ญาธิดาแหงนหน้าขึ้นมองด้านบนสุดของหลุมที่มีความห่างระยะหนึ่ง ในใจลนลานเล็กน้อย
เนื่องจากฝนที่ตกหนัก ผนังหลุมจึงเปียกและลื่น อยากจะขึ้นไปไม่ใช่เป็นเรื่องที่ง่าย เมื่อสักครู่ตอนที่เห็นภวินท์ เธอเกิดความหวังขึ้นในใจ คิดไม่ถึงผ่านไปเพียงไม่กี่นาที พวกเขาทั้งคู่กลับมาติดแหงกอยู่ที่นี่ และสถานการณ์ก็ดูแย่ลง
ญาธิดาสูบลมหายใจเข้าลึก ๆ “ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี”
ภวินท์ขมวดคิ้ว ยื่นโทรศัพท์ออกมาดูแถบสัญญาณที่กลายเป็นสีเทา แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “รอ”
เมื่อสักครู่กลุ่มพวกเขาได้มุ่งมาทางนี้เพื่อตามหาญาธิดา เขาเดินเร็วกว่าคนอื่น ๆ เล็กน้อย ตามหลักแล้ว รออีกสักพักหนึ่ง พวกเขาก็น่าจะตามมาถึงในอีกไม่ช้า
ญาธิดาขมวดคิ้ว ในใจยังคงเป็นกังวล เธอเดินวนไปรอบ ๆ หลุม มองบนยอดหลุม ในใจก็คิดหาวิธีที่จะปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
หลุมนี้สูงประมาณสองสามเมตร หากว่าเธอเหยียบบนไหล่ของภวินท์ อาจจะสามารถปีนขึ้นไปได้ แต่ต่อให้เธอปีนขึ้นไปได้แล้วภวินท์ล่ะจะทำอย่างไร
ตามกำลังของเธอ เกรงว่าไม่สามารถที่จะดึงเขาขึ้นมาได้
ภวินท์นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่ขยับเขยื้อนใด ๆ เขาเงยหน้ามองดูหญิงสาวที่เดินวนไปมาอย่างร้อนรน จึงเอ่ยปากกล่าวเสียงเบา ๆ “นั่งลง รักษากำลังไว้”
เวลานี้ เครียดไปก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราต้องคำนึงถึงสิ่งที่เลวร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้นการรักษากำลังเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้
ญาธิดาได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ตัวจึงชะงักหยุดขึ้น แล้วก็นั่งลงอย่างเชื่อฟัง
เธอเปียกชุ่มไปทั้งตัว และรอบด้านก็เป็นโคลนเปียกไปทั่ว แต่เธอก็ไม่มีกะจิตไปสนใจสิ่งเหล่านี้ และนั่งลงอย่างจำใจ
ท่ามกลางความมืด เธอมองไม่เห็นถึงสีหน้าของชายหนุ่ม แต่รู้ว่ามีเขาอยู่ข้าง ๆ เธอก็รู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน ความสบายใจได้มลายหายไปอย่างสิ้นเชิง ความหนาวเย็นค่อย ๆ คืบคลานมาปกคลุมร่างกายของเธอ จากภายในสู่ภายนอก เย็นไปทั่วทุกอณู
ค่ำคืนยามราตรีในป่าไพร เดิมทีก็เยือกเย็นอยู่แล้ว บวกกับฝนตก พลังงานในร่างกายได้ถูกใช้ไป ทำให้ร่างกายของเธอไม่เหลือไว้ซึ่งความอบอุ่น
ในขณะที่เธอหนาวจนเกือบจะหมดสติ ท่ามกลางความมืด ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ได้เอ่ยปากเรียกชื่อของเธอ “ญาธิดา”
เมื่อได้ยินเสียง ญาธิดาก็หยุดนิ่งครู่หนึ่ง เมื่อได้สติ จึงได้ตอบรับ “หือ”
ถึงแม้จะเป็นเพียงคำเดียว แต่ภวินท์ก็ฟังออกว่าน้ำเสียงของเธอนั้นสั่นเครือ เขายื่นมือมาทางเธอ เมื่อสัมผัสโดนแขนของเธอ ก็ได้กุมจับมือของเธออย่างช้า ๆ แล้วดึงเธอเข้ามาหาตัวเอง
ญาธิดาหนาวเย็นจนสมองแข็งทื่อไปหมด เธอไม่มีการขัดขืน เข้าไปใกล้เขาอย่างเชื่อฟัง เมื่อสัมผัสถึงความอบอุ่นในร่างกายของชายหนุ่ม เธอก็ยิ่งขดเข้าใกล้เขาราวกับแมวน้อยก็ไม่ปาน
ภวินท์ใจสั่นขึ้น จู่ ๆ การหายใจของเขาก็ผิดปกติอย่างอธิบายไม่ถูก เขาเหยียดออกมาโอบหญิงสาวไว้ในอ้อมแขน
ร่างกายของเขาก็ไม่ถือว่าอุ่นมาก แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะด้านจิตใจหรือร่างกาย คงจะดีกว่าถ้าทั้งสองได้กอดอิงแอบกัน
สัมผัสถึงความอบอุ่นที่มาจากร่างกายของชายหนุ่ม ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ร่างกายค่อย ๆ มีความรู้สึก เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา มองดูเวลาที่แสดงอยู่บนนั้น ในใจก็เกิดความหนักหน่วง
เวลานี้ ยามดึกยังไม่ย่างกราย แต่อุณหภูมิก็ต่ำลงเช่นนี้แล้ว หากว่าคืนนี้พวกเขาต้องติดอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงต้องหนาวจนไม่สบายเป็นแน่แท้
ญาธิดาตัวสั่นไปหนึ่งที “ภวินท์…พวกเราจะนั่งรอความตายอย่างนี้เหรอ”
ได้ยินดังนั้น ชายหนุ่มก็ยืดตัวตรงขึ้นเล็กน้อย ไม่ตอบกลับแต่อย่างใด
อันที่จริง เมื่อสักครู่เขาก็ได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับคำถามนี้ การรอต่อไปแบบไร้ความหวังเช่นนี้ หากว่าลูกน้องของเขากับคุณบิ๊กพวกเขาไม่ได้มาทางนี้ อย่างนั้นเธอกับญาธิดาจะทำอย่างไร
ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว!
ภวินท์สูดลมหายใจเข้าลึก ดึงมือตัวเองกลับ แล้วขยับร่างกาย จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกล่าว “คุณเหยียบบนไหล่ของผมแล้วปีนขึ้นไปก่อน จากนั้นค่อยคิดหาวิธี”
ญาธิดาลังเลครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้น ในใจยังคงตัดสินใจไม่ได้ “ถ้าฉันขึ้นไปคนเดียว แล้วคุณล่ะจะทำอย่างไร”
ภวินท์กล่าวอย่างใจเย็น “ขึ้นไปก่อน ไม่ว่าจะดึงผมขึ้นไป หรือว่าไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ก็ดีกว่าการติดอยู่ที่นี่ทั้งสองคน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...