ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 45

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะกระแนะกระแหนของเพื่อนร่วมงานอีกหลายคน ญาธิดาอดกลั้นความโกรธเคืองเอาไว้อย่างหนัก พลางหันหลังไปมองพวกเขา และพูดด้วยสีหน้าอันเคร่งขรึม “พวกคุณไปฟังใครพูดมา?”

ซึ่งพูดกันตามเหตุผลแล้ว ภามคนที่เธอรู้จักนั้น ไม่ใช่จำพวกเอาเรื่องไปเที่ยวโพนทะนาให้คนเขาลือกันไปทั่ว ทว่าพวกเขารู้เรื่องได้ยังไงกัน?

เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งพูดและหัวเราะอย่างไม่หวั่นเกรง “เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้กันดีใช่ไหม?”

“ใช่จ้า คุณญาธิดา ช่วงนี้คุณมีชื่อเสียงโด่งดังมากในบริษัทเลย เรื่องพวกนี้ทุกคนต่างรู้เรื่องกันหมดแหละ!”

เมื่อฟังคนหนึ่งพูดและมีอีกคนคอยพูดสมทบ ญาธิดาอดใจจนกำหมัดแน่นไม่ไหว ราวกับมีสิ่งของบางอย่างมันมาจุกอยู่ตรงคอหอย จนทำให้เธอไม่มีวิธีกลืนลงคอไปได้เลย

เธอกวาดตามองพวกเขาแวบหนึ่ง พลางหยิบเอกสารที่ถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้วขึ้นมา และเดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตนเองทันที

ชมพู่ที่อยู่ด้านข้างอดใจอดทนต่อไปไม่ไหวจริงๆ พลางลุกขึ้นและเดินตามญาธิดาไปห้องทำงาน

เมื่อประตูห้องทำงานปิดลง ชมพู่คอยพูดเกลี้ยกล่อม “ธิดา แกอย่าโกรธเลย”

ญาธิดาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ “เรื่องนี้ทุกคนรู้ได้ยังไง?”

“ก็ในแชทกลุ่มไง เมื่อวานมีคนเอารูปที่แกกับนายภามเดินไปด้วยกันเอาไปลงในกลุ่มแชทแล้วนะสิ จากนั้นก็มีคนในออฟฟิศนี่แหละพูดว่าไปเห็นพวกแกอยู่ในร้านอาหาร แล้วก็ยังพูดมาว่ายังไม่ทันได้กินข้าวอิ่มเลย แกก็ขอตัวกลับก่อนแล้ว ดังนั้นทุกคนก็เลยรู้ทันที...”

เมื่อได้ยินว่าชมพู่พูดออกมาเช่นนี้ ญาธิดาเพิ่งจะนึกออก เมื่อวานนี้หลังจากที่เธอมองข่าวคราวในกลุ่มแล้ว จึงจัดการตั้งปิดการแจ้งเตือนของกลุ่มทันที มิน่าล่ะเธอถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักอย่าง

“ธิดา ช่วงนี้ทุกคนต่างสนใจในตัวแก อีกทั้งคนในแผนกออฟฟิศของพวกเราอีกหลายคนก็ชอบซุบซิบนินทาเป็นชีวิตจิตใจ เรื่องนี้ก็ทำอะไรไม่ได้...”

ญาธิดาอารมณ์สับสน ความจริงแล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าเธอจะทำเช่นไร ต่างไร้ประโยชน์สิ้นดี แต่ไม่เท่ากับ การอ่อนน้อมถ่อมตนลงเล็กน้อย และอดทนอดกลั้นเอาไว้ รอให้ความกระตือรือร้นของทุกคนหมดพลังงานกันไปก่อน

การที่เธอคิดออกมาเช่นนี้ ในใจกลับนิ่งสงบขึ้นบ้าง พลางเงยศีรษะขึ้น และมองมาทางชมพู่ พลันยิ้มให้เธอ “ขอบใจนะ ชมพู่”

เวลานี้เอง คนที่เข้ามาคอยปลอบใจเธออยู่หลายประโยค เกรงว่าคงมีแค่ชมพู่แล้วแหละ

พริบตาเดียว เวลาช่วงเช้าก็ผ่านไปแล้ว ถึงทานอาหารกลางวัน ชมพู่จึงลากญาธิดาไปกินข้าวที่โรงอาหารของพนักงาน

ภายในโรงอาหารที่มีคนเดินเข้าเดินออกกันอย่างขวักไขว่ ญาธิดารับรู้ถึงสายตาของคนด้านข้างที่คอยมองมาที่ตนเอง ทว่าเธอกลับไม่ค่อยได้ใส่ใจอะไร ก็ยังเดินไปตักข้าวตามปกติ จากนั้นก็ยกถาดไปหาที่นั่งและจัดการนั่งลง

ภายในโรงอาหารเป็นโต๊ะที่นั่งได้โต๊ะละสี่คน ญาธิดาเพิ่งจะนั่งลง จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาหาทันที และจัดการนั่งลงยังตำแหน่งตรงกันข้ามกับเธอ

พอเธอเงยหน้าขึ้น จึงมองเห็นสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรของนีราภา ด้านข้างยังมีเพื่อนในออฟฟิศขนาบข้างเธอมาอีกสองคน

พวกเธอทั้งสามคนนั่งลงตรงตำแหน่งสามที่ว่างอยู่ และจัดการล้อมญาธิดาไว้ทุกทิศทุกทาง

ญาธิดาย่นคิ้วหากัน และเอ่ยปากเตือน “ฉันยังมีเพื่อนมานั่ง”

เธอเพิ่งจะพูดจบ ชมพู่ที่เพิ่งตักข้าวเสร็จก็เดินเข้ามาหา และจ้องมองพวกเธออย่างมึนงงเล็กน้อย

นีราภายกมุมปากยิ้มให้ พลางเหลือบมองชมพู่ จากนั้นจึงชี้ไปที่โต๊ะด้านข้าง “ตรงนั้นก็ว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ? หล่อนก็ไปขอแบ่งที่นั่งโต๊ะของบัวสิ!”

เธอทั้งพูด และมองมาทางญาธิดาพร้อมทั้ง จากนั้นก็หัวเราะและพูดพร้อมกัน “คุณญาธิดา จะพูดยังไงพวกเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน นั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันมันมีอะไรที่ไม่เหมาะสมไหมล่ะ?”

เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของนีราภาแล้ว ญาธิดาเข้าใจแจ่มแจ้งทันที เธอจงใจมาหาเรื่อง เธอชะงักเล็กน้อย ไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาสักเท่าไหร่ จึงพูดกับชมพู่ทันที “ชมพู่ แกไปหาที่นั่งทางฝั่งนั้นก่อนนะ”

แม้ว่าชมพู่จะลังเลอยู่บ้าง แต่ยังพยักหน้าเล็กน้อย เพื่อเป็นการตกลง

นีราภาเห็นชมพู่เดินไปแล้ว รอยยิ้มอันภาคภูมิใจปรากฏอยู่ในดวงตาอยู่บ้าง เธอหยิบตะเกียบขึ้นมา และกินกับข้าวไปหนึ่งคำ จากนั้นก็จงใจเอ่ยปากถามไถ่ “คุณญาธิดา ฉันได้ข่าวว่าเมื่อวานนี้คุณตัดหางปล่อยวัดนายภามที่อยู่ฝ่ายการเงินไว้คนเดียวแล้วตัวเองก็หนีเตลิดไปเหรอ? ฉันยังแปลกใจมากเลย ว่าคุณอ่อยผู้ชายเขาได้ยังไงกัน มีเทคนิคอะไรหรือเปล่า?...ช่วยสอนฉันหน่อยสิ?”

การที่เธอพูดออกมาเช่นนี้ เพื่อนในออฟฟิศที่อยู่ด้านข้างอีกสองคนต่างคอยช่วยพูดสนับสนุนและหัวเราะทันที

ญาธิดาก้มศีรษะลง มือที่จับตะเกียบเอาไว้แน่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์