“ฉันจะไปเอง”
เธอเป็นหัวหน้าผู้กำกับและหัวหน้าที่ดูแลหนังสั้นการกุศลในครั้งนี้ หลังจากผ่านการประชุมหารือหลาย ๆ ครั้งก่อนหน้านี้ เธอเข้าใจอย่างดีว่าผลลัพธ์ที่ทางบริษัทต้องการนำเสนอนั้นเป็นอย่างไร
ดังนั้น ในเมื่อครั้งนี้อุตส่าห์มาถึงเขาเทียบฟ้าแล้ว เธอจะกลับไปพร้อมกับความเสียใจด้วยไม่ได้
สถานที่ตรงนั้น เธอจะต้องไปดูให้ได้
ไม้เบิกตาโต ตกใจขึ้นเล็กน้อย “อะไรนะ”
ญาธิดายิ้มให้เขา “ทางนี้มีคุณบิ๊กคอยดูแลอยู่ เรื่องการถ่ายทำฉันไม่เป็นห่วง ฉันจะไปดูลาดเลา ไปดูสถานที่ก่อน หากว่าเหมาะสม พรุ่งนี้ตอนเช้าพวกเราจะไปถ่ายทำกันที่นั่น หากว่าไม่เหมาะสม พนักงานของพวกเราก็จะได้ไม่ต้องไปเสียเที่ยว”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ไม้ส่ายหน้ารัว ๆ “แบบนี้ไม่ได้ หากเกิดอันตรายขึ้นล่ะ”
ญาธิดายิ้มแล้วเก็บของอย่างรวดเร็ว “จะมีอันตรายอะไรได้ยังไง ฉันแค่ไปดูแป๊บเดียว เดี๋ยวก็กลับมาแล้ว หากว่าถึงสี่โมงเย็น ฉันก็จะตรงลงเขาเลย”
เธอไม่ใช่สาวในเมืองที่กลัวไปหมดทุกอย่างตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้เธอเคยปีนเขาบ่อย ๆ ตอนที่อยู่ในอเมริกา ระยะทางแค่นี้ สำหรับเธอขี้ปะติ๋วมาก
ไม้ยังคงมีความเป็นห่วง และลังเลว่าจะเรียกคุณบิ๊กมาปรึกษาก่อนดีไหม ใครจะไปรู้ว่าญาธิดาจะยื่นมือมาดึงแขนของเขาไว้ แล้วกล่าวกำชับ “ตอนนี้อย่าเพิ่งไปรบกวนคุณบิ๊กเลย เดี๋ยวคุณค่อยไปบอกเขาทีหลังก็ได้ ฉันไปดูก่อนนะ ไม่ต้องเป็นห่วง”
พลางพูด เธอพลางตบไหล่ของไม้ แล้วยกกระเป๋าเป้แบกใส่หลัง สาวเท้าก้าวเดินมุ่งไปยังทิศทางนั้น
ไม้สับสนและลังเล แต่สุดท้ายก็รั้งเธอไว้ไม่ได้
ญาธิดาก้าวเท้ามุ่งเดินไปข้างหน้า ยกฝีเท้าก้าวยาวบ้างสั้นบ้างตามทางบนเขาอย่างอารมณ์ดี
เธอไม่ได้มาสถานที่สงบเช่นนี้มานานมากแล้ว และตอนนี้ตัวเองมาปีนเขาคนเดียว ช่างเป็นประสบการณ์ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ผ่านไปได้สักพัก เมื่อเธอหันหลังมอง ก็ไม่เห็นแคมป์ของทีมถ่ายทำทางนั้นแล้ว
ทางบนเขาขรุขระ การเดินทางจึงค่อนข้างลำบาก เดินไปเดินมาผ่านไปยี่สิบนาทีอย่างไม่รู้ตัว ทิวทัศน์สองข้างทางค่อนข้างดีเลย แต่ท้องฟ้าค่อนข้างครึ้มไปหน่อย
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วค่อย ๆ เร่งฝีเท้าก้าวเดิน
เดินมุ่งหน้าไปอีกระยะหนึ่ง บรรยากาศรอบ ๆ เริ่มแตกต่างจากเดิม เธอเริ่มรู้สึกตื่นเต้น จึงเร่งฝีเท้าขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมถ่ายรูปทำสัญลักษณ์ระหว่างทาง ความเร็วก็ไม่ถือว่าเร็วมาก และก็ไม่ได้ใช้แรงเยอะด้วย
เดินไปอย่างไม่รู้ตัว เกือบจะหนึ่งชั่วโมงแล้วที่เธอเดินออกมาจากทีมถ่ายทำ ท้องฟ้ายิ่งอยู่ยิ่งครึ้ม แสงในพุ่มป่าไม้ก็ยิ่งมืด ญาธิดาค่อย ๆ มุ่งหน้าเดินอย่างช้า ๆ แต่ก็ยังมองไม่เห็นทิวทัศน์ที่เธอเห็นตอนที่อยู่ในโดรนเมื่อสักครู่
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจเกิดความไม่สบายใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูก
ตามหลักแล้ว ระยะทางสั้น ๆ เช่นนั้น ประมาณหนึ่งชั่วโมงก็น่าจะเดินทางไปถึงแล้ว หรือว่าเธอเดินผิดทาง
เธอเปิดเข็มทิศในมือออก แล้วหมุนไปรอบ ๆ พบว่างถึงแม้ทิศทางจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วทิศทางถูกต้อง หรือว่าเธอต้องเดินหน้าไปอีก ถึงจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์นั้นได้
ระหว่างที่ลังเลว่าจะเดินไปต่อหรือจะเดินกลับดีนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องจากท้องฟ้า ประหนึ่งสัตว์ประหลาดที่ส่งเสียงหิวโหยก่อนจะกัดกินอาหารก็ไม่ปาน ค่อนข้างน่ากลัว
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ในใจเกิดความลังเล
เวลานี้ ถ้าเธอเปลี่ยนใจแล้วเดินกลับไป อย่างนั้นการเดินทางมากกว่าหนึ่งชั่วโมงเมื่อสักครู่ก็จะสูญเปล่า แต่ว่าตอนนี้ท้องฟ้าตรงหน้ามืดครึ้มลงแล้ว เลือกจากไปเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและถูกต้องที่สุด
ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก หยิบผ้าพันคอสีแดงสองผืนสุดท้ายออกมา มัดเข้ากับกิ่งไม้รอบ ๆ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ จากนั้นก็หยิบกล้องออกมาถ่ายรูปไว้
ทำสัญลักษณ์ไว้แบบนี้ รอพรุ่งนี้ขึ้นเขามา หากว่าเธอยังมีเวลา ก็จะได้สามารถค้นหาต่อไปได้
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เธอก็หันหลังกลับและเดินลงจากเขา
ทันใดนั้น เม็ดฝนขนาดเท่าเม็ดถั่วค่อย ๆ ตกลงมา ญาธิดาเกิดความกังวล จึงรีบเร่งฝีเท้าทันที
แต่ใครจะไปรู้ ฝนยิ่งตกยิ่งหนัก ยิ่งตกยิ่งกระหน่ำขึ้น แล้วก็ตามมาด้วยเสียงฟ้าร้องดัง “เปรี้ยง!” จากนั้นก็“ซ่า!” ตกลงมาอย่างแรง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...