ขับมาถึงตำแหน่งที่อยู่ที่ธีทัตส่งมาให้เธอ เป็นเวลาสิบโมงเช้า เธอลงจากรถแล้วเดินไปทางออกหมายเลขหนึ่งของMoon Plaza หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรหาธีทัต
ตำแหน่งที่อยู่ที่ธีทัตส่งมาให้เธอก็คือทางออกหมายเลขหนึ่งของMoon Plaza ไม่ได้บอกรายละเอียดอย่างอื่นของตำแหน่ง เธอโทรศัพท์เพื่อให้เขามารับเธอโดยตรง
ใครจะไปรู้ว่าโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามครั้งแล้วก็ยังไม่มีคนรับสาย จู่ ๆ ด้านข้างก็มีชายหนุ่มหอบดอกไม้ในมือเดินเข้ามา
“คุณญาธิดา ดอกไม้นี้มอบให้กับคุณครับ”
ญาธิดาตกใจ ยื่นมือไปรับไว้ แล้วมองดูช่อกุหลาบสีแดงสดสวยงาม จึงเกิดความงุนงง มองไปยังรถ SUV สีดำที่อยู่ตรงด้านหน้าเธอ
เธอมองไปยังชายหนุ่มคนนั้นด้วยความสงสัย เห็นเพียงเขาดึงประตูรถ แล้วโค้งเบา ๆ ทำท่าผายมือเชื้อเชิญเธอ
ญาธิดาถามด้วยความเย็นชา “ที่นี่ไม่ใช่จุดหมายเหรอ”
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ใช่ครับ”
เธอลังเลครู่หนึ่ง ไม่เข้าใจว่าธีทัตนั้นกำลังจะทำอะไร หยุดชะงักแล้วมองชายหนุ่มคนนั้นแวบหนึ่ง แล้วก็เดินขึ้นรถไป
ชายหนุ่มเห็นดังนั้น ก็ปิดประตูรถลง เดินไปด้านหน้าแล้วนั่งลงยังที่นั่งคนขับ
ราวกับสัมผัสได้ถึงความสงสัยและความไม่สบายใจของญาธิดา ชายหนุ่มคนนั้นจึงกล่าวเบา ๆ “คุณญาธิดา คุณธีทัตบอกว่าให้พวกเราดูแลคุณให้ดี ๆ หากคุณต้องการอะไร บอกกับพวกเราได้ตลอดเวลาเลยนะครับ”
ญาธิดาพยักหน้า ความสงสัยในใจคลายลงเล็กน้อย
ได้เวลาพอสมควร ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้นำน้ำและผลไม้มาเสิร์ฟ ญาธิดาเหลือบมองอาหารเหล่านั้นแวบหนึ่ง และไม่ได้แตะต้องแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้เธอประสบกับความเสียรู้เช่นนี้มาก่อน ย่อมไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอย่างแน่นอน ดังนั้นเมื่ออยู่ข้างนอก เธอจะไม่แตะต้องอาหารใด ๆ ที่มีความเป็นได้ในทางที่จะเกิดผลร้ายกับเธอ
บนรถ มีกลิ่นไม้จันทน์หอมจาง ๆ จางจนแทบไม่รู้สึกว่ามีกลิ่น
ญาธิดามองออกไปนอกหน้าต่าง แล้วก็ถามขึ้น “พวกเรากำลังจะไปไหนกัน นานแค่ไหนกว่าจะถึง”
“จุดหมายปลายรอคุณถึงแล้วก็จะรู้ครับ บอกออกมาก่อนจะไม่ตื่นเต้น ระยะทางประมาณสี่สิบนาที คุณสามารถพักผ่อนก่อนได้เลยครับ”
ได้ยินชายหนุ่มคนนั้นตอบกลับ ญาธิดาพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปมองวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง
หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็เริ่มรู้สึกง่วง สองลูกตาเริ่มหย่อน หนังตาบนล่างเริ่มปะทะชนกัน
เธอสูดลมหายใจลึก ๆ เอนตัวพิงหลัง ท่ามกลางความสะลึมสะลือ สติเริ่มเฉื่อยชาลงเรื่อย ๆ สุดท้ายก็หลับไปอย่างไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร เธอกึ่งหลับกึ่งตื่น รู้สึกว่าตัวเองยังคงอยู่บนรถ ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อ เธอพยายามจะลืมตา แต่ว่าไม่รู้ทำไมร่างกายถึงเหมือนกับไม่มีแรงลืมตา ทำได้เพียงยอมให้ถูกจูงนำ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ญาธิดารู้เพียงว่าได้ผ่านการเดินทางที่แสนยาวนาน หลังจากเลี้ยวไปเลี้ยวมา ขึ้นรถลงเรือ ในที่สุดก็หยุดลง
ท่ามกลางกึ่งหลับกึ่งตื่น จู่ ๆ ก็มีน้ำเย็นหนึ่งกะละมังราดจากศีรษะเธอลงมา เธอจึงตัวสั่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว ในที่สุดก็ลืมตาตื่นจากความสะลึมสะลือ เมื่อตื่นขึ้นมา ก็เห็นแสงไฟและร่างคนราง ๆ
เธออยู่ที่ไหน
ไหนว่าจะพาเธอไปหาธีทัตอีธาน เอลล่าไม่ใช่เหรอ”
……
ญาธิดากัดฟัน พยายามลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้าในที่สุดก็ชัดเจนขึ้นช้า ๆ
ด้านหน้าเธอเป็นผืนหาดทราย ไกลออกไปอีกนิดก็คือทะเลที่มองสุดลูกหูลูกตา ไร้ขอบเขต ฟ้าเริ่มมืดสลัว ดูแล้วน่าจะเป็นเวลาประมาณห้าถึงหกโมงเย็น
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แต่ละคนต่างจ้องมองมาที่เธอด้วยดวงตาที่ซับซ้อน
ญาธิดาตื่นขึ้นในทันใด อย่างแรกคือจ้องมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็รู้สึกตัวว่าตัวเองถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้ ไม่ว่าจะดิ้นรนขัดขืนอย่างไรก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...