เดิมทีเธอสวมชุดกีฬา ตอนนี้เมื่อถอดออก บนเรือนร่างก็ล่อนจ้อนแทบไม่เหลืออะไร
แต่ว่ายังโชคดี ที่ที่แห่งนี้เป็นป่าเขาพนาไพร อีกทั้งยังมืดมิดสนิทจนแทบมองไม่เห็นอะไร
ญาธิดาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว นำ “เชือกที่ทำขึ้นเอง” มัดเข้ากับต้นไม้ที่อยู่ข้าง ๆ จากนั้นก็ตะโกนลงเข้าไปในหลุม “ภวินท์ จับเชือกแล้วดึงขึ้นมา!”
เมื่อคนที่อยู่ด้านล่างได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงดึงเชือกปีนขึ้นมา เนื่องด้วยร่างกายของเขาที่ได้รับบาดเจ็บ เมื่อปีนขึ้นมาจึงค่อนข้างยากลำบาก ส่วนญาธิดาตอนนี้ยืนอยู่ข้าง ๆ และกำลังดึงเชือกไว้ โดยที่จิตใจคอยกังวล
อย่าให้ต้องมีอะไรผิดพลาดเลย!
เธอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยร่างที่สั่นเทาเนื่องจากความหนาว แต่ว่าในใจนั้นกลับร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วง
เชือกที่แน่นตึงแกว่งไปมาจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง มือข้างหนึ่งของเธอดึงเชือกไว้ และกลั้นหายใจสุดกำลัง
ในที่สุด ภวินท์ก็ปีนขึ้นมาจนได้ ญาธิดาดีใจมาก พุ่งกระโจนเข้าไปหาด้วยความตื่นเต้นอย่างไม่รู้ตัว "ขึ้นมาได้แล้ว!"
ภวินท์ลืมตาขึ้น ในความมืดมิด เขามองเห็นร่างที่ขาวนวลผ่องของหญิงสาว
ถึงแม้ว่าจะเลือนราง แต่เขาก็ยังมองออกว่าเธอไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า!
เขาขมวดคิ้วทันทีและยัด “เชือก”ในมือให้กับเธอ “รีบใส่ซะ”
พลางพูดเขาพลางเบนสายตามองไปทางอื่น
ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดเช่นนี้ คนธรรมดาทั่วไปย่อมมองเห็นได้ไม่ชัดเจน แต่ว่าภวินท์เคยผ่านการฝึกซ้อมที่เกี่ยวข้องเช่นนี้มาก่อน คู่ดวงตาจึงสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนแม้ในคืนที่มืดมิด
ญาธิดาชะงักงัน คิดไม่ถึงว่าตัวเองพยายามอย่างมากเพื่อดึงเขาขึ้นมา เขาไม่เพียงแต่ไม่กล่าวขอบคุณสักคำ ยังกลับแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้ใส่เธอ! ทันใดนั้น ญาธิดาเย็นชาในใจ ในความมืดได้กลอกตามองบนใส่เขาทีหนึ่ง และสวมเสื้อผ้าลงบนร่างกายอย่างรวดเร็ว
ทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว เธอก็มองชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้า สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หนึ่งฟอด แล้วก็ก้าวเดินมุ่งตรงไปด้านหน้า แต่ใครจะไปรู้ว่าจะสะกิดโดนบาดแผลที่น่อง ความเจ็บปวดจึงได้ลอยมา
เธอสูดลมเย็น ๆ เข้า แล้วค่อย ๆ ส่งเสียงครางโอดโอยเบา ๆ
และในเวลานี้ ชายหนุ่มที่เดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลได้หยุดชะงักฝีเท้าขึ้น แล้วหันหลังมา ยื่นมือมาจับแขนของเธอ โดยไม่พูดจาใด ๆ
ญาธิดาขมวดคิ้ว อยากจะดึงมือกลับ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าร่างกายของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน จึงหยุดชะงักการกระทำขึ้น
เวลานี้ พวกเขาทั้งสองต่างมีบาดแผลตามร่างกาย เมื่อสักครู่ได้ใช้แรงทั้งหมดในการปีนออกจากปากหลุม หากในเวลานี้ ต่างยังไม่พึ่งพาอาศัยและไว้ใจกัน เมื่อเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นอีก พวกเขาก็อย่าได้หวังที่จะออกไปจากเขาลูกนี้ได้
เวลาเช่นนี้ พวกเขาต้องพึ่งพาอาศัยกันถึงจะถูก
หลังจากนั้นตลอดเส้นทาง พวกเขาก็มีความเข้าใจกันโดยปริยาย กำหนดทิศทางได้ สามัคคีการก้าวเดิน รักษากำลังสุดท้ายของร่างกายไว้
หลังจากเดินพยุงกันมาสักระยะหนึ่ง ญาธิดาสังเกตเห็นว่าบรรยากาศรอบ ๆ ดูคุ้นตาขึ้นเยอะ เธอยังสังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่เธอทำทิ้งไว้บนต้นไม้เมื่อตอนกลางวัน
ขอเพียงเดินตามสัญลักษณ์ที่เธอทำไว้ พวกเขาก็จะต้องเดินไปถึงทางลงเขาได้!
คิดได้เช่นนี้ เธอจึงสาวเท้าก้าวเร็วขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
คืนมืดมิดที่สุดแสนจะน่าเบื่อ หลังจากเดินไปได้สักพัก ระยะทางไกลกว่าที่เธอคิด อีกทั้งฝนยังตกถนนลื่น จึงเดินได้ช้ามาก
สักพัก ความหวังที่มีอยู่ในใจของญาธิดาค่อย ๆ จางหายไป
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ ท่ามกลางความมืด เธอมองไม่เห็นถึงสีหน้าของเขา เธอขยับริมฝีปากเล็กน้อย อดไม่ได้จึงเอ่ยปากถามขึ้น “ภวินท์ ทำไมคุณถึงมาช่วยฉัน”
วันนี้ตอนที่เธออยู่บนเขาคนเดียวนั้น ขณะที่กำลังสูญสิ้นความหวัง เธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะมีคนมาช่วยเธอ
ดูเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะถามคำถามนี้ ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเบา ๆ “โครงการหนังสั้นการกุศลนี้ ในระยะแรกลงทุนไปไม่น้อย หากเกิดอะไรขึ้นกับคุณ สิ่งที่ทำก่อนหน้านี้ก็คงจะสูญเปล่า”
ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ตกใจเล็กน้อย ทุกคำพูดติดอยู่ในลำคอ ไม่สามารถพูดออกมาได้
สักพัก หัวใจของเธอก็เย็นชาลง
เป็นเธอเองที่คิดมากไปเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...