน้าจอ “คุณธาม”
ญาธิดากวาดสายตาโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นเขาตัดสายโทรศัพท์อย่างไม่รีบไม่ร้อน แล้วดื่มไวน์ต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ญาธิดาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างข้องใจ “ไม่รับเหรอ?”
เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่เป็นสายติดต่องาน จึงคิดไม่ถึงว่าภวินท์จะตัดสายอย่างไม่ลังเลแบบนี้
ในภาพจำของเธอ ภวินท์เมื่อ 5 ปีก่อนไม่ว่าอะไรก็จะให้ความสำคัญกับงานเป็นหลัก แต่ตอนนี้……
ภวินท์ตอบ “อืม”
เมื่อเห็นความข้องใจในดวงตาของหญิงสาว เขาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย “ทำไมเธอมองฉันแบบนั้น?”
ญาธิดาหายใจเข้าลึก เธอส่ายหัวอย่างช้า ๆ และถอนลมหายใจเบา ๆ “ฉันคิดว่าคุณให้งานอยู่อันดับแรกมาโดยตลอด……”
ชายหนุ่มพูดสบายๆ ว่า “งานไม่สำคัญเท่ากับเรื่องรักของผู้ช่วยฉันหรอก”
ได้ยินเช่นนั้น ญาธิดาก็หัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้
ไม่เคยคิดเลยว่าแท้จริงแล้ว ภวินท์เองก็ไม่ได้เป็นคนที่ไม่มีเหตุผลอะไรขนาดนั้น
เธอยิ้มและพูดโพล่งออกมาว่า “เมื่อ 5 ปีก่อน คุณไม่ได้เป็นแบบนี้นี่นา!”
เมื่อพูดออกไปแล้ว เธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ทันใด แต่คำพูดที่พูดออกไปแล้วก็เหมือนกับสายน้ำ มันไม่มีทางที่จะเอากลับคืนมาได้
เรื่องราวเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นหัวข้อที่น่าอึดอัดและละเอียดอ่อนที่สุด เธอหลีกเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงมาโดยตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าเมื่อครู่จะพูดออกมาโดยที่ไม่ได้ระวัง
ดวงตาของภวินท์มีประกายสั่นไหว ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนมากนัก เขาพูดเสียงเบา “5 ปีก่อน ฉันยังไม่รู้จักเห็นคุณค่า แต่ว่าตอนนี้ ฉันรู้แล้ว”
ขณะที่พูด ดวงตาดำเข้มของเขาก็จ้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าที่เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ผ่านไปไม่นาน เขาก็พูดอย่างสบายๆ “ยังไงคนก็สำคัญกว่างานมาก”
ญาธิดาได้ยินเช่นนั้น หัวใจก็หนักอึ้ง เธอก้มหน้าจ้องไปที่โต๊ะตรงหน้า ความรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย
คนเดียวที่จะทำให้ภวินท์พูดอะไรแบบนี้ออกมาได้ คงจะมีแต่นิวรา
นิวราสำหรับเขา จะยังคงของเป็นรักแรกอันเป็นนิรันดิ์
ความขมขื่นปรากฏขึ้นในหัวใจ ญาธิดาไม่รู้ว่าควรจะต่อบทสนทนาอย่างไร บังเอิญว่าบริกรยกไวน์แดงมาเสิร์ฟพอดี นี่จึงปิดซ่อนสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเมื่อครู่
ขณะเดียวกัน ภายในห้องน้ำหญิงของร้าน
ประตูห้องถูกล็อกจากด้านใน พายุติดหงักอยู่ที่หน้าประตู เขากับอัญมณีจ้องมองกันตาต่อตา ไม่มีใครยอมถอย
อัญมณีโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “พายุ ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าตอนนี้นายหน้าด้านหน้าทนอะไรขนาดนี้? บุกเข้าห้องน้ำหญิง เรื่องอะไรแบบนี้ก็ยังกล้าทำ!”
ใบหน้าของพายุไม่สะทกสะท้าน ไม่มีความอึดอัดหรือลำบากใจแม้แต่น้อย “เพื่อเธอ ฉันไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”
ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น อัญมณีก็หัวเราะเยาะ ความโกรธในใจก็ยิ่งทวีคูณ “นายยังมีหน้ามาพูดอะไรแบบนี้ออกมาอีกเหรอ ?”
พายุสูดลมหายใจลึก พูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ว่า “5 ปีก่อน สิ่งที่เธอเห็นพวกนั้นมันคือการเข้าใจผิด ฉันไม่เคยทำเรื่องผิดต่อเธอ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...