ทั้งสองประสานตากัน หนึ่งวินาที สองวินาที สามวิ……
รู้สึกถึงความกุ๊กกิ๊กค่อย ๆ ปรากฏขึ้นในอากาศ ญาธิดาเกิดความระแวง เบือนหน้าหนีจากมือของเขา และเว้นระยะห่างระหว่างทั้งคู่ “รักษาตัวด้วย”
หลังจากที่กล่าวจบ เธอก็รีบผลักประตูที่อยู่ข้าง ๆ แล้ววิ่งหนีราวกับสัตว์ตัวน้อย ๆ
ดวงตาของชายหนุ่มทั้งดำและเป็นประกาย ลุ่มลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง เธอกลัวจริง ๆ กลัวว่าเมื่อจ้องมองแล้วตัวเองจะค่อย ๆ จมดิ่งเข้าไปสู่ในห้วง
รีบออกจากห้องรับรอง เดินออกมาได้ช่วงหนึ่ง ร่างกายที่ตึงเครียดของเธอถึงได้ผ่อนคลายลง
“สวัสดีค่ะคุณธิดา”
ข้าง ๆ มีพนักงานได้เดินผ่านมา แล้วทำการทักทายกับเธอ เห็นได้ชัดว่าดวงตาหยุดนิ่งอยู่ที่ลำคอของเธอ
ญาธิดายิ้มให้กับพนักงาน สังเกตเห็นการจ้องมองของเธอ ถึงนึกขึ้นได้ว่าสร้อยคอไพลินเส้นนั้นยังคงสวมอยู่บนคอของเธอ
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก รีบเดินมาไปยังสถานที่ที่ไม่มีคน แล้วถอดสร้อยคอออกมา
สร้อยคอเส้นนี้ช่างเป็นที่สะดุดตาผู้คนนัก เพื่อไม่ให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ เธอถอดออกมาเก็บไว้จะดีกว่า
เมื่อเก็บสร้อยคอเรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินไปยังพื้นที่ถ่ายทำ พูดคุยกับพนักงานสองสามประโยค จากนั้นก็เริ่มงานถ่ายทำต่อทันที
ไม่ถึงสิบนาที ภวินท์ก็เดินออกมาจากห้องรับรอง พาพายุขึ้นรถแล้วจากไป ญาธิดาหันหน้ามามองรถยนต์ที่จากไป แล้วก็คลายความโล่งใจ
เมื่อเลิกงานแล้วกลับถึงบ้าน ญาธิดาถึงได้วางกระเป๋าในมือลง คุณปภาวีเดินเข้ามาต้อนรับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ธิดา พรุ่งนี้พ่อของหนูจะพาแม่ออกไปเที่ยว”
ญาธิดายิ้มแล้วถาม “ไปเที่ยวไหนคะ”
“ไปที่หมู่บ้านน้ำใส พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของหนูไม่ใช่เหรอ! พ่อของหนูบอกว่าเป็นวันทรมานของแม่ด้วย ดังนั้นอยากจะพาแม่ออกไปพักผ่อนสักหน่อย”
เธอกล่าวและยิ้มหวานไปทางกับดร.ยติภัทรที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟา
ญาธิดาหันหน้าไปมอง เห็นดร.ยติภัทรที่ไม่ละสายตาจากการจดจ่อหนังสือพิมพ์ในมือ แต่เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นของคุณปภาวี มุมปากของเขาก็ยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เห็นความอ่อนหวานของทั้งคู่ ญาธิดาก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้น
ดูเหมือนว่าเนื่องจากดร.ยติภัทรมีอาการป่วยหนักมาก่อน ดังนั้นจึงรักคนรอบข้างอย่างมาก อายุยิ่งมาก เขาก็ยิ่งรักคุณปภาวีมาก
เธอในฐานะลูกสาว รับรู้ด้วยตา สัมผัสความหวานด้วยใจ
เธอหันหน้าไปมองคุณปภาวี ยิ้มแล้วกล่าวเบา ๆ “หนูเห็นด้วยอย่างมากเลยค่ะ พรุ่งนี้แม่กับพ่อไปเที่ยวกันให้สนุก! ไม่ต้องคิดอะไรทั้งนั้นนะคะ!”
“ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง แม่เองก็ไม่มีทางไม่สนใจหนูเช่นกัน! แม่ได้บอกกับลูกเขยแล้ว! เขาบอกว่าจะเตรียมเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ให้กับหนู แม้แต่แม่เขาก็ไม่ยอมบอก!”
พลางพูดคุณปภาวีพลางเข้าใกล้เธอ แล้วขยิบตาอย่างมีเลศนัยให้กับเธอ
รอยยิ้มบนใบหน้าของญาธิดาก็ยิ่งลุ่มลึกขึ้น และก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
ครอบครัวปรองดอง ลูก ๆ พร้อมหน้าพร้อมตากัน ชีวิตแบบนี้เป็นชีวิตที่เธอรอคอย
“พรุ่งนี้แม่กับพ่อไปเที่ยว หนูกับลูกเขยทัตและลูกน้อยอีกสองคนฉลองกันให้สนุกนะ!”
ฟังคำกำชับย้ำ ๆ ของคุณปภาวี ญาธิดาพยักหน้ารัว ๆ ยิ้มแล้วตอบรับ “ค่ะ ๆ หนูจะฟังคำแม่”
คืนนั้น ไม่รู้ว่าคุณบิ๊กไปรู้ข่าวมาจากไหน เรื่องที่วันพรุ่งนี้เป็นวันเกิดของธิดา เขาได้ส่งข้อความมาบอกว่าให้เธอพักผ่อนอยู่บ้าน เรื่องกองถ่ายเขาจะรับหน้าที่เอง
เห็นคำอวยพรวันเกิดของคุณบิ๊ก ญาธิดายกริมฝีปากขึ้น รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก
อันที่จริง หากไม่ใช่วันนี้ภวินท์ได้พูดขึ้น เธอคงลืมวันเกิดของตัวเองแล้ว ห้าปีก่อนที่อยู่อเมริกานั้น เธอนึกถึงเรื่องราวตอนนั้นว่า เธอก็เคยลืมวันเกิด แต่เมื่อลืมไปแล้วก็ลืมไปเลย คิดไม่ถึงว่าที่เมือง J จะมีมากมายจำวันเกิดของเธอได้ และให้ความอบอุ่นความสุขกับเธอมากมายเช่นนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...