นีราภาย่นคิ้วหากัน และคอยจับตามองญาธิดา และเกิดความรู้สึกไม่มั่นใจอยู่บ้าง
หรือว่าข้อมูลของญาธิดาที่กรอกลงมานั้นจะเป็นข้อมูลเท็จงั้นเหรอ? แต่เธอทำไมต้องโกหกแบบนี้ด้วยนะ?
นีราภายังไม่ยอมลดละ จึงลุกขึ้นทันที “ไป พวกเราเดินตามไปดูกันเถอะ!”
หลังจากที่ญาธิดานำถาดกลับไปวางที่เดิมแล้วนั้น ก็สาวเท้าเดินออกจากโรงอาหารทันที ซึ่งเดินไม่ได้นานเท่าไหร่นัก เธอก็สัมผัสได้ว่าทุกอณูในร่างกายนั้นมันคัน ทั้งแขน คอ กระทั่งใบหน้า ทั้งร้อนแล้วคัน
ความรู้สึกเช่นนี้เป็นสิ่งที่เคยคุ้นชินกันมาแล้ว เธอเกาแขนตัวเอง และเลิกแขนเสื้อขึ้นมาดู จึงมองเห็นว่าบนท่อนแขนนั้นเริ่มมีผดผื่นจุดแดงๆ ขึ้นมาแล้ว
เธอ... กำลังแพ้อาหารอยู่นี่!
ก่อนหน้านี้เธอเคยมีอาการแพ้อาหาร จึงได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลและรู้ว่าแพ้มะม่วง ทว่าวันนี้เธอไม่ได้แตะต้องมะม่วงสักนิด!
ซึ่งเธอยังไม่ทันรู้เรื่องอะไร ความรู้สึกคันคะเยอไปทั่วร่างกายกลับยิ่งหนักขึ้นเรื่อย เธออดใจไม่ไหวจนยื่นมือออกไปเกาตำแหน่งพวกนั้น บริเวณที่ถูกเกาก็แดงเป็นปื้น ซึ่งไม่ได้เป็นการหยุดให้หายคัน ในทางกลับกันยังยิ่งคันหนักกว่าเก่าเสียอีก
ความรู้สึกเช่นนี้ ราวกับมีแมลงนับหมื่นนับพันตัวมันกำลังกินแทะทุกอณูในร่างกายทุกส่วน ช่างทรมานอย่างที่สุด
ญาธิดาอดทนกับอาการทรมานนี้เอาไว้ และรีบสาวเท้ามุ่งหน้าเดิน ทว่าด้วยความรีบร้อน ฝ่าเท้าจึงก้าวพลาด จนตัวเองลื่นถลา
ร่างกายของเธอถลาไปทางด้านหน้า ซึ่งเห็นเต็มตาว่าจะล้มไปกองกับพื้น จู่ ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาทางด้านข้าง และประคองเธอเอาไว้ทันที
“ธิดา คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
ญาธิดาทรงตัวได้ดี และเงยหน้าขึ้นจนเห็นว่าเป็นภาม
เธอส่ายหน้าไปมา และยังไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของภามก็เปลี่ยนไปทันที “หน้าคุณ...”
ญาธิดามีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันที พลางยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตนเอง ซึ่งมันบวมขึ้นมาแล้ว
ซึ่งอาการมันเหมือนกับอาการแพ้มะม่วงของเธอก่อนหน้านี้ทุกอย่าง ทว่าเธอไม่ได้กินอาหารที่มีส่วนผสมเจือปนของมะม่วงนี้...
หรือว่า ....แก้วนั้นมันเป็นน้ำผักรวม? ทว่าก่อนหน้านี้เธอดื่มแล้วก็ไม่เคยเป็นอะไรนี่
เมื่อเห็นว่าภามอยากเขยิบเข้าหา ญาธิดาถอยหลังไปก้าวหนึ่งตามสัญชาตญาณ “ฉันแพ้อาหาร”
ภามพูดทันทีโดยไม่มีอาการลังเลแม้แต่น้อย “ผมจะพาคุณไปส่งที่โรงพยาบาล!”
เดิมญาธิดาก็อยากปฏิเสธ ทว่าความรู้สึกทรมานมันยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่มีวิธีอื่น จึงตอบตกลงไป
....
สนามบินเขตชานเมืองของเมือง J
ภวินท์ลงจากเครื่องบิน และพานิวราไปส่งที่โรงพยาบาล จากนั้นก็มุ่งหน้ามาที่ STN Group ทันที
เขามองพายุ พร้อมทั้งพูดกำชับ “ช่วงนี้บริษัทมีเรื่องอะไรบ้าง รายงานมาสิ”
“โปรเจคคุณสิงห์คอยตามอยู่ครับ ทุกอย่างปกติดีครับ และมีรองประธานหลายท่านต้องการนัดพบกับคุณครับ ตอนนี้ได้จัดลงตารางงานให้คุณเรียบร้อยไว้แล้วครับ ยังมีอีกเรื่อง ช่วงนี้ในบริษัทมีข่าวลือเรื่องคุณชายกับคุณนายมาตลอดเลยครับ...”
“เรื่องนี้ผมรู้” ภวินท์เลิกคิ้วขึ้น นัยน์ตาเคร่งขรึม “เดี๋ยวถึงบริษัทแล้ว คุณแจ้งเธอให้หน่อยว่ามาพบผมด้วย”
พายุตอบรับ “ครับ”
ภวินท์มาถึงห้องทำงาน ก็จัดการเปิดเอกสารที่ทางผู้ช่วยจัดส่งมาให้ ยังไม่ทันได้มองอย่างละเอียดเลย พายุก็ผลักประตูเข้ามาทันที
“คุณภวินท์ครับ คุณนายเธอ... ไม่ได้อยู่ที่บริษัทครับ เธออยู่ที่โรงพยาบาล”
“โรงพยาบาลเหรอ?” ภวินท์ขมวดคิ้วเป็นโบ “เกิดอะไรขึ้น?”
พายุตอบไปตามความจริง “ผมไปได้ยินคนในแผนกธุรการพูดมา น่าจะแพ้อาหาร ตอนนี้คนอยู่โรงพยาบาลครับ”
ภวินท์ทำสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย จึงรีบลุกขึ้นแล้วเดินสาวเท้าออกไปข้างนอกทันควัน “โรงพยาบาลอะไร?”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า เขาเพิ่งจะหายหน้าหายตาในเพียงไม่กี่วันเอง ก็เกิดเรื่องขึ้นตั้งมากมายก่ายกองไม่รู้จักหยุดจักหย่อนขนาดนี้ อันดับแรกคือข่าวลือเรื่องของญาธิดากับเขา ต่อมาก็มีนายภามผุดขึ้นมาอีกเรื่อง จากนั้นเธอก็แพ้อาหารขึ้นมาอีก
พายุลังเลอยู่บ้าง “อยู่ที่โรงพยาบาลกลางครับ ท่านประธาน จะไปตอนนี้เลยไหมครับ? เมื่อครู่ยังพูดอยู่ว่าจะประชุมกับบอร์ดผู้บริหารระดับสูงอยู่เลยนะครับ?”
ภวินท์ได้ยินเช่นนั้น พลางทำสีหน้าหม่นหมองลงเล็กน้อย ทว่าฝีเท้าที่ก้าวเดินไม่ได้แสดงท่าทีจะหยุดเดินเลย “ไปโรงพยาบาล!”
ไม่เกินเวลาครึ่งชั่วโมง ภวินท์กับพายุก็รีบบึ่งมาที่โรงพยาบาล หลังจากหาเลขห้องได้แล้วนั้น ภวินท์มองบานประตูห้องที่เปิดแง้มอยู่ และเตรียมจะก้าวขาเดินเข้าไป
ทันใดนั้น ในห้องผู้ป่วยก็มีเสียงดังเล็ดลอดออกมา “ภาม ขอบคุณนะที่คุณมาส่งฉันที่โรงพยาบาล...”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...