ทันใดนั้นเอง คุณย่าแห่งตระกูลสถิรานนท์ก็นึกย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน สายตาเธอจ้องมองไปยังพวกเด็กๆที่ร้องเจี๊ยวจ๊าวหน้าประตูท้องฟ้าจำลอง ทันใดนั้นน้ำตาก็รื้นขึ้นมาเต็มขอบตา
“นายท่าน……” คนรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างๆไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง “เป็นอะไรไปเหรอคะ?”
คุณย่ายกมือขึ้น เช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาจากหางตา แล้วสูดหายใจพูดว่า “ไป…ไปดูทางนั้นกัน”
ว่าแล้วเธอก็ก้าวเดินออกไปทางนั้น
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเด็กชายคนนั้นคล้ายกับภวินท์ ทั้งคิ้วตา สีหน้าท่าทาง เป็นเหมือนกับภวินท์ตอนเด็กอย่างกับแกะ
“พี่คะ พวกเราจะต่อแถวอีกนานแค่ไหน!”
เด็กผู้หญิงที่อยู่ข้างเด็กชายหันหลังให้คุณย่าอยู่ ระหว่างที่พูดนั้นก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตากลมโตใสแจ๋วคู่นั้น จมูกโด่งเล็กน้อย อายุยังน้อยก็ดูออกว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง
ที่ทำให้คุณย่าประหลาดใจก็คือ เด็กหญิงกับเด็กชายหน้าตาคล้ายกันมาก เด็กสองคนเหมือนตุ๊กตาแกะสลักตัวเล็กๆยืนอยู่ตรงกลางพวกเด็กๆ ดูโดดเด่นสะดุดตา ทำให้คนที่เห็นแล้วอดไม่ได้ต้องเอ็นดู
คุณย่าเดินเข้าไปใกล้ มองดูอีธานกับเอลล่า ความรู้สึกดีใจล้นปรี่ออกมา
เด็กสองคนหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้นคิ้วและดวงตาของพวกเขาคล้ายกับภวินท์ตอนเด็กมาก ทำให้เธอยิ่งหลงรักเข้าไปใหญ่
“เด็กๆ……” คุณย่าเดินเข้าไปใกล้ผู้คน มองดูอีธานกับเอลล่า นัยน์ตาประกายไปด้วยความอ่อนโยน “พวกหนูชื่ออะไรจ๊ะ?”
อีธานกับเอลล่าได้ยินแล้วก็หันหน้าไปมอง เห็นหน้าตาใจดีของคุณย่า ก็ไมได้พูดอะไร
ชะงักสักพัก เอลล่าก็ถึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหน่อมแน้มว่า “แม่บอกว่าไม่ให้พวกเราพูดกับคนแปลกหน้าค่ะ”
คุณย่าได้ยินแล้วก็ยิ้มตาหยีจนเป็นรูปจันทร์เสี้ยว “พ่อแม่ของพวกหนูเป็นใครเหรอจ๊ะ?”
เอลล่ากำลังจะตอบ แต่กลับถูกอีธานที่อยู่ข้างๆห้ามเอาไว้ก่อน เขาขวางหน้าเอลล่าไว้เหมือนลูกผู้ชาย แล้วพูดกับคุณย่าว่า “คุณยายครับ คำถามส่วนตัวแบบนี้พวกเราตอบไม่ได้ครับ”
เอลล่าอดไม่ได้พูดขึ้นว่า “แต่ฉันว่าคุณยายคนนี้ดูไม่เหมือนคนร้ายนะ…”
อีธานขมวดคิ้วแล้วสอนน้องสาวด้วยสีหน้าจริงจัง “พ่อบอกแล้วไง! คนร้ายไม่ได้เขียนคำว่า ‘คนร้าย’ ไว้บนหน้าสักหน่อย!”
“……”
ได้ยินบทสนทนาของเด็กสองคน คุณย่าก็หัวเราะไปตามๆกัน เธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดคุยกับพวกเขา
ในขณะเดียวกัน ญาธิดาที่นั่งอยู่ในร้านน้ำพูดกับธีทัตเสร็จ ก็ตัดสายวิดีโอคอลไป เงยหน้ามองไปยังหน้าประตูท้องฟ้าจำลองอีกครั้ง ตามหาอีธานกับเอลล่า
ตอนที่เห็นเด็กสองคน ญาธิดาก็รู้สึกโล่งใจ แต่วินาทีต่อมา พอเธอเห็นคนที่นั่งอยู่ข้างๆคือนายท่านแห่งตระกูลสถิรานนท์ สีหน้าก็บึ้งตึงลงทันที
ทำไมถึงเป็นคุณย่ากัน?
อีธานเอลล่าไปคุยกับเธอได้ยังไงกัน?
เลือดในตัวพลุ่งพล่านขึ้นมา ญาธิดาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วรีบลุกขึ้นเดินไปทางนั้น แต่ยังเดินไม่ถึงสองก้าว ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกตัวขึ้นมา
ถ้าตอนนี้เธอเข้าไปหาอีธานกับเอลล่าไป คุณย่าก็จะรู้ความสัมพันธ์ของพวกเขา จะต้องถามอะไรแน่ ถึงตอนนั้นเธอกลัวว่าตัวเองจะตุกติกเลิ่กลั่กจนทำให้เสียเรื่อง
กว่าเธอจะหลอกภวินท์แล้วปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย ตอนนี้พออยู่ตรงหน้าคุณย่าที่ตาแหลมกว่าใครอื่น เธอจะปกปิดยังไงล่ะ ด้วยการแสดงที่ห่วยแตกของเธอ เกรงว่าจะผ่านไปไม่ได้ง่ายๆ
คิดได้แบบนี้แล้ว ญาธิดาก็เย็นเฉียบไปทั้งตัว แผ่นหลังเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ลังเลสักพัก แล้วเงยหน้ามองบอดี้การ์ดโชนที่อยู่ไม่ไกลมาก
ยังดีที่มีโชนอยู่ด้วย เธอจะได้ไม่ต้องไปเอง!
เธอรีบก้าวไปข้างหน้าอย่างดีใจ สั่งโชนเสร็จก็รีบกลับหลังหันเดินไปร้านเสื้อผ้าข้างๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...