ชะงักอยู่ครู่หนึ่งก็ยังไม่ได้คำตอบ ดวงตาของภวินท์จึงเผยหมดความอดทนออกมา สายตาของเขาจ้องตรงมาที่คุณบิ๊ก
เขาไม่ได้เปล่งเสียงใด ๆ แต่ทว่าพลังในสายตานั้นก็ได้กดดันคุณบิ๊กแล้ว
คุณบิ๊กอ้าปากรับลมเย็น ๆ “คุณธิดา ยังอยู่บนเขาครับ”
เมื่อประโยคนี้เปล่งออกมา สีหน้าของภวินท์ก็ถอดสีทันที “อะไรนะ”
คุณบิ๊กสีหน้าดูแย่ แล้วกล่าวอย่างจนปัญญา “เดิมทีพวกเรานั้นก็อยู่ด้วยกัน ต่อมาเธอบอกอยากจะไปหาสถานที่ถ่ายทำใหม่ ๆ จึงได้ออกไปคนเดียว เมื่อพวกเราลงมา เธอก็ยังไม่กลับมา!”
ทันใดนั้น บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของภวินท์ก็เปลี่ยนเป็นความเย็นเยียบ เขาขมวดคิ้ว สายตาที่จ้องมองไปทางคุณบิ๊กประหนึ่งกับใบมีด มองเชือดเฉือนมาทางเขาอย่าง“ฟืดฟัด——”
คุณบิ๊กรู้ตัวว่าผิด จึงรีบกล่าวอย่างยอมรับ “คุณภวินท์ เป็นความผิดของผมเองครับ เป็นผมที่ประมาทเลินเล่อ……”
ไม่รอให้เขาได้พูดจบ ภวินท์ได้หันหลังฉับพลันแล้ว จากนั้นก้าวเท้ายาวเดินออกไปทางประตูอย่างรวดเร็ว กำชับลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ส่งคนขึ้นไปบนเขา!”
ด้านนอกฝนตกใหญ่มาก เสมือนผ้าพันแผลชั้นดีที่บดบังวิสัยทัศน์การมอง ไอหมอกปกคลุม มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
เขาเทียบฟ้าที่อยู่ไม่ไกล ก็ยิ่งถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศแบบนี้ เย็นเยียบไปทั่ว
สีหน้าของภวินท์ที่ดูเครียดมาก มองเขาเทียบฟ้าที่ขนาดใหญ่แล้วขมวดคิ้วฉับพลัน
เขาลูกใหญ่ขนาดนี้ คนคนหนึ่งติดอยู่ในเขาเช่นนี้ก็ประหนึ่งก้อนหินขนาดเล็ก จะเริ่มหาจากตรงไหน?
และในเวลานี้ คุณบิ๊กพาไม้รีบเดินมาด้านหน้า “คุณภวินท์ครับ พวกเรารู้ตำแหน่ง พวกเราขะไปหาคุณธิดาด้วยกัน!”
ภวินท์มองเขาอย่างลุ่มลึกแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร แล้วก้าวเท้าเดินตรงไปขึ้นรถ
ไม่กี่นาที รถก็ได้มาถึงทางเข้าปีนเขาของเขาเทียบฟ้า หลังจากอธิบายสถานการณ์ให้เจ้าหน้าที่ฟังเสร็จ ก็พาลูกน้องตรงขึ้นไปบนเขา
แม้ว่าบ่ายวันนี้ทางทีมถ่ายทำจะไม่ได้ปีนทางบันไดที่เปิดไว้ก่อนแล้ว แต่ว่าทางบันไดกับทางถนนนั้นขนานกัน ตอนนี้ฝนตกและถนนลื่น พวกเขาจึงจำเป็นต้องปีนขึ้นทางบันไดที่เปิดไว้อยู่แล้ว
เมื่อปีนขึ้นไปได้ประมาณครึ่งทางถึงตำแหน่งคร่าว ๆ ไม้ก็ชี้ไปทิศทางหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น “ตรงนั้น! ตรงนั้นคือที่ที่พวกเรากางเต็นท์กันในวันนี้!”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ก็เงยหน้ามองไป ไม่พูดไม่จา รีบปีนบันไดมุ่งหน้าเดินทางนั้น
ฝนโปรยปรายยังคงไม่มีทีท่าว่าจะซาลง ถึงแม้ว่าบนตัวของพวกเขาจะสวมเสื้อกันฝนไว้ แต่ทว่าก็เปียกชุ่มไปเกือบทั้งตัว
เมื่อถึงสถานที่ที่ไม้บอก ภวินท์ก็ขมวดคิ้วแล้วมองดูรอยกางเต็นท์และรอยเท้าด้านข้างที่ดูยุ่งเหยิง“ญาธิดาไปทิศทางไหนกันแน่นะ!”
ในเมื่อพบสถานที่ที่ทีมถ่ายทำกางเต็นท์ในวันนี้แล้ว อย่างนั้นขอเพียงเดินตามหาทิศทางที่ญาธิดาจากไป บางทีอาจจะพบอะไรบางอย่างก็ได้
ไม้ยกมือขึ้นชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง “ทางนั้น”
ภวินท์ได้ยินดังนั้น ขมวดคิ้วแล้วก็รีบมุ่งเดินไปทางนั้นทันที ถึงแม้ว่าเส้นทางจะลื่น แต่ฝีเท้าของเขาทั้งยาวและก็เร่งรีบ ไม่มีการชะลอตัวเลยด้วยซ้ำ
ในเวลานี้ เขาทั้งกังวลและกระวนกระวายใจอย่างมาก
ในสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ หากญาธิดาเจอเข้ากับอันตรายจริง ๆ ……
ภวินท์ขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าที่จะคิดต่อไป
ในขณะเดียวกัน เท้าของเขาก็เร่งความเร็วอย่างต่อเนื่อง เร็วขึ้น เร็วขึ้นอีก เร็วมากจนทิ้งระยะห่างไกลออกไปกับคนที่เดินตามอยู่ด้านหลัง
เส้นทางบนเขาและฝนที่โปรยปรายสำหรับเขาแล้วขี้ปะติ๋วมาก เพราะเขาเคยฝึกฝนในลักษณะที่คล้ายกันเช่นนี้มาก่อน แต่ว่าเขากลัว กลัวว่าผู้หญิงคนนั้นจะอดทนกับความพายุลมฝนที่ทรหดนี้ไม่ได้
ในขณะเดียวกัน
อีกฝั่งหนึ่ง ญาธิดาที่ไม่รู้หมดสติไปนานเท่าไหร่ ได้ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ พบว่าตัวเองนั้นนอนอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ และเจ็บระบมไปทั้งตัว……
เมื่อสักครู่นี้หากไม่ใช่ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ขวางเธอไว้ เกรงว่าเธอก็คงจะกลิ้งตกลงไปจนไม่รอดชีวิตแน่
ญาธิดาสูดลมหายใจเย็น ๆ ค่อย ๆ พยุงร่างให้ลุกขึ้นมานั่งพิงอยู่กับต้นไม้แล้วหายใจแรง ๆ
ต้นไม้ต้นนี้ใหญ่และหนามาก หลบอยู่ด้านล่างต้นไม้สามารถกันฝนกันลมได้ แต่ว่าสถานที่แบบนี้อยู่นานไม่ได้ เพราะเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง หากเกิดฟ้าผ่าลงมา เธออาจจะเสียชีวิตได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...